เมื่อเดือนที่แล้ว Netflix มีมินิซีรีส์ทริลเลอร์ตลกร้ายความยาว 7 ตอนเรื่อง ‘Baby Reindeer’ เข้าฉาย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่อ้างอิงมาจากประสบการณ์การถูกสตอล์กเกอร์ของริชาร์ด แกดด์ (Richard Gadd) ครีเอเตอร์ ผู้เขียนบท รวมทั้งยังรับบทเป็นดอนนี ดันน์ บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่มีความฝันอยากเป็นนักแสดง Stand-Up Comedy ที่คอยปลอบใจมาร์ธา สก็อตต์ หญิงสาวผู้เศร้าสร้อยที่อ้างตัวว่าเป็นอดีตทนาย แต่กลายเป็นว่า ความเห็นอกเห็นใจของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาว กลับทำให้ดอนนีถูกมาร์ธาตามสตอล์กเกอร์ (Stalker) และกลายเป็นการล่วงล้ำ คุกคามชีวิตส่วนตัว รวมทั้งบุคคลรอบ ๆ ตัวเขาด้วย

ตัวซีรีส์เองถือว่าได้รับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะการหยิบเอาประเด็นเกี่ยวกับการสะกดรอยตาม หรือสตอล์กเกอร์ (Stalker) รวมทั้งการล่วงละเมิดทางเพศที่แตกต่างจากสื่อบันเทิงที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ เพราะนี่น่าจะเป็นซีรีส์ไม่กี่เรื่องที่พูดถึงการสตอล์กเกอร์ หรือประเด็นการคุกคามทางเพศของผู้ชายที่กระทำโดยผู้หญิง รวมทั้งบาดแผลในจิตใจที่เกิดขึ้นของผู้ถูกกระทำ ที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม

ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมในระดับที่ค่อนข้างดี ได้รับคะแนนฝั่งนักวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 98% และยังติดอันดับ 1 ในลิสต์ Top 10 รายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษของ Netflix ที่มียอดผู้ชมสูงที่สุด ด้วยจำนวนมากกว่า 73 ล้านครั้ง ซึ่งนับเป็นซีรีส์ที่ทำยอดได้อย่างรวดเร็วจากการเข้าฉายภายในเดือนแรก

Baby Reindeer Netflix

แต่ความยอดเยี่ยมของซีรีส์เรื่องนี้ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะหลังจากที่เข้าฉายครบ 1 เดือนเต็ม ซีรีส์เรื่องนี้ยังจุดประเด็นเกี่ยวกับการรับมือของผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อการถูกสตอล์กเกอร์ และการคุกคามทางเพศที่ถูกละเลย เพราะผู้ชายมักไม่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องราวทำนองนี้ รวมทั้งภาพของผู้ชายที่มักถูกมองว่าน่าจะแข็งแกร่งและสามารถจัดการและรับมือเรื่องนี้ได้ตามลำพัง ให้กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสังคมมากขึ้น

องค์กรการกุศล ‘We Are Survivors’ ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ การข่มขืน และการถูกแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศของผู้ชาย บุคคลข้ามเพศ (Transgender) และนอน-ไบนารี (Non-binary) เพิ่มศักยภาพเพื่อให้ตัวเองสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาที่เกิดขึ้นได้

โดยองค์กรได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ซีรีส์ ‘Baby Reindeer’ เข้าฉายในช่วง 2 สัปดาห์แรก มีผู้ที่ต้องการขอความช่วยเหลือ ตัดสินใจโทรเข้ามายังองค์กรเป็นครั้งแรกพุ่งสูงกว่าปกติถึง 80% โดยในจำนวนนี้มากกว่า 53% ได้ระบุเหตุผลว่า พวกเขาตัดสินใจโทรติดต่อองค์กรนี้เพราะซีรีส์ ‘Baby Reindeer’ รวมทั้งองค์กรยังได้รับสายขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 26-35 ปี เพิ่มขึ้นถึงกว่า 40%

ดันแคน เครก (Duncan Craig OBE) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารองค์กร ‘We Are Survivors’ เปิดเผยว่า แม้เขาเองจะเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษากับนักเขียนบท เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชายที่เป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศกับซีรีส์หลาย ๆ เรื่องมาก่อนหน้านี้ แต่เขาเองก็ยังแปลกใจต่อผลตอบรับที่ซีรีส์ ‘Baby Reindeer’ มีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งยังมีผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ขององค์กรเพิ่มขึ้นอีก 492 ราย จากการคลิกลิงก์ที่ Netflix ใส่เอาไว้ด้วย

“ก่อนหน้านี้ บางคนอาจเคยอ่านบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ และอาจจะได้รับสายก็อีก 1 เดือนต่อมา แต่สำหรับ ‘Baby Reindeer’ มันกลับเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในวงการนี้มา 15 ปี ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นการตอบรับถึงขนาดนี้มาก่อน”

“ผมมักจะถามผู้คนอยู่ตลอดว่า ทำไมเขาถึงตัดสินใจโทรมาในวันนี้ และหลาย ๆ คนก็พูดถึง ‘Baby Reindeer’ เรามีคนที่เคยดูซีรีส์เรื่องนี้ และคนที่ติดตามกระแสข่าวบนโซเชียลมีเดีย และน่าจะทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่า ‘ถ้าหากทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ ตัวฉันก็ทำได้เช่นกัน'”

Baby Reindeer Netflix

รวมทั้งเครกยังเผยว่า ซีรีส์ยังช่วยให้นักบำบัดอาสาที่เป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์การคุกคามทางเพศ และได้รับการช่วยเหลือจากองค์กร ที่อาสาเข้ามา สามารถประมวลเรื่องราวจากประสบการณ์ของตนเอง และสิ่งที่พวกเขาอยากจะถ่ายทอดมาโดยตลอด มาใช้ในการให้ความช่วยเหลือเหยื่อรายใหม่ ๆ ได้อีกด้วย

‘Baby Reindeer’ เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงบทมาจากการแสดงละครเวทีแบบแสดงเดี่ยว ที่แกดด์เขียนขึ้นและใช้แสดงในเทศกาล Edinburgh Fringe Festival ในปี 2019 ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ผลกระทบ และบาดแผลในใจของเขาที่เกิดขึ้นในปี 2015 ช่วงที่เขาทำงานที่ผับในลอนดอน เขาได้พบเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่ามาร์ธา เขาเริ่มพูดคุยและยื่นแก้วชาให้เธอดื่ม

แต่หลังจากนั้นกลายเป็นว่า เขากลับถูกมาร์ธาตามสตอล์กเกอร์และคุกคามเขาตลอด 3 ปี เธอติดตามเขาไปทุกที่ ไม่ว่าจะตอนที่เขาไปแสดงตลกหรือเวลาไหนก็ตาม เธอส่งอีเมลหาเขามากถึงกว่า 41,000 ฉบับ และฝากข้อความเสียงถึงเขารวมทั้งหมดกว่า 350 ชั่วโมง ส่งของขวัญที่ไม่พึงประสงค์ไปให้ ก่อนจะเริ่มบานปลายด้วยการล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายเขาบนเวทีในคลับแสดงตลก รวมทั้งทำร้ายแฟนสาว และข่มขู่พ่อแม่ของเขาด้วย ทำให้เขาเริ่มเผชิญกับปัญหาทางจิตและความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในใจของตัวเขาเอง

แกดด์ได้เปิดเผยถึงการทำงานเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์อันน่าเจ็บปวดผ่านการแสดงละครเวที รวมทั้งในรูปแบบซีรีส์ว่า “การจะรักษาสิ่งนี้ไว้เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ และผมรู้ว่าวิธีเดียวที่ผมจะเป็นอิสระจากสิ่งเหล่านี้ได้ ก็คือการบอกกับคนอื่น ๆ ผมไม่คิดว่าจะมีใครรู้หรอกว่ามันเลวร้ายขนาดไหน จนกว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ และสิ่งที่ฆ่าคุณไม่ได้ จะทำให้คุณแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”