ฝ่ายขาย และการตลาด
085-848-2253[email protected]http://m.me/beartai
สมัครงาน/ฝึกงาน ติดต่อได้ที่
[email protected]
Read
| Viral

รู้หรือไม่ มีศพนักปีนเขามากกว่า 200 ร่างบนเอเวอเรสต์ กลายเป็นจุดสังเกตให้นักปีนเขา

Tabel of Content

เอเวอเรสต์ (Mount Everest) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 29,035 ฟุต หรือ 8,848 เมตร เอเวอเรสต์เป็นยอดเขาที่อันตรายที่สุดในโลก ด้วยความที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมาก จึงทำให้มีความกดอากาศต่ำ มีอากาศหนาวเย็นจับใจในช่วงหน้าหนาว มีหิมะปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปี เส้นทางที่กว่าจะเข้าไปถึงบริเวณเบส แคมป์ (ประมาณ 5,364 เมตรจากระดับน้ำทะเล) ของทางฝั่งเนปาล ก็ยังต้องไต่เขาขึ้นไป แถมยังเป็นเส้นทางที่อันตรายมากยิ่งขึ้น เพราะยิ่งสูงความกดอากาศก็ยิ่งต่ำ มีออกซิเจนน้อย ลมพัดแรงมาก หากโชคไม่ดีก็อาจจะเจอกับพายุหิมะ ซึ่งนั่นหมายถึงการสูญเสียชีวิตเลยทีเดียว

เอเวอเรสต์

แต่ด้วยความที่ได้ตำแหน่งว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกจึงทำให้ เอเวอเรสต์เป็นเสมือนหลักชัยที่ช่างท้าทายนักปีนเขาทั่วโลก เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของนักปีนเขา แม้ว่านั่นหมายถึงต้องแลกกับชีวิตเลยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการพลาดร่วงตกลงเหว ขาดออกซิเจนตาย หรือโดนก้อนหินถล่มทับร่าง ทำให้ในวันนี้มีการประมาณว่ามีร่างของนักปีนเขาถูกทิ้งไว้ระหว่างทางสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์แล้วมากกว่า 200 ร่าง หรืออาจจะถึง 300 ร่างก็เป็นได้ ร่างเหล่านี้เสียชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศเย็นจัด ทำให้ร่างของเขาเหล่านี้ไม่เน่าเปื่อยและมองเห็นได้ชัดตลอดเส้นทางขึ้นลงยอดเขา ทำให้บรรดานักปีนเขาตั้งฉายาให้ร่างเหล่านี้ และถูกใช้เป็นจุดสังเกตที่นักปีนเขาสื่อถึงกันได้เข้าใจ และนี่คือเรื่องราวของบางร่างที่ถูกใช้เป็น จุดสังเกต หรือ Landmarks ของนักปีนเขา

Green Boots

Grren Boots

Green Boots หรือ รองเท้าบู๊ตเขียว เป็นร่างของนักปีนเขาชาวอินเดียที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี 1996 นู่นแล้ว หลายคนเชื่อว่าเจ้าของร่างนี้คือ แสวง พาลจอร์ (Tsewang Paljor) ร่างของเขานอนอยู่ใกล้กับถ้ำ ที่นักปีนเขาทุกคนจะต้องเดินผ่านเพื่อขึ้นไปยังยอดเขา ทุกวันนี้ร่างของ Green Boots ทำหน้าที่เป็นจุดสังเกตให้นักปีนเขาได้รู้ว่า พวกเขามาใกล้ยอดเขาแค่ไหนแล้ว

สาเหตุที่นายแสวงได้กลายเป็นร่าง Green Boots อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเขาตัดสินใจแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน หลังจากรู้ตัวเองว่าสภาพร่างกายไปต่อไม่ไหวแล้ว แสวงมองหาชะง่อนหินข้างทาง แล้วไปนั่งหลบอยู่ตรงจุดนั้น แต่ก็ไม่มีความช่วยเหลือใด ๆ มาถึงตัว เขานั่งหนาวสั่นอยู่ตรงนั้นจนหมดลมหายใจไป

David Sharp

เดวิด ชาร์ป

เดวิด ชาร์ป (David Sharp) นักปีนเขาชาวอังกฤษ เขาลุยเดี่ยว ไม่ใช้ถังออกซิเจน ไม่มีทีมสนับสนุน ชาร์ปไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2006 ขากลับลงจากยอดเขา ชาร์ปหยุดพักที่ถ้ำที่รู้จักกันในชื่อ Green Boots Cave พอชาร์ปเข้าไปนั่งพัก ร่างเขาก็ถูกแช่แข็งจนแน่นิ่งอยู่ตรงจุดนั้น ชาร์ปยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ เขามองเห็นนักปีนเขากว่า 40 คนเดินผ่านเขาไป ที่นักปีนเขาส่วนใหญ่เดินผ่านเขาไปโดยไม่ใยดี เพราะนึกว่านี่คือร่างของ Green Boots

มาร์ก อิงลิช

ในช่วงก่อนที่ เดวิด ชาร์ป จะหมดลมหายใจนั้น มาร์ก อิงลิช (Mark Inglis) นักปีนเขาชาวนิวซีแลนด์ ที่ใช้ขาเทียมทั้ง 2 ข้าง มากับทีมสนับสนุน มองเห็นร่างของชาร์ป อิงลิชแวะเข้าไปดูอาการของชาร์ป แต่ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ แล้วมุ่งหน้าขึ้นยอดเขาต่อไป ผ่านไป 9 ชั่วโมง อิงลิชและทีมลงจากยอดเขา แวะดูชาร์ปอีกครั้ง แต่เขาก็เสียชีวิตไปแล้วในท่านั่งกอดเข่า เรื่องราวของอิงลิชที่ไม่ได้พยายามช่วยชีวิต เดวิด ชาร์ป ทำให้เขาถูกประณามอย่างมาก

Francys Arsentiev

เซอร์เก และ แฟรนซี อาร์เซนเทียฟ

แฟรนซี อาร์เซนเทียฟ (Francys Arsentiev) จบชีวิตในปี 1998 เธอเป็นนักปีนเขาหญิงชาวอเมริกันคนแรกที่ไปได้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยไม่ต้องใช้ถังออกซิเจนช่วยแต่อย่างใด แต่ชื่อเสียงของเธอกลับไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือได้รับการยกย่องแต่อย่างใด นั่นก็เพราะเธอไม่สามารถกลับสู่พื้นล่างได้สำเร็จ

หลังจากแฟรนซีและสามีไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็ดั้นด้นกลับมาถึงแคมป์ด้วยความยากลำบาก ในค่ำคืนนั้นเมื่อมาถึงแคมป์ได้สำเร็จ เซอร์เก อาร์เซนเทียฟ (Sergei Arsentiev) ผู้เป็นสามีถึงเพิ่งรู้ตัวว่า แฟรนซีไม่ได้กลับลงมาถึงแคมป์พร้อมกับเขา ถึงรู้ว่าการออกไปตามหาในค่ำคืนเช่นนี้ เต็มไปด้วยอันตราย แต่กระนั้นเซอร์เกก็ยังเลือกเสียงออกไปตามหาภรรยา ระหว่างทางเขาได้พบกับทีมนักปีนเขาชาวอุซเบก พวกเขาเล่าว่าได้เจอแฟรนซีระหว่างทางที่ลงเขามา พวกเขาพาตัวเธอมาได้ช่วงระยะหนึ่ง แต่ก็ต้องจำใจทิ้งร่างเธอไว้ระหว่างทาง เพราะออกซิเจนพวกเขาก็จะหมดเหมือนกัน

ในวงแดงคือร่างของ แฟรนซี อาณ์เซนเทียฟ

วันรุ่งขึ้น มีนักปีนเขาสองคนเจอแฟรนซีที่อยู่ในสภาพหายใจรวยริน และไม่สามารถขยับร่างกายได้แล้ว นอนอยู่ข้างทาง ใกล้ ๆ ร่างเธอมีขวานปีนเขาและเชือกขดหนึ่งซึ่งเป็นของเซอร์เก แต่กลับไม่เห็นร่างของเซอร์เกอยู่ในบริเวณนั้น นักปีนเขาทั้งคู่มองไม่เห็นลู่ทางที่จะช่วยชีวิตแฟรนซีได้แต่อย่างใด จำต้องทิ้งให้เธอนอนหมดลมหายใจไปตรงจุดนั้น 1 ปีต่อมา ปริศนาได้คลี่คลายว่าเซอร์เกหายไปไหน มีนักปีนเขาพบร่างของเซอร์เกตกหน้าผาลงไปตายในจุดใกล้กับที่มีคนพบร่างแฟรนซี

ว่าแล้วก็ไปเล่นหิมะกันที่เมืองน้ำแข็งพัทยากันดีกว่าครับ คนละ 350 บาท ไม่เสี่ยงชีวิตดี

อ้างอิง อ้างอิง

Highlight

Xiaomi 17 Ultra เปิดตัวเป็นทางการ ยัดโหดกล้อง 1 นิ้ว ซูม 200 MP แบตฯ อึด 6,800 mAh พร้อมรุ่น Leica Edition ดีไซน์คลาสสิก

26/12/2025
Read More

Huawei Cloud ครองตำแหน่งผู้นำจากรายงาน Omdia พร้อมขึ้นอันดับ 1 ด้านกลยุทธ์และนวัตกรรม

26/12/2025
Read More

ซื้อดีไหม ? HUAWEI MatePad 12 X 2026 สรุปฟีเจอร์เด่นที่น่าโดนในราคาไม่เกินสองหมื่น 

26/12/2025
Read More

แว่นตา AI เปลี่ยนเสียงรอบตัวเป็น “ซับไตเติล” แบบ Real-time ช่วยผู้บกพร่องทางการได้ยิน

26/12/2025
Read More

ญี่ปุ่นทำถึง ! เปิดตัว เครื่องซักมนุษย์ อาบ-ล้าง-เป่าแห้ง จบใน 15 นาที ค่าตัว 13 ล้านบาท

26/12/2025
Read More

เตือน ! ผู้มีสิทธิ “ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง – ไม่แจ้งเหตุ” จะถูกจำกัดสิทธิตามกฎหมาย

26/12/2025
Read More

Related Content