“งั้นไปกันเลยไหมคะ?”

“อืม ไปกันเถอะ”

เธอกับผมจับมือกัน เราหนีรอดจากความเร่งรีบที่โลกแห่งนี้มอบให้ โดยการวิ่งออกไปสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน

“小説を音楽にする” – “จากนิยายสู่บทเพลง”

ประโยคด้านบนสุดมืดหม่นนี้เป็นเนื้อหาจากนิยายสั้น ที่ถูกนำมาแต่งเป็นเพลง “Yoru Ni Kakeru” ( 夜に駆ける) หรือ “ดิ่งลงไปในค่ำคืน” เพลงจาก YOASOBI ที่มียอดสตรีมมิงมากถึง 1,000 ล้านครั้งเป็นเพลงแรกของญี่ปุ่น พร้อมกับรางวัลอีกมากมาย

และนี่เป็นเพียงแค่ผลงานเพลงแรกของพวกเค้า….. “เพลง Yoru Ni Kakeru นี่เหมือนเป็น ‘นามบัตร’ ของวง YOASOBI เลยค่ะ” อิคุระ (นักร้องนำ) กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของหนังสือรวมนิยาย YOASOBI

YOASOBI ศิลปินคู่หูดูโอ้ที่หลายคนน่าจะเริ่มได้ยินชื่อเสียงของพวกเค้าเมื่อไม่นานมานี้ ผลงานของพวกเขาเริ่มต้นจากเพลง Yoru Ni Kakeru หรือชื่อเวอร์ชันภาษาอังกฤษ Into The Night เพลงแรกจากโปรเจกต์พิเศษของ Sony Music Entertainment Japan ที่หยิบเอาโปรดิวเซอร์เพลง Vocaloid อย่าง Ayase (อายาเสะ) และนักร้อง / นักแต่งเพลงที่มีเสียงอันไพเราะ และเป็นเอกลักษณ์อย่าง Ikuta Lilas (อิคุตะ ลิละ / อิคุระ) เกิดเป็นคู่หูศิลปินที่มีบทเพลงที่ฟังแล้วเหมือนกับกำลังฟังเรื่องราวของนิยาย โดยโปรเจกต์ YOASOBI เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะคุณ อายาเสะ นั้นได้รับการทาบทามจาก Sony Music Entertainment Japan ให้แต่งเพลงจากเรื่องสั้นของเว็บไซต์ Monogatary.com ซึ่งเป็นเว็บรวมเรื่องนิยายสั้น จากทางบ้านที่ต่างคนต่างเข้ามาแชร์กัน โดยขณะนั้นเป้าหมายอันดับแรกคือต้องหาตัวนักร้องที่จะมาร้องเพลงให้กับโปรเจกต์นี้ แต่แล้วอายาเสะก็ไปพบกับคลิปร้องเพลงโคฟเวอร์เพลง Kimi wa Rock o Kikanai ของ อิคุระ เข้า จึงเกิดความประทับใจ และติดต่อไปหาเธอเพื่อเล่าโปรเจกต์นี้ให้ฟัง และชวนเธอมาร่วมงานด้วยกันทันที

ชื่อวง YOASOBI – 夜遊び แปลว่า “การเล่นสนุกยามค่ำคืน” อิคุระ บอกว่า ความหมายโดยนัยคืออยากจะใกล้ชิดกับทุกคนตอนกลางคืน ผ่านเสียงดนตรีของพวกเขา

โดยทั้งสองก็โด่งดังทันทีจากการปล่อยเพลงซิงเกิลแรกนี้เมื่อ 15 ธันวาคม ปี 2019 บทเพลงของพวกเค้ามีเสน่ห์ และสดใหม่มาก เป็นเพลงที่ฟังแล้วเหมือนกับกำลังได้อ่านนิยายอยู่ เนื้อร้องที่สละสลวย พร้อมทั้งความหมายของเนื้อหาดูลึกลับ มืดหม่น แต่ลึกซึ้ง และเป็นการล้อกับเนื้อหาของนิยายที่เรายังตามไปอ่านเพิ่มเติมเพื่อดื่มด่ำไปกับเรื่องราวเต็มได้อีก เป็นรูปแบบของวงเพลงที่ค่อนข้างจะแปลกตา

เพลงแรกของวง Yoru Ni Kakeru

เล่าต่ออีกหน่อย เพลง Yoru Ni Kakeru เป็นเพลงที่ถึงแม้จะมีเนื้อหาดูเศร้าโศก กลับกันท่วงทำนองของเพลงกลับไม่ได้ฟังดูเป็นอย่างนั้น บีตของเพลงเป็นเพลงที่ฟังสนุก ทำนองฟังแล้วติดหูได้ไม่ยาก เกิดเป็นความคอนทราสต์เล็ก ๆ ที่ฟังแล้วก็มีแอบหวิวในใจเบา ๆ แต่กลับกันก็เป็นเพลงที่ฟังแล้วมีความหวังได้เหมือนกัน นี่คือความเจ๋งของเพลงแรกของพวกเขา โดยเพลงนี้เป็นการหยิบเอานิยายสั้นที่ชื่อ Thanatos no Yūwaku หรือแปลเป็นไทยว่า “คำเชื้อเชิญจากธานาทอส” (ธานาทอส คือเทพแห่งความตายของกรีกโบราณ) แต่งโดยคุณ Mayo Hoshino ที่แต่งไว้บนเว็บไซต์ Monogatary โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่พยายามจะหยุดความพยายามในการกระโดดตึกของแฟนสาวของเค้า แต่กลับจบลงด้วยการที่ทั้งคู่กระโดดลงไปในความมืดมิดด้วยกัน

ก็เลยคิดว่าอยากจะทิ้งเรื่องราวแย่ ๆ ไว้ข้างหลัง

เลยตัดสินใจคว้ามือของเธอเอาไว้ในที่สุด

ก็รู้สึกได้ทันทีถึงสายลมที่พัดผ่าน ความรู้สึกของการเป็นอิสระมันก็ชัดขึ้นมาทันที

คืนนี้จะจับมือเธอไว้แน่น ๆ เลยล่ะ

แล้วเราก็ตัดสินใจดำดิ่งลงไปในค่ำคืนนี้ด้วยกัน

นี่คือเนื้อเพลงท่อนปิดของ Yoru Ni Kakeru ที่มีเนื้อหาที่ฟังดูโศกเศร้า หักมุม แต่หากถ้าฟังจากบริบทของนิยายเต็ม ๆ แล้ว ทั้งคู่นั้นยินดีตอบรับคำเชิญของความตายในท้ายที่สุด และเธอผู้นั้นก็เปรียบเป็นยมทูตของพระเอก ที่รอวันที่เค้าจะตอบรับคำเชิญไปด้วยกัน และก็จบลงที่ทั้งคู่เห็นตรงกันที่จะจากโลกนี้ไปกับเธอ เป็นเนื้อหาที่ลึกซึ้งมาก ๆ ทั้งเพลง ทั้งนิยายต่างจบลงด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก จะเศร้าก็ไม่เศร้า จะสุขก็ไม่สุข

“เพราะเป็นนิยายที่มีเนื้อหาที่ดาร์ก และน่าขนหัวลุก ก็เลยอยากให้เพลงนี้ออกมาเป็นเพลงที่ติดหูได้ง่ายไปแทนครับ” อายาเสะ กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของหนังสือรวมนิยาย YOASOBI

เบื้องหลังของเพลงนี้มีความเจ๋งอยู่หลายอย่าง และเหตุผลที่ตัวทำนองของเพลงฟังดูออกจะเป็นเพลงเร็ว ฟังสนุกทั่วไป กลับกันนี่เป็นสิ่งที่ อายาเสะ ตั้งใจทำให้เพลงนี้ออกมาเป็นแบบนี้เลย

“ปกติผมเป็นคนชอบดูหนังสยองขวัญอยู่แล้วครับ และการที่ผมจะรู้สึกสยองได้สำหรับผมคือ จู่ ๆ มันก็มีอะไรที่ผิดปกติขึ้นมาจากความปกติในชีวิตประจำวันที่ทุกวันเราเห็นกันอยู่ ผมเลยตั้งใจนำเรื่องของ ‘ความตาย’ ที่ปกติจะเป็นวัตถุดิบที่นำมาแต่งได้ยาก มาแต่งเป็นเพลงแนวป็อบออกมาเป็นเพลงนี้ครับ” (อายาเสะ กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของหนังสือรวมนิยาย YOASOBI)

เพลง Yoru Ni Kakeru เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับวง YOASOBI เป็นครั้งแรก เพลงนี้ใช้เวลาประมาณ 5 เดือนในการไต่ไปสู่อันดับ 1 ของ Billboard Japan Hot 100 และสามารถคงตำแหน่งเอาไว้ได้ยาวนานถึง 6 สัปดาห์ และเพลงนี้ได้ทำลายสถิติของญี่ปุ่นถึงสองหน สถิติแรกคือเพลงแรกของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ทำยอดสตรีมได้สูงถึง 500 ล้านครั้งจนได้รับ Certificated ระดับ Diamond จาก RIAJ เป็นเพลงแรกของญี่ปุ่น และล่าสุดกับการพุ่งทะลุยอดสตรีม 1 พันล้านครั้ง! เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน และก็ยังได้รับรางวัลจากเวทีต่าง ๆ มากมายในญี่ปุ่นในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็น รางวัลยอดเยี่ยมแห่งปี จาก 2020 MTV Video Music Awards Japan, 2021 Space Shower Music Awards และรางวัลระดับเหรียญเงินจาก 2023 JASRAC Awards

หลังจากนั้น YOASOBI ก็ได้ปล่อยเพลงจากนิยายออกมาอีกหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Yume no Shizuku to Hoshi no Hana (夢の雫と星の花), และ Halzion (ハルジオン) โดยเพลง Halzion จะมีความพิเศษตรงที่ได้นักแต่งนิยายชื่อดังอย่างคุณ Hashizume Shunki กับนิยายสั้นเรื่อง Shunki Hashizume Soredemo, Happy End บทเพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งเพื่อโปรโมตเครื่องดื่มของ Suntory นั่นเอง และเป็นบทเพลงแรกที่ไม่ได้แต่งจากนิยายบนเว็บไซต์ Monogatary

“ถ้าหากฉันลืมภาพจำของเราสองคนในวันวานได้แล้ว ฉันก็น่าจะก้าวเดินต่อไปในอนาคตได้เสียสีกที” ท่อนจบของเพลง Halzion

อัลบั้มแรก The Book

จากนั้นในปี 2021 วง YOASOBI ก็ได้ออกอัลบั้มแรกในชื่อ The Book เป็นการเปิดตัวอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ได้เพิ่มเพลงใหม่พิเศษเข้ามาอีกถึง 3 เพลง และยังได้รับ Certificated ระดับ Gold จาก RIAJ พร้อมทำยอดขายไปได้ 150,000 แผ่น, มียอดดาวน์โหลดสูงถึง 100,000 ครั้ง ติดท็อปอันดับสองของ Oricon Albums Chart และ Billboard Japan Hot Albums และปิดท้ายด้วยการรับรางวัล Special Awards จาก CD Shop Award ถือว่าเป็นอัลบั้มที่เปิดตัวได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว

Tonight, don’t ever lose sight of me and let go, You and me are running through the night in dark, I’ll take you. เนื้อเพลงปิดของ Into the Night เวอร์ชันภาษาอังกฤษของเพลง Yoru Ni Kakeru

อีกสิ่งหนึ่งที่คิดว่า YOASOBI สามารถมัดใจแฟน ๆ ทั่วโลกได้อยู่หมัด และเป็นหนึ่งในไม่กี่วงที่ทำอะไรเช่นนี้ คือการปล่อยอัลบั้ม E-SIDE ที่เป็น track เดียวกันกับ The Book แต่เป็นเวอร์ชันที่แปลเนื้อเป็นภาษาอังกฤษแล้วนั่นเอง โดยเป็นความช่วยเหลือจากคุณ Konnie Aoki ผู้เป็น Music Director ชื่อดัง ซึ่งก็ทำให้แฟน ๆ ได้เข้าถึงเนื้อหาของเพลงได้ง่ายขึ้น ด้วยการทะลายกำแพงภาษา อย่างผมเองที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น ก็ยังเข้าถึงเนื้อเพลงได้จากเวอร์ชันภาษาอังกฤษ โดยความเก่งของคุณ Konnie Aoki นั้นคือการตั้งใจแปลเนื้อมาเป็นภาษาอังกฤษโดยที่ยังมีความพ้องเสียงกับคำดั้งเดิมที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ฟังแล้วก็มีความรู้สึกไม่ต่างไปจากเวอร์ชันญี่ปุ่นเลย ซึ่งหลังจากนั้นก็ยังแปลเพลงอื่น ๆ ทุกเพลง แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ Single ก็ตาม ทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกสามารถสนุกไปกับเนื้อเพลงได้เช่นเดียวกัน

“ก่อนจะมาเป็น YOASOBI” รู้จักกับดูโอ้ อายาเสะ และ อิคุระ

“ผมมองนิยายต้นฉบับเป็นเหมือนกับกระดูกครับ ที่มี ‘เนื้อ’ มี ‘หนัง’ มาห่อหุ่ม ซึ่งก่อนเราจะแต่งเพลงออกมา เราก็ต้องลอกเนื้อออกมาก่อน แล้วห่อด้วยเนื้อชิ้นใหม่เข้าไป ออกมาเป็นผลงานเพลง” – อายาเสะ

นี่คือสิ่งที่ อายาเสะ (Ayase) ให้สัมภาษณ์กับวิธีที่เค้ารังสรรค์เพลงต่าง ๆ ขึ้นมา โดยอย่างที่รู้กันว่าก่อนหน้านี้ อายาเสะ เคยเป็นโปรดิวเซอร์เพลง Vocaloid หรือโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ที่โด่งดังในอินเตอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันในนามเสียงของ Hatsune Miku มาก่อน ซึ่งเค้าเริ่มทำเพลง Vocaloid และปล่อยให้ฟังแบบจริงจังครั้งแรกในปี 2018 ด้วยเพลง Sentensei Assault Girl (先天性アサルトガール) และหลังจากนั้นก็ปล่อยออกมาอีกหลายเพลงรวมถึงอัลบั้ม Yurei Tokyo และเพลงน้ำดีอย่าง Last Resort ซึ่งแต่ละเพลงเป็นเพลงที่มีเนื้อหาบีบคั้น และโศกเศร้า นอกจากจะแต่งเพลงให้ตัวเองแล้ว ยังมีบางเพลงที่ไปแต่งเพลง และทำงานร่วมกันกับศิลปินท่านอื่นอยู่อีกหลายเพลง ทำให้ อายาเสะ เป็นโปรดิวเซอร์ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก และน่าจับตามองของปี ณ ช่วงนั้นเลยทีเดียว

พอคุณอายาเสะเพิ่ม ‘เนื้อ’ ใหม่เข้าไปแล้ว สิ่งที่ฉันทำน่าจะเหมือนกับการเพิ่ม ‘หนัง’ ซึ่งก็คือเสียงร้องเข้าไปค่ะ เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าบทเพลงนั่นเอง – อิคุระ

Ikuta Lilas หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกติดปากกันว่า ‘อิคุระ’ นักร้องนำของ YOASOBI เสริมวิธีที่ YOASOBI ถ่ายทอดนิยายออกมาเป็นบทเพลงต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม ก่อนหน้านี้ อิคุระ เคยอยู่ในกลุ่มนักร้องเพลงโคฟเวอร์อย่าง Plusonica มาก่อน และเธอมีไอดอลเป็น Taylor Swift นักร้องสาวอเมริกันผู้โด่งดัง โดยเธอเป็นหนึ่งในนักร้องที่ได้รับการจับตามองอย่างมากก่อนที่จะไปเตะตาของ อายาเสะ เข้า ก่อนหน้าที่เธอจะมาตั้งโปรเจกต์กับ อายาเสะ เธอก็มีผลงานโดดเด่นแบบที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เพลงที่เธอร้องจะติดหูแทบทันทีที่คุณได้ยิน ซึ่งมีผลงานที่น่าสนใจอย่างเพลงโฆษณาของสมาร์ตโฟน Google Pixel และแอปถ่ายรูป Snow

เราพยายามให้ผลงานของพวกเราออกมามีหลายช่องทางไว้ครับ จะเริ่มจากการการฟังเพลง หรือนิยาย หรือจาก MV ก่อนก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเริ่มเสพจากอะไรก่อน ผู้ฟังก็จะได้เห็นมุมที่แตกต่างออกไปจากเดิมในแต่ละครั้ง ทำความเข้าใจ และสนุกกับการตีความ MV ที่ผมใส่ลูกเล่นเอาไว้ ซึ่งจะเริ่มจากอันไหนก่อนก็ได้ แต่แต่ละผลงานจะต้องมีส่วนประกอบตามนี้ – อายาเสะ

โศกเศร้า แต่กลับรู้สึกดี

คงไม่มีคำไหนอธิบายบทเพลงของ YOASOBI ได้ดีไปกว่าคำคำนี้แล้ว เสน่ห์ของวงนี้ก็เป็นอะไรที่หาฟังได้ยากจากศิลปินอื่น โดยในปัจจุบัน YOASOBI ออกอัลบั้มมาทั้งหมด 5 อัลบั้มด้วยกัน แบ่งเป็นอัลบั้มหลัก 3 อัลบั้ม The Book 1-3 และอัลบั้มแปลอังกฤษ 2 อัลบั้ม E-Side 1 และ 2 โดยในอนาคตน่าจะมีอัลบั้ม E-Side 3 ออกมาในเร็ววันด้วย (บางเพลงก็ถูกแปลไปแล้ว เช่น Idol)

YOASOBI ASIA TOUR จะเป็นทัวร์แรกที่ทั้งคู่ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตในนามของตัวเองในต่างประเทศเสียที หลังก่อนหน้านี้มีเพียงการไปแจมกับเวที Music Fest ต่าง ๆ และจัดคอนในประเทศตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอย่างที่แฟน ๆ ชาวไทยหลายคนทราบ ว่าในรายชื่อทัวร์ทั้งหมดไม่มีประเทศไทยอยู่ แต่ก็มีประเทศใกล้บ้านเราอยู่ด้วย อย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งเราก็คงได้แต่หวังว่าจะมีการประกาศรายชื่อรอบเพิ่มเติม หรือประกาศเพิ่มประเทศในทัวร์รอบหน้า ส่วนแฟน ๆ ท่านใดอดใจรอไม่ไหว ก็ยังดีที่มีรายชื่อประเทศใกล้บ้านเราอยู่ด้วย

YOASOBI กำลังจะก้าวเข้าสู่อายุวงปีที่ 4 แล้ว ถือว่ายังเป็นวงอายุน้อย แต่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย มาคอยติดตามกันว่าวงนี้จะรังสรรค์บทเพลงใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ ออกมาอีกมากมายแค่ไหนกัน

Special Thanks

ขอบคุณทางเพจ YOASOBI Thailand Fanclub สำหรับการตรวจสอบข้อมูล และเนื้อหาเพิ่มเติมด้วยครับ (กราบบ)

อ้างอิง

  • มาโยะ โฮชิโนะ รวมนิยาย YOASOBI “วิ่งสู่ค่ำคืน” พิมพ์ครั้งที่ 1 พศ. 2564
  • Wikipedia
  • JPOP Fandom