หากยังจำกันได้ ‘Daredevil’ (2015–2018) ซีรีส์ความยาว 3 ซีซัน เรื่องราวของทนายตาบอดขั้นเทพ แมตต์ เมอร์ด็อก (Matt Murdock) ที่มีอีกด้านคือการเป็นแอนตีฮีโรออกปราบอาชญากรในนามของ Daredevil ที่ออกฉายทาง Netflix ที่ต้องหยุดการสร้างซีซันที่ 4 ไปอย่างน่าเสียดาย
จนกระทั่งในปี 2022 ก็มีข่าวดีว่า ซีรีส์หัวนี้กำลังจะถูกนำกลับมาสานต่ออีกครั้งในชื่อ ‘Daredevil: Born Again’ ของทาง Disney+ ที่ยังคงได้ ชาร์ลี ค็อกซ์ (Charlie Cox) กลับมารับบททนายขั้นเทพอีกครั้ง พร้อมด้วยนักแสดงดั้งเดิม ทั้ง วินเซนต์ โดโนฟรีโอ (Vincent D’Onofrio) ในบท วิลสัน ฟิสก์ หรือ Kingpin ที่เคยมาปรากฏตัวแล้วในมินิซีรีส์ ‘Hawkeye’ (2021) และ ‘Echo’ (2023–2024) รวมทั้งตัวละคร แฟรงก์ แคสเซิล หรือ The Punisher ที่รับบทโดย จอน เบิร์นธาล (Jon Bernthal)
ค็อกซ์ได้เปิดเผยความรู้สึกตกใจของเขาที่ซีรีส์เรื่องนี้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในขณะที่เขาเคยต้องจำใจอำลาบทนี้ไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วหลังจากที่ซีรีส์ถูกยกเลิกกะทันหัน ก่อนที่เขาจะได้พูดคุยโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายกับ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios และเงียบหายไปนานกว่า 2 ปี ก่อนที่เขาจะได้กลับมารับบทนี้อีกครั้งในซีรีส์ ‘Daredevil: Born Again’
ค็อกซ์ได้เปิดเผยเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์ของนิตยสาร People ในระหว่างที่เขาและโดโนฟรีโอ ปรากฏตัวในงานอีเวนต์ D23
“เรามีเรื่องตลกอยู่เรื่องหนึ่งครับ เราถ่ายทำตัวซีรีส์ต้นฉบับเสร็จไปเมื่อช่วงปลายปี 2016 จนถึงต้นปี 2018 แล้วหลังจากนั้นซีรีส์ก็ถูกยกเลิกไปในตอนนั้น และหลังจากนั้นก็ต้องรอจนถึงกลางปี 2020 จนกระทั่งผมได้รับโทรศัพท์จากเควิน ไฟกี ที่โทรมาบอกผมว่า พวกเขากำลังสนใจที่จะนำเอาคาแรกเตอร์นี้กลับมา”
“ตอนนั้นพวกเรายังไม่รู้เลยครับว่าพวกเราจะได้กลับมาในซีรีส์หรือเปล่า รู้แค่ว่าเป็นการนำเอาคาแรกเตอร์เข้าสู่ MCU เท่านั้น แต่หลังจากเวลาผ่านไป 2 ปี ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาเลย ผมเองก็เลยคิดว่า ปล่อยวางไปเสียดีกว่า”
‘Daredevil’ เป็นซีรีส์ของ Netflix ที่ร่วมผลิตโดย Marvel Television ผลิตร่วมกับ ABC Studios แม้ว่าจะได้เสียงตอบรับและคำวิจารณ์ที่ดี แต่จากนโยบายการดึงคอนเทนต์ของ Disney กลับมาลงแพลตฟอร์ม Disney+ ของตัวเอง รวมทั้งกระแสของซีรีส์ส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยดี
ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ รวมทั้ง ‘The Punisher’ (2017–2019), ‘Jessica Jones’ (2015–2019), ‘Iron Fist’ (2017–2018), ‘Luke Cage’ (2016–2018) และซีรีส์ครอสโอเวอร์ ‘The Defenders’ (2017) ถูกถอดออกจาก Netflix และหยุดการพัฒนา จนกลายมาเป็นซีรีส์ที่อยู่นอกไทม์ไลน์ของ MCU และนอกสายตาของแฟน ๆ ไปโดยปริยาย
เส้นทางกว่าที่ Daredevil จะได้กลับเข้าสู่ MCU ก็นับว่าไม่ง่าย แม้ว่าค็อกซ์จะเคยมาปรากฏตัวเป็น Cameo ทั้งในหนัง ‘Spider-Man : No Way Home’ (2021) และซีรีส์ ‘She-Hulk: Attorney at Law’ (2022) รวมทั้งการจัดซีรีส์ฮีโรข้างถนนที่กลับเข้ามาใน Disney+ ให้เป็นส่วนหนึ่งของไทม์ไลน์ (เส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์) ของ MCU อย่างเป็นทางการ
จนกระทั่งในปี 2022 Marvel Studio ได้ประกาศการพัฒนาซีรีส์ ‘Daredevil: Born Again’ ซึ่งจะเป็นการสานต่อเรื่องราวที่ทิ้งค้างเอาไว้ใน 3 ซีซันแรก โดยได้ แมตต์ คอร์แมน (Matt Corman) และคริส ออร์ด (Chris Ord) รับหน้าที่เขียนบท และทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์
หลังจากเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2023 วิบากกรรมแรกที่ตัวซีรีส์ต้องเจอก็คือเหตุการณ์การนัดประท้วงหยุดงานของสมาชิกสหภาพแรงงานผู้เขียนบทภาพยนตร์และบทละครของสหรัฐฯ หรือ WGA (Writers Guild of America) ในขณะนั้นซีรีส์ถ่ายทำไปแล้ว 6 ตอนจากจำนวนทั้งหมด 18 ตอน
แต่กลายเป็นว่า ผู้บริหารกลับไม่ชอบแนวทางของฟุจเทจตัวซีรีส์ที่มีความเป็นซีรีส์กฎหมาย เล่าจากมุมมองของเมอร์ด็อกในฐานะทนายความ ก่อนจะสวมชุด Daredevil ในตอนที่ 4 มากกว่าจะเป็นซีรีส์แอ็กชันดิบเถื่อนนองเลือดตามแนวทางของ Netflix
รวมทั้งการตัดบางตัวละคร โดยเฉพาะบทบาทเพื่อนทนายของเมอร์ด็อก ทั้ง คาเรน เพจ ที่แสดงโดย เดบอราห์ แอนน์ โวลล์ (Deborah Ann Woll) และฟ็อกกี เนลสัน ที่รับบทโดย เอลเดน เฮนสัน (Elden Henson) ออกไปอย่างสิ้นเชิง
ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจที่จะยกเครื่องถ่ายทำใหม่ทั้งหมด รวมทั้งการปลดคอร์แมนและออร์ด รวมทั้งผู้กำกับคนอื่น ๆ ออกจากซีรีส์ ก่อนที่จะทำการจ้างผู้เขียนบทชุดใหม่ รวมทั้งการปรับแผนจากการใช้โปรดิวเซอร์ตามแนวทางการสร้างหนัง เปลี่ยนเป็นการใช้ Showrunner ในการควบคุมภาพรวมของซีรีส์แทน โดยได้ ดาริโอ สการ์ดาปาเน (Dario Scardapane) มาทำหน้าที่เป็นโชว์รันเนอร์และเขียนบท
รวมทั้งได้ จัสติน เบนสัน (Justin Benson) และแอรอน มัวร์เฮด (Aaron Moorhead) ผู้กำกับซีรีส์ ‘Moon Knight’ (2022) และ ‘Loki’ ซีซัน 2 (2023) มาทำหน้าที่กำกับทั้งซีซัน รวมทั้งยังได้ทีมสตันต์แมนจากเวอร์ชัน Netflix กลับมาดูแลงานแอ็กชันเช่นเดิม และเพิ่มบทของแอนน์ โวลล์และเนลสันที่ถูกตัดออกไป กลับเข้ามาใหม่ในภายหลังด้วย
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม Marvel Studios ได้อัปเดตความคืบหน้าของซีรีส์ ‘Daredevil: Born Again’ ในงานอีเวนต์ D23 ที่มีตั้งแต่การฉายฟุตเทจพิเศษเป็นครั้งแรก รวมทั้งแนวทางของซีรีส์ที่ไฟกีเผยว่าจะเป็นการเอาแนวทางที่เป็นแก่นจากซีรีส์ต้นฉบับของ Netflix มาใช้ ควบคู่ไปกับการสร้างแนวทางใหม่เป็นของตัวเอง
โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงการเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ ของทนายเมอร์ด็อกในการต่อสู้ สำรวจประเด็นทางศีลธรรมและจริยธรรม ทั้งในฐานะของทนายความและฮีโรข้างถนน มีฉากแอ็กชันที่สมจริงและดุเดือดมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งจะเป็นการสานต่อแนวทางเรื่องราวของฮีโรในระดับท้องถนนให้กับแบรนด์ Marvel Spotlight และคาดว่าจะมีตัวละครสำคัญ ๆ เช่น Punisher รวมทั้งตัวละครจาก MCU ที่อาจปรากฏตัวในซีรีส์ด้วย โดย ณ ตอนนี้ ซีซันที่ 1 จะมีกำหนดการเข้าฉายภาย ในเดือนมีนาคม ปี 2025 และกำลังจะเริ่มต้นถ่ายทำซีซันที่ 2 ในเร็ว ๆ นี้
ค็อกซ์เล่าต่อไปถึงความพยายามทำใจว่า ตัวเขาเองอาจไม่ได้มีโอกาสสวมหน้ากากปีศาจแห่ง Hell’s Kitchen อีกต่อไป ฉะนั้น การ ‘Born Again’ (กำเนิดใหม่) ของ Daredevil จึงนับว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับเขา
“ตัวผมเองน่ะมูฟออนไปแล้วครับ แต่บางครั้งก็ยังมีการคุยกับวินเซนต์บ้าง เขามักจะพูดทำนองว่า ‘เดี๋ยวพวกเขาก็คงโทรมาแหละ ฉันคิดว่าพวกเขายังคงต้องการเรา และพวกเขาจะโทรมาชัวร์ ๆ’ ผมวางสายไปแล้วก็คิดในใจว่า นายนี่เสียสติไปแล้วแน่ ๆ เลย ! เขาต้องรู้จักปล่อยวางเสียบ้างนะ จนเวลาผ่านไปจะ 10 ปีแล้ว เขาก็ยังพูดแบบนั้นอยู่ ในขณะที่ผมคิดว่า ตอนนี้มันคงจบแล้วแหละ ไม่มีอีกแล้วแน่นอน”
“ในสายตาของชาร์ลี มันดูเป็นอะไรที่น่าสงสารชะมัดเลย” โดโนฟรีโอกล่าว
“ก็จริง ผมแค่ไม่ได้รู้สึกมีความหวังกับมันมากเท่าไรนัก การมาของสิ่งนี้จึงเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก น่าตกใจจริง ๆ มันเป็นซีรีส์ยอดเยี่ยมที่สร้างขึ้นมาด้วยความรักและหลงใหลขั้นสุดจริง ๆ”