20 กรกฎาคม 2022 เพจทางการของวง Guns N’ Roses ประกาศข่าวว่าจะมาโชว์ในกรุงเทพฯ ที่สนาม SCG Stadium ในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ หลังประกาศได้ไม่กี่นาที ก็สร้างเสียงฮือฮาตอบรับจากบรรดาแฟน ๆ อย่างมาก แม้ว่าค่าบัตรจะดุเดือดเอาเรื่อง เพราะเริ่มต้นที่ 4,000 บาท เปิดขายบัตร 28 กรกฎาคมนี้

ระหว่างที่รอไปโยกหัวกันกับวงร็อกระดับตำนาน ที่จะมีขึ้นในอีก 3 เดือนกว่า ๆ จากนี้ เรามาเตรียมอารมณ์กันด้วยเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ Guns N’ Roses กันดีกว่า เชื่อว่าบางเรื่องที่นำมาฝากนี้ ระดับสาวกก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเป็นแน่ เพราะแต่ละเรื่องนี้ล้วนเป็นวีรกรรมระดับเฮี้ยนสุดขีด ให้สมกับศักดิ์ศรีวงร็อกอันดับต้น ๆ ในยุค 90s กันเลย

Guns N’ Roses เป็นวงร็อกที่ถือกำเนิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ความสำเร็จของวงนั้นเรียกได้ว่าเปลี่ยนภาพลักษณ์ของวงการร็อกแอนด์โรลกันเลยทีเดียว นับตั้งแต่วงปล่อยอัลบั้มแรก Appetite for Destruction ในปี 1987 อัลบั้มฮิตตั้งแต่เริ่มวางแผง แล้วก็สร้างสถิติด้วยการเป็นอัลบั้มแรกของวงดนตรีที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

หลังประกาศศักดาด้วยการเวิลด์ทัวร์ได้ไม่นาน Guns N’ Roses ก็ได้ฉายาว่าเป็น “วงร็อกที่อันตรายที่สุด” ด้วยพฤติกรรมสุดห่ามต่าง ๆ นานา เรามาดูกันว่าสมาชิกแต่ละคนในวงเคยสร้างวีรกรรมอะไรกันไว้บ้าง

1.พวกเขาเกือบตายทั้งวงในอุบัติเหตุรถยนต์ ตั้งแต่ออกทัวร์ด้วยกันครั้งแรก

สมาชิกวงยุคแรก

การออกทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันครั้งแรก ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ยากลำบากเสมอไม่ว่ากับวงไหน เพราะพวกเขาต่างไม่มีประสบการณ์ด้วยกันทั้งนั้น และมักเจอปัญหาเฉพาะหน้าให้ต้องแก้ไข โดยเฉพาะกับ Guns N’ Roses ในทัวร์คอนเสิร์ตแรกที่อุปกรณ์ต่าง ๆ นานาก็ยังไม่พร้อม แม้กระทั่งรถบัสที่ใช้เดินทางก็ไม่สมบูรณ์นัก มีอยู่ครั้งที่รถเสียระหว่างเดินทาง ทำเอาสมาชิกวงต้องทิ้งรถ ทิ้งเครื่องดนตรีไว้กับรถ แล้วมาโบกรถกันเพื่อเดินทางต่อไปให้ถึงจุดหมายทันเวลา

แม้กระทั่งในช่วงที่ทัวร์สิ้นสุดไปแล้ว วิบากกรรมของพวกเขาก็ยังไม่จบ หลังสิ้นสุดโชว์สุดท้าย สมาชิกวงต้องเดินทางกลับไปยังลอสแองเจลิสด้วยกัน รถที่ชาวคณะอัดกันไปก็คือรถ โตโยต้า Celica ของ ดัฟ แม็กคาแกน (Duff McKagan) มือเบสของวง ระหว่างทางที่ที่วิ่งกลับนี้ รถก็ไปชนกับรถอีกคันที่ความเร็วเกือบ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดชะบุญที่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส คนที่อาการหนักสุดคือ สตีฟ แอดเลอร์ (Steven Adler) มือกลองที่ข้อเท้าหัก
แสลชย้อนเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ในอัตชีวประวัติของเขาว่า
“รถของดัฟเละเทะไปเลย พวกเราก็เช่นกัน เหตุการณ์นั้นเกือบเป็นวันพลิกชะตาของพวกเราเลยนะ ทั้งวงตายด้วยกันหมดทั้งที่พวกเราเพิ่งรวมตัวกัน”

2.แอกเซิล โรส เคยติดคุกอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ข้อหาทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้าน


พอวง Guns N’ Roses เริ่มมีชื่อเสียง กิตติศัพท์ทางด้านฉาวโฉ่ของ แอกเซิล โรส นักร้องนำก็ตามมาติด ๆ ในเรื่องพฤติกรรมอันห้าว ๆ ของเขาขณะโชว์บนเวที อย่างเช่นมีเรื่องชกต่อยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เลยเถิดไปถึงขั้นท้าต่อยกับแฟนเพลงตัวเอง ไม่แค่นั้น ขนาดว่าอยู่ในบ้านตัวเอง โรสก็ยังมีปัญหากับเพื่อนบ้านได้อีก

วันที่ 30 ตุลาคม 1990 แอกเซิล โรส ถูกตำรวจรวบตัว เหตุจาก แกเบรียลลา แคนเทอร์ (Gabriella Kantor) เพื่อนบ้านของโรสแจ้งความว่าเขาเขวี้ยงขวดไวน์เปล่าและชิ้นส่วนไก่ทอดข้ามมาในบ้านของเธอ ผลก็คือ โรสถูกจับเข้าคุกไป 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 5,000 เหรียญ พอนักข่าวมาสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขั้น โรสก็บอกกับนักข่าวว่า
“เพราะว่าผมอยู่ข้างบ้านกับคนโรคจิตไง”

ซึ่งภายหลังคดีนี้ก็ถูกยกฟ้องไป แต่โรสก็ยังค้างคาใจกับเหตุการณ์นี้ เลยเอาความในใจมาเขียนเป็นเพลง “Right Next Door to Hell” อยู่ในอัลบั้ม ‘Use Your Illusion I’
แต่ถ้ามีการเอ่ยถึงคดีนี้ขึ้นมาทีไร โรสก็จะโต้แย้งเสมอว่าเขาไม่ผิดแต่อย่างใด เขาเคยกล่าวถึงคดีนี้ว่า
“ถ้ากูตีอีนั่นด้วยขวดไวน์จริง ๆ ล่ะก็ มันไม่มีทางลุกขึ้นมาโวยวายแบบนี้ได้หรอก”

3.อิสซี สตราดลิน ถูกจับข้อหาฉี่ใส่ถังขยะบนเครื่องบิน


ก็เพราะว่าคนมันห้าว มันเรื้อนกันแบบนี้นี่สิ ถึงอยู่ด้วยกันได้ ก็ต้องบอกกันว่าไม่ใช่แค่ แอกเซิล โรส คนเดียวเท่านั้นที่มีพฤตกรรมห่าม ๆ ดังที่เล่ามา เรื่องนี้เป็นของ อิสซี่ สตราดลิน (Izzy Stradlin) มือกีตาร์ของวงที่ก็ก่อเรื่องเรื้อน ๆ ในที่สาธารณะจนโดนตำรวจลากเข้าคุกมาแล้วเหมือนกัน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเที่ยวบินหนึ่ง ขณะที่สมาชิกวงโดยสารจากลอส แองเจลิส ไปอินเดียนาโพลิส แล้ว อิสซี่ สตราดลิน ก็ไปฉี่ใส่ถังขยะในพื้นที่เตรียมอาหารบนเครื่องบิน เรื่องนี้ต้องให้เจ้าตัว อิสซี่ สตราดลิน มาย้อนความหลังเล่าเอง
“วันนั้นผมเมาปลิ้นเลยครับ แล้วเที่ยวบินที่ผมไปเนี่ยก็มีแต่คนแก่เต็มลำเลย แล้วผมก็ดื่มไปซะเยอะด้วย ก็เลยปวดฉี่ไง แล้วตาลุงคนไหนอยู่ในห้องน้ำก็ไม่รู้ ผมเหมือนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำเป็นชั่วโมงเลยแกก็ไม่ออกมาซะที ผมก็เลยฉี่ใส่ถังขยะแม่มเลย”

พอเครื่องร่อนลงจอด สตราดลินก็โดนตำรวจรวบตัวข้อหาก่อความวุ่นวายในพื้นที่สาธารณะ
“หลังจากเครื่องลงจอด พอผมกำลังก้าวออกจากเครื่องผมก็เห็นตำรวจสัก 10 คนได้ยืนรออยู่เลย ผมก็เลยย้อนนึก อ๋อ นี่กูหาเรื่องซวยใส่ตัวอีกแล้วสิเนี่ย”

4.สแลชแอบเอาสิงโตภูเขาเข้าพักในโรงแรม


ถ้าใครติดตามข่าวคราวของบรรดาร็อกสตาร์ ก็มักจะได้ยินข่าวพฤติกรรมเรื้อน ๆ ในรูปแบบคล้าย ๆ กัน เช่นเมาแล้วก็ทุ่มโทรทัศน์ออกนอกหน้าต่างโรงแรมบ้าง หิ้วแฟน ๆ ของวงที่หน้าตาดีไปรวมแจมปาร์ตี้หลังคอนเสิร์ต อะไรประมาณนี้ แต่กับสแลชนั้น เรื่องราวของเขาออกจะแตกต่างอยู่สักหน่อย

พอ Guns N’ Roses เริ่มมีชื่อเสียง แต่ละคนก็เริ่มมีรายได้เข้ามากันอย่างมหาศาล บางคนก็เริ่มจับจ่ายใช้สอย ซื้อบ้านหรู รถหรู แต่รสนิยมของสแลชนั้น เขาชอบสะสมสัตว์แปลกหายากอย่างเช่น งู, กิ้งก่า และ สิงโตภูเขาที่เขาตั้งชื่อว่า เคอร์ทิส
อยากเลี้ยงอะไรก็เลี้ยงไปเหอะ เงินตัวเอง แต่ถ้าเลี้ยงในบ้านตัวเองไม่ก่อความเดือดร้อนกับใคร มันก็สงบเรียบร้อยดี แต่วันดีคืนดี สถานการณ์กลับส่อแวววุ่นวายขึ้นมา เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ย่านนอร์ธริดจ์ ในปี 1994 เจ้าหน้าที่่สั่งอพยพชาวเมืองออกจากบ้านพักอาศัย ซึ่งรวมไปถึงสแลชด้วยที่พักอยู่ในย่านนั้น ไอ้ครั้นตัวเขาจะออกไป สแลชก็เป็นห่วงบรรดาสัตว์เลี้ยงของเขา แต่จะเอาไปหมดก็ไม่ไหว เพราะว่าซื้อมาเยอะ สแลชก็เลยเอาตัวที่เขารักที่สุดไปด้วย นั่นก็คือ เคอร์ทิส

สแลชเลือกเข้าพักที่โรงแรมหรู The Four Seasons ใน มารินา เดล เรย์ ซึ่งสแลชก็รู้กฎระเบียบของโรงแรมดีว่าห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาพักด้วย แต่ก็ต้องชื่นชมว่าเขาก็ช่างมีความสามารถในการแอบเอาสิงโตภูเขาตัวเบ้อเริ่ม เข้าไปพักในห้องกับเขาได้สำเร็จ โดยที่ไม่มีใครเห็น ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก แล้วเขาก็พักในห้องกับเคอร์ทิสอย่างสุขสบาย จนถึงวันที่ทางการประกาศว่าสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว ให้ชาวเมืองกลับเข้าบ้านพักได้ แต่ขากลับนี่ล่ะ ที่บรรดาเจ้าหน้าที่ถึงกับตื่นตะลึงกันเมื่อ สแลชพาเคอร์ทิสออกจากห้องพักมาเพื่อจะกลับบ้าน ไม่มีรายงานว่าสแลชโดนดำเนินคดีใด ๆ

5.ดัฟฟ์ แม็คาคาแกน เปิดบริษัทรับบริหารจัดการเงินทุนให้กับชาวร็อก

ดัฟฟ์ แม็กคาแกน เป็นสมาชิกคนเดียวใน Guns N’ Roses หรืออาจจะรวมไปทั้งวงการเพลงร็อกก็ว่าได้ ที่สนใจและให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินของตัวเอง หลังจากเริ่มมีชื่อเสียงแล้วเงินทองก็ไหลมาเทมาไม่หยุด ทำให้เขาเริ่มกังวลว่าเขาควรจะรู้วิธีบริหารจัดการรายได้อย่างมีความรู้ความเข้าใจเพื่อให้เกิดคุณค่าที่สุด
“ผมไม่เคยเข้าใจที่มาที่ไปของเงินพวกนี้อย่างถ่องแท้เลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่พวกเราไปออกทัวร์กันแต่ละครั้งเนี่ยเราใช้จ่ายไปกับอะไรบ้างแล้วที่จริงเราควรได้เท่าไหร่กัน แล้ววันนี้ผมกลายเป็นเศรษฐีในวัย 30 คนหนึ่ง แต่ผมยอมรับตรง ๆ เลย ผมไม่รู้ห้าอะไรเลยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่กับเงินพวกนี้ ?”

แม็กคาแกนไม่เพียงแค่บ่นเฉย ๆ แต่เขาใฝ่ศึกษาเรื่องนี้จริง ๆ ว่าแล้วในปี 1994 แม็กคาแกนก็สมัครเข้าเรียนคอร์สสั้น ๆ เกี่ยวกับการเงินใน วิทยาลัยชุมชนที่ซานตาโมนิกา ทำให้เขาเริ่มรู้ตัวเองว่าเขาชื่นชอบวิชาเกี่ยวกับตัวเลขแบบนี้ ในปี 2000 เขาสมัครเข้าเรียนแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย ในหลักสูตรบริหารธุรกิจและการเงิน ในมหาวิทยาลัยซีแอตเทิล

ตั้งแต่นั้นมา แม็กคาแกนก็เป็นที่รู้กันในวงการดนตรีว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน ทำให้เพื่อนฝูงในวงการมักจะมาขอคำปรึกษาว่าควรจะบริหารจัดการเงินเก็บของตัวเองกันอย่างไรดี พอบ่อยเข้า แม็กคาแกนก็ตัดสินใจเปิดบริษัทเป็นเรื่องเป็นราวเลยในปี 2011 ใช้ชื่อว่า บริษัท Meridian Rock เป็นธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) โดยเน้นลูกค้าเป็นคนในวงการดนตรีด้วยกัน

ปณิธานในการบริหาร Meridian Rock ของแม็กคาแกนก็คือ จะยึดถือความจริงใจต่อลูกค้าอย่างที่สุด ในบริษัทเขานั้นจะมีนายธนาคารและผู้เชี่ยวชาญทางการเงินมากมาย มาให้คำปรึกษากับลูกค้าที่เป็นนักร้อง นักดนตรี เพื่อวางแผนถึงรายรับรายจ่ายในอนาคต เตรียมพร้อมไว้ในวันที่ชื่อเสียงของพวกเขาจะลดน้อยถอยลง

6.อิสซี่ สตราดลิน และ แอกเซิล โรส เคยไปรับจ้างสูบบุหรี่ให้กับโครงการทดลองทางการแพทย์

แอกเซิล โรส กับ อิสซี่ สตราดลิน นั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ก่อนฟอร์มวง Guns N’ Roses ในช่วงนั้นทั้งคู่ขัดสนการเงินกันมาก จนต้องยอมเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร ในโครงการทดลองทางการแพทย์ที่จัดโดย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส สตราดลินย้อนเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นว่า
“มีอยู่วันหนึ่ง เราเจอโฆษณาบนหนังสือพิมพ์เขียนว่า ‘ต้องการคนสูบบุหรี่ ได้ค่าแรง 10 เหรียญต่อชั่วโมง’ ผมเห็นแล้วก็เปรยออกมาว่า ‘แม่ง งานเชี่ยไรวะเนี่ยโคตรง่ายเลย’ ซึ่งเจองานแบบนี้ก็หมูสำหรับเราอยู่แล้ว เราก็เลยโทรไปตามเบอร์นั้น ทางนั้นก็ตอบรับว่า ‘มาได้เลย’ “
แต่สตราดลินและโรสก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดต่อว่า เขาต้องทำอะไรบ้างในระหว่างร่วมโครงการนี้ และได้เงินกันมาเท่าไหร่

7.แอกเซิล โรส เคยชกหน้า เดวิด โบวี่ มาแล้ว เหตุเพราะรู้ว่าโบวี่จ้องจะมาแย่งแฟนเขา

เหตุการณ์นี้เกิดในปี 1989 ในช่วงนั้น เดวิด โบวี่ มีชื่อเสียอย่างมากในเรื่องของการแย่งแฟนเพื่อน แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เป็นข่าวเท่าใดนัก จนกระทั่งเป้าหมายต่อไปที่เขาเล็งไว้ก็คือ เอริน เอเวอร์ลี (Erin Everly) ลูกสาวของ ดอน เอเวอร์ลี จากวง The Everly Brothers ซึ่งกำลังคบหาอยู่กับ แอกเซิล โรส ในขณะนั้น แล้วอย่างที่เรารู้กันว่า โรสก็นักเลงร็อก เก๋า และห้าวขนาดไหน พอเขารู้ว่าโบวี่กำลังสนใจในตัวเอรินแล้วจ้องจะงาบแฟนเขา ก็ทำเอาโรสหัวร้อนอย่างรุนแรง

แอกเซิล โรส และ เอริน เอเวอร์ลี

แล้ววันเดือดก็มาถึงเมื่อ Guns N’ Roses มาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง It’s So Easy ที่ CatHouse คลับชื่อดังในนอร์ธ แคโรไลนา แล้วมีเอเวอร์ลีร่วมแสดงอยู่ในมิวสิกวิดีโอนี้ด้วย เธอสวมชุดหนังสุดเซ็กซี่ ขณะที่ถ่ายทำกันอยู่นั้น เดวิด โบวี่ ก็เข้ามาในคลับด้วย โรสเองซึ่งขุ่นเคืองอยู่แล้วเมื่อรู้ว่าโบวี่มีเป้าหมายอะไร เลยเป็นเหตุให้ทั้งคู่เขวี้ยงหมัดเข้าใส่กันหนุบหนับ พอทั้งคู่จะถูกจับแยกออกจากกัน โรสก็ตะโกนด่าตามหลังไป
“กูจะฆ่ามึงไอ้หุ่นกระป๋อง”

ก็ยังดีที่ความขุ่นเคืองระหว่างคู่นี้ไม่กินเวลายาวนานนัก ในปีต่อมา โรสกับโบวี่ได้มาเจอกันอีก ครั้งนี้ทั้งคู่ได้ทำการพูดคุยปรับความเข้าใจกัน โรสเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนี้ว่า
“แม้ว่าโบวี่กับผมนั้นก็มีอะไรต่างกันอยู่มาก แต่แล้วพวกเราก็ได้คุยกันแล้วก็ไปทานมื้อค่ำด้วยกัน จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อกันที่ The China club และอีกหลาย ๆ ที่ ผมชอบเขามากนะ เย่”

8.แอกเซิล โรส ตั้งกฎขึ้นมาเองว่า เขาจะบันทึกเสียงร้องครั้งละ 1 ท่อนแค่นั้น


เดือนมกราคม 1987 Guns N’ Roses เริ่มต้นบันทึกเสียงอัลบั้ม Appetite for Destruction อัลบั้มแรกของพวกเขาที่ รัมโบ เรกคอร์ดเดอร์ ใน ลอส แองเจลิส พวกเขาใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการบันทึกเสียง และขั้นตอนผสมเสียงอีก 1 เดือนกว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้น

ฟังเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี แต่ที่จริงไม่ใช่แบบนั้นเลย เหตุจากตัว แอกเซิล โรส เองในฐานะนักร้องนำเกิดมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบสุด ๆ แล้วก็ตั้งกฎขึ้นมาเองว่า เขาจะบันทึกเสียงร้องของเขาครั้งละหนึ่งท่อนเท่านั้น ทำเอาขั้นตอนบันทึกเสียงร้องกินเวลาอีกมาก สตีเวน แอดเลอร์ (Steven Adler) มือกลองของวง เล่าเรื่องนี้ไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาว่า โรสมีความเป็น ‘อุดมคตินิยม’ (perfectionism) และจุดนี้แหละเป็นสาเหตุให้ความสัมพันธ์ของสมาชิกในวงแตกร้าว ยิ่งนับวัน วงมีชื่อเสียงมากขึ้น โรสก็ยิ่งหมกมุ่นกับการบันทึกเสียงร้องของเขาให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น แต่นั่นก็ทำให้บรรยากาศในวงตึงเครียดขึ้นตามมา แล้วเขาก็เป็นคนแรกที่ทนกับนิสัยของโรสไม่ไหว ขอลาออกจากวงในปี 1990 และ อิสซี่ สตราดลิน ก็ลาออกตามมาในปี 1991

9.สแลชเคยวิ่งทั่วรีสอร์ตในสภาพเปลือยกายและเลือดโชก

ย้อนกลับที่พฤติกรรมห่าม ๆ ของสมาชิกวงกันต่อ อย่างที่ทราบกันดีว่าสมาชิกของ Guns N’ Roses แต่ละคนนั้นเสพติดทั้งยาและแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเสแลชที่ดูจะเสพหนักสุด เขาเล่าเหตุการณ์น่าอับอายที่สุดครั้งหนึ่งไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาเอง ออกขายเมื่อปี 2007

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 1989 หลังเสร็จสิ้นเวิลด์ทัวร์แรก สแลชก็เลือกเข้าพักในรีสอร์ตกอล์ฟแห่งหนึ่ง เลือกทำในสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุดในขณะนั้นก็คือ ดื่มแอลกอฮอล์และเสพเฮโรอีน ซึ่งเขาเสพเข้าไปหนักจนถึงขั้นเห็นภาพหลอน ภาพที่เขาเห็นก็คือ พรีเดเตอร์ นักล่าจากต่างดาวตัวเดียวกับที่เราเห็นในหนังนั่นแหละ เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับปืนกลในมือ ทำท่าจะจู่โจมเข้าใส่เขา สแลชจึงวิ่งหนีด้วยความลนลาน เขาใช้มือต่อยประตูกระจกจนแตกแล้ววิ่งผ่านออกมาในสภาพเปลือยเปล่า แถมมือก็มีเลือดโชกเพราะกระจกบาด เขายังรู้สึกว่าพรีเดเตอร์กำลังไล่ตามเขาอยู่ สแลชจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในล็อบบี้ของรีสอร์ต ซึ่งทำเอาแขกที่อยู่บริเวณนั้นตกอกตกใจกับสภาพที่เห็น สแลชวิ่งไปแอบหลังแม่บ้านผู้หนึ่ง แล้วก็วิ่งต่อไปหลบหลังเครื่องตัดหญ้า เจ้าหน้ารีสอร์ตที่เห็นท่าไม่ดี เลยโทรตามตำรวจมาดูแลสถานการณ์ แต่สแลชก็อยู่ในอาการเพ้อหนักไม่สามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง

นี่ก็เป็นหนึ่งวีรกรรมน่าอับอาย ในช่วงที่เขาจมดิ่งให้กับยาที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ยังมีสำนึกผิดชอบแล้วตัดสินใจเลิกยาได้สำเร็จในปี 2005

10.เด็กยกเครื่องเคยต้องร้องเพลงแทน แอกเซิล โรส เพราะเขาโดนจับระหว่างโชว์

ยังไม่หมดครับกับพฤตกรรมสุดห้าวสุดเฮี้ยวของ แอกเซิล โรส เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1985 แม้จะเป็นช่วงที่ Guns N’ Roses ยังไม่มีชื่อเสียงเลยด้วยซ้ำ แต่โรสก็ห้าวมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วด้วย เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 1985 วันนั้นวงไปเล่นคอนเสิร์ตที่แอตแลนต้า ระหว่างช่วงพักครึ่ง ขณะที่สมาชิกเข้าไปอยู่หลังเวทีกัน แค่ช่วงสั้น ๆ นั่นแหละ โรสก็ไปมีเรื่องชกต่อยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ความซวยก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ แล้วก็ลากตัวโรสไปโรงพัก เอาล่ะสิ นักร้องนำโดนตำรวจจับระหว่างโชว์ เรื่องแบบนี้ก็คงมีแต่ Guns N’ Roses นี่แหละมั้ง แล้วใครจะร้องเพลงต่อล่ะ สมาชิกวงที่เหลือมองหน้ากันไปมา แล้วหวยก็ไปออกที่เด็กยกเครื่องคนหนึ่ง ซึ่งต้องออกไปรับหน้าที่นักร้องจำเป็นในครึ่งหลังจนจบ ไม่มีรายงานว่าปฏิกิริยาของผู้ชมในครึ่งหลังนั้นเป็นอย่างไร คงจะงง ๆ กันแหละ อยู่ดี ๆ วงก็เปลี่ยนนักร้องนำ

11.Aerosmith ประกาศเลิกคบหากับ Guns N’ Roses เพราะอยากจะเลิกยา

ก่อนยุคของ Guns N’ Roses นั้น อีกวงที่ได้ชื่อว่าพี้ยาหนักสุดก็คือ Aerosmith เจ้าของเพลงดังอย่าง I Don’t Want To Miss a Thing, Crazy, Amazing นี่แหละ ตั้งแต่ฟอร์มวงกันในยุค 70s Aerosmith ก็วนเวียนกันอยู่แต่เรื่องยา แล้วยิ่งพากันไปใหญ่เมื่อ Guns N’ Roses ดันเข้ามาอยู่ค่ายเดียวกับ Aerosmith เสียอีกนี่ วงรุ่นพี่วงรุ่นน้องรสนิยมเดียวกัน พอว่างก็เลยนัดกันปาร์ตี้สุดเหวี่ยง

แต่กลายเป็นว่าวงรุ่นพี่เกิดมีสำนึกขึ้นมาก่อน อาจจะเพราะผ่านช่วงเวลาสุดขีดมาก่อนแล้วก็เป็นได้ ทางวงตัดสินใจกันว่า จากนี้ไปเราคงต้องเลิกยาเลิกเหล้ากันดีกว่านะ แต่ถ้าอยากจะเลิกให้ได้เด็ดขาดเราต้องเลิกคบกับ Guns N’ Roses นะ ว่าแล้วทาง Aerosmith ก็ขอประกาศตนว่าจากนี้จะเป็นวงที่คลีนไม่ยุ่งกับยาและแอลกอฮอล์แล้ว และนั่นแปลว่าเขาจะไม่ขอร่วมปาร์ตี้กับวงร็อกที่อันตรายที่สุดในโลกอย่าง Guns N’ Roses อีกต่อไป

12.Guns N’ Roses มาจากสมาชิก 2 วงมารวมตัวกัน

เรื่องนี้สาวกเดนตายของ Guns N’ Roses อาจจะเคยรู้กันมาก่อนแล้ว แฟนเพลงส่วนใหญ่จะรู้กันแค่ว่า Rose ในชื่อวง Guns N’ Roses นั้นมาจากนามสกุลของ Axel Rose นักร้องนำของวงนั่นเอง แต่ที่มาของ Guns นั้น ก็ยังมีหลายคนไม่รู้ที่มา

Tracii Guns

อย่างที่ทราบกันดีว่า แอกเซิล โรส กับ อิสซี่ สตราดลิน นั้นเป็นเพื่อนกันยาวนาน แล้วทั้งคู่ก็ฟอร์มวงด้วยกันในชื่อว่า Hollywood Rose แต่วงก็ยังไม่มีชื่อเสียง ในช่วงนั้น สตราดลินเช่าห้องพักร่วมกับ เทรซี่ กันส์ (Tracii Guns) อดีตสมาชิกวง LA Guns ซึ่งสตราดลินก็ชักชวนให้กันส์มาร่วมวง ซึ่งกันส์ก็เห็นชอบด้วย แล้วก็ตั้งชื่อวงใหม่นี้ว่า Guns N’ Roses ในปี 1985 แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด เทรซี่ กันส์ อยู่กับ Guns N’ Roses ได้ไม่ถึงปี ก็กลับไปอยู่กับวง LA Guns เช่นเดิม แต่ทางโรสและสตราดลินก็ยังคงใช้ชื่อ Guns N’ Roses ต่อไป โดยมี ร็อบ การ์ดเนอร์ (Rob Gardner) มาเล่นในตำแหน่งกลอง และ โอเล บีช (Ole Beich) มาเล่นแบส เป็นสมาชิกวง Guns N’ Roses ยุคก่อตั้ง

13.แอกเซิล โรส ชกต่อยกับแฟนเพลง ทั้งวงต้องหนีคดีออกนอกประเทศ

ด้วยนิสัยมุทะลุและอารมณ์รุนแรงของ แอกเซิล โรส นี่ล่ะ ที่ม้กกลายเป็นปัญหาอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็ทำให้วงโชว์ไม่ได้จบตามกำหนดเวลา ครั้งที่รุนแรงที่สุด ก็คือเหตุการณ์ที่เซนต์หลุยส์ ในรัฐมิสซูรี เมื่อปี 1991 ตอนนั้นวงกำลังเล่นเพลง Rocket Queen กันอยู่ ผ่านไปได้ประมาณครึ่งเพลง โรสก็เหลือบไปเห็นแฟนเพลงรายหนึ่งยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเขา ก็ไม่รู้นะว่าตอนนั้นโรสคิดอะไร ทำไมถึงไม่พอใจที่แฟนเพลงถ่ายรูปเขา แต่ก็ทำให้โรสหยุดร้องเพลง แล้วตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ไปยึดกล้องจากแฟนเพลงผู้นั้น แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงแฟนเพลงคนนั้นได้ ทำเอาโรสหงุดหงิดเลยตัดสินใจกระโดดลงจากเวทีลงไปในหมู่แฟนเพลงแล้วพุ่งเข้าไปหาแฟนเพลงผู้นั้น ระหว่างนั้นเขาก็ฟาดแขนฟาดขาต่อยตีทั้งผู้ชมและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปด้วย ทีมงานเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยกันล็อกตัวโรส ลากกลับขึ้นมาบนเวที ทำเอาโรสเกรี้ยวกราดอย่างหนัก เขวี้ยงไมโครโฟนลงพื้น แล้วเดินเข้าหลังเวทีไม่โชว์ต่อ ทำเอาแฟนเพลงไม่พอใจอย่างหนักที่เสียเงินแล้วแต่กลับไม่ได้ดูโชว์ต่อ กลายเป็นความโกลาหลวุ่นวาย แล้วสานต่อเป็นคดีฟ้องร้องต่อวงที่ผิดสัญญา ทำเอาให้ช่วงนั้น Guns N’ Roses ต้องเลี่ยงไปเดินสายโชว์ต่างประเทศกันอย่างยาว ๆ แทน เพื่อหนีคดีอยู่นานกว่าจะคลี่คลาย

หลังตกลงกันได้ ทางวงก็กลับมาทำอัลบั้มถัดไป แต่โรสก็ยังไม่วายหาเรื่องชวนตี ใส่คำว่า f**k you St Louis” ลงไปในเครดิตอัลบั้ม ทำให้วงถูกแบนจากรัฐมิสซูรียาวนานจนถึงปี 2017

14.Chinese Democracy เป็นอัลบั้มที่ใช้ต้นทุนผลิตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

อัลบั้มนี้ใช้งบประมาณผลิตไปทั้งหมด 14 ล้านเหรียญ ล้มสถิติแชมป์เก่าอย่าง อัลบั้ม Tusk ของ Fleetwood Mac, Hysteria ของ Def Leppard และ Bohemian Rhapsody ของ Queen

เหตุที่ Chinese Democracy ใช้งบประมาณสูงลิบลิ่วขนาดนี้ก็เพราะเหตุผลหลายประการ หลัก ๆ ก็คือระยะเวลาการผลิตที่ยาวนานถึง 14 ปี เพราะเริ่มต้นกระบวนการผลิตกันตั้งแต่ปี 1994 แล้วสำเร็จได้ออกขายในปี 2008 สาเหตุที่ต้องลากยาวกันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องเดิม ๆ นั่นก็คือ ความเป็น perfectionism ของ แอกเซิล โรส ที่ไม่พอใจกับอะไรง่าย ๆ แล้วก็ทำให้นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ต่างก็ทนไม่ไหว จนต้องขอโบกมือลาไป และอีกหลายคนก็โดนโรสไล่ออก

ระหว่าง 14 ปีนั้น ทางค่าย Geffen ก็ต้องจ่ายเงินตลอดเวลา ในส่วนนี้คือค่าจ้างช่างเทคนิคดูแลกีตาร์เดือนละ 6,000 เหรียญ ค่าเช่าสตูดิโอเดือนละ 50,000 เหรียญ และ Buckethead มือกีตาร์ที่เข้ามาแทนสแลช ก็มีอารมณ์ศิลปินประหลาด ๆ จะต้องเล่นกีตาร์บันทึกเสียงในเล้าไก่ ก็เรียกร้องให้ทีมงานสร้างเล้าไก่ไว้ในสตูดิโอให้เขาด้วย ส่วน แอกเซิล โรส นั้นที่มีอารมณ์ไม่ปกติ ทางค่ายก็ต้องยอมจ้างที่ปรึกษาส่วนตัวมาคอยให้คำปรึกษาแบบใกล้ชิด เพื่อเขาจะได้จิตใจสบายขึ้น แล้วยอมเซ็นอนุมัติให้แต่ละเพลงผ่านไปเสียที

15.November rain เป็นเพลงที่ยาวที่สุดที่เคยเข้าชาร์ตบิลบอร์ด Top 10

ในวงการดนตรีจะมีความเชื่อกันอยู่ว่า ความยาวของเพลงที่เหมาะสมที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 3 นาทีครึ่ง แล้วสถานีวิทยุก็ชอบที่จะเปิดเพลงที่ความยาวประมาณนี้ แต่สำหรับ November Rain นั้น ยาวเกินกว่ามาตรฐานไปมาก เพราะอยู่ที่ 9 นาที 16 วินาที ด้วยความยาวขนาดนี้ ไม่น่าจะได้รับการโปรโมตจากสถานีวิทยุ แล้วก็ไม่น่าจะฮิตจนถึงขั้นเข้าชาร์ตได้ แต่แล้ว November Rain ก็สร้างความเซอร์ไพรส์หักปากกาเซียน ด้วยการเข้าชาร์ตบิลบอร์ดได้ถึงอันดับ 3 กลายเป็นเพลงที่สร้างสถิติใหม่ ในฐานะเพลงที่ยาวที่สุดที่เคยเข้าบิลบอร์ด Top 10 ได้

นอกจากนั้น November Rain ยังสร้างอีก 1 สถิติด้วยการเป็นเพลงเก่าที่สุดที่แตะหลักพันล้านวิวบนยูทูบ November Rain ออกมาในปี 1992 ผ่านหลักพันล้านวิวในปี 2018 นับเป็นเพลงที่มีอายุ 26 ปี ในวันที่ผ่านหลักพันล้านวิว แต่ก็ต้องมาเสียตำแหน่งแชมป์ให้ Bohemian Rhapsody ในปีถัดมา เหตุเพราะหนังในชื่อเดียวกันออกฉายในปีนั้น ทำให้ Bohemian Rhapsody กลายเป็นเพลงที่มีอายุ 44 ปี ที่มียอดวิวบนยูทูบผ่านหลักพันล้านวิว นับจำนวนยอดวิวในวันนี้ November Rain มียอดวิวอยู่ที่ 1,9xx ล้านวิว ส่วน Bohemian Rhapsody อยู่ที่ 1,5xx ล้านวิว

ที่มา ที่มา ที่มา ที่มา ที่มา ที่มา ที่มา