เชื่อว่าหลายคนที่รักในรถยนต์ หรือแม้แต่คนที่ขับรถไม่เป็นด้วยซ้ำน่าจะต้องเคยได้ยินชื่อ GT-R มาบ้าง GT-R เป็นทั้งรถแข่ง จิตวิญญาณ และประวัติศาสตร์ของ Nissan ที่หล่อหลอมชื่อชั้นของ Skyline GT-R ให้จารึกบนประวัติศาสตร์รถยนต์มาตลอด 55 ปี นับตั้งแต่ผลิตขึ้นในปี 1969 bt ขอพาไปสำรวจประวัติศาสตร์เรื่องราวก่อนที่คำว่า Skyline GT-R จะกลายเป็นไปไอคอนิกคาร์ที่อยู่ในใจของใครหลายคน

GT-R แรงบันดาลใจาก R380

หลังจากที่ Nissan ควบรวมบริษัทกับ Prince Motors, Ltd. ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อ Skyline 2000GT-R ในเดือนกุมภาพันธ์ 1969 (PGC10) โดยออกแบบให้เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงสำหรับการแข่งขันทัวริ่งหรือระยะไกล ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งในช่วงเวลาเดียวกันอย่าง The Prince R380 คันสีแดงนั่นเอง และนำสีแดงมาเป็นต้นแบบของซีดาน 4 ประตู ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 สูบ เปิดตัวครั้งแรกและคว้าชัยในรายการ JAF GP พร้อมกับตัวเลข 39 ที่สกรีนบนตัวรถในเดือนพฤษภาคม 1969

Nissan Skyline 2000GT-R ปี 1969

หลังจาก Nissan Skyline 2000GT-R เปิดตัวได้ 1 ปีก็มีตัวถังเวอร์ชันใหม่ทันที โดยเพิ่มตัวถังที่ใช้หลังคาแข็ง (hardtop) 2 ประตูในปี 1970 (KPGC10) นอกจากนี้ยังลดระยะฐานล้อลง 70 มม. ทำให้น้ำหนักตัวรถเบาขึ้นอีก 20 กก. และยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ S20 ตลอด 3 ปีที่โลดแล่นอยู่ในการแข่งขัน Skyline 2000GT-R สามารถเก็บชัยชนะได้มากกว่า 52 ครั้ง ทำให้ชื่อชั้นของ GT-R เริ่มปรากฏในสายตานักแข่งทั่วญี่ปุ่น

Nissan Skyline 2000GT-R ปี 1970

Skyline 2000GT-R ผลิตทั้งหมด 1,945 คัน ขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

กำเนิดก็อดซิลล่า GT-R R32

หนึ่งในรุ่นสร้างชื่อของ Nissan พร้อมกับรหัสตัวถัง R32 (BNR32) เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 1989 หลังจากห่างหายในรายการแข่งขันไปนานกว่า 16 ปี GT-R กลับมาพร้อมเครื่องยนต์ DOHC 6 สูบขนาด 2.6 ลิตร เทอร์โบคู่ ในชื่อ RB26DETT กำลังสูงสุด 280 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออิเล็กทรอนิกส์ ATTESA E-TS ที่ช่วยกระจายแรงบิดไปยังทุกล้อ เป็นหนึ่งในรถสมรรถนะดีที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลานั้น

Nissan Skyline GT-R (R32) 1989

Nissan Skyline GT-R เก็บชัยชนะได้มากถึง 29 ครั้ง ไม่แพ้ใครตลอด 4 ฤดูกาล ในรายการ Japan Touring Car Championship ตั้งแต่ปี 1990-1993 รวมถึงการแข่งขัน 24 ชั่วโมงที่ Spa-Francorchamps24 Hours จนทำให้สื่อต่างประเทศขนานนาม R32 ว่า ‘The Godzilla’ เปรียบดังปีศาจที่สามารถล้มยักษ์จากออสเตรเลียและอเมริกาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Nissan Skyline GT-R (R32) ที่ใช้ลงแข่ง 24 ชั่วโมงในรายการ SPA ปี 1990-1992

Nissan Skyline GT-R R32 ผลิตทั้งหมด 43,937 คัน จนถึงปี 1994

ต่อยอด R33 กับผลงานใน Nürburgring

Nissan Skyline R33 เปิดตัวในปี 1933 (BCNR33) ถูกปรับให้เป็นรถซีดาน ตัวถังขนาดใหญ่ขึ้น แชสซีใหญ่ขึ้น (ชื่อ No.000055) รวมถึงระบบขับเคลื่อน ATTESA E-TS PRO ใหม่ แต่ใช้เครื่องยนต์เดิม และยังเป็นรถที่มีสมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร โดย R33 เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show ปี 1993 ก่อนที่จะขายจริงในปี 1995 แต่สิ่งที่พูดถึงกันอย่างมากคือเวลาที่ R33 ทำได้ในสนาม Nürburgring ที่ 7.59 นาที ซึ่งเร็วกว่า R32 ทำได้กว่า 21 วินาที ส่วนต่าง 21 วินาทีนั้นยังคงถูกพูดถึงอยู่ในปัจจุบัน

Nissan Skyline R33 Nürburgring ปี 1993

Skyline R34 จุดสูงสุดของตำนานรถแข่ง

Nissan เปิดตัว Skyline R34 ในปี 1999 (BNR34) ซึ่งเป็นรถสมรรถนะดีที่สุดของตระกูล GT-R ก็ว่าได้ มีการปรับตัวถังเล็กลงจากรุ่น R33 ช่วงล่างแบบ Active LSD ไปจนถึงชุดแต่งมาเสริมเรื่องอากาศพลศาสตร์ รวมถึงเริ่มมีเทคโนโลยีอย่างหน้าจอดิจิทัลขนาด 5.8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่เข้ามาในตัวรถ ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่มากในยุคนั้น และยังสามารถทำเวลาได้ดีกว่า R33 ในสนาม Nürburgring ที่เวลา 7.52 นาที เร็วขึ้นกว่า 7 วินาทีด้วยกัน

Nissan Skyline R34 V-Spec II 1999

Nissan Skyline R34 มีเวอร์ชัน V-Spec II ที่มาพร้อมสีพิเศษ Bayside Blue และ M-Spec Nür ในฐานะรถที่พัฒนาในสนามแข่ง Nürburgring และออกแบบมาสำหรับการแข่งขันแบบ Endurance แต่มีการผลิตจำกัดแค่ 1,000 คันในปี 2002

GT-R R35 จากตำนานสู่ยุคโมเดิร์นไร้ชื่อ Skyline

หลังจากที่ Skyline R34 ยุติสายการผลิตไปในปี 2002 Nissan ได้นำ GT-R กลับมาอีกครั้ง โดยตัดชื่อ Skyline ทิ้ง เหลือเพียง Nissan GT-R (R35) ในปี 2007 ซึ่งก็ทำให้หน้าตาของ GT-R หลุดไปจากเดิมอย่างมาก ดูมีความทันสมัยมากขึ้น และกระโดดจากรถแข่งสุดคลาสสิกไปสู่การเป็นรถสปอร์ตหรือซูเปอร์คาร์ในตลาดโลกมากขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ V6 DOHC เทอร์โบคู่ ขนาด 3.8 ลิตร ในชื่อ VR38DETT กำลังสูงสุด 480 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อชื่อ Independent Transaxle 4WD

Nissan Skyline R35 2007

Nissan R35 เป็นตระกูลที่อยู่มายาวนานที่สุดรุ่นหนึ่งของ Nissan และมีการอัปเกรดเครื่องยนต์อยู่เรื่อย ๆ แต่รุ่นพิเศษคงหนีไม่พ้น Nissan GT-R Bolt Special ที่ได้ Usain Bolt นักวิ่งระยะสั้นที่เร็วที่สุดในโลก เจ้าของสถิติโลกระยะ 100 เมตร มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Nissan GT-R ในปี 2012 จึงได้เกิด GT-R เวอร์ชันสีทองทั้งคัน เฉลิมฉลองให้กับเหรียญทองโอลิมปิกที่ Bolt เพิ่งได้รับจาก London Olympic Game 2012 นั่นเอง ซึ่งมีการผลิตออกมา 2 คัน คันหนึ่งมอบให้ Bolt และอีกคันถูกนำออกมาจัดแสดงและประมูลในภายหลัง

Nissan Skyline R35 Bolt Special 2012

ปิดตำนาน R35

ล่าสุด Nissan ตัดสินใจยุติสายการผลิตของ Nissan GT-R R35 ในปี 2024 หลังจากโลดแล่นอยู่บนเส้นทางตลอด 14 ปี นับตั้งแต่ผลิตครั้งแรกในปี 2007 แต่ก็ยังอดวาดลวยลายครั้งสุดท้ายกับ 2 รุ่นพิเศษอย่าง T-spec Takumi Edition (คำว่า Takumi หมายถึงปรมาจารย์ผู้ฝึกฝนทักษะมาหลายทศวรรษ) มาพร้อมโลโก้ GT-R สีแดง ตัดกับตัวถังสีม่วงเข้ม ล้อแม็กซ์สีทอง พร้อมเบรกคาร์บอนเซรามิกใหม่ และรุ่น Skyline Edition ซึ่งเป็นการนำชื่อ Skyline กลับมาอีกครั้งด้วยพิมพ์นิยมสีน้ำเงินจากเส้นขอบฟ้าของญี่ปุ่น ชวนให้นึกถึงสี Bayside Blue ในตำนานของ R34 ขึ้นมาเลย โดยแต่ละรุ่นจะวางจำหน่ายไม่ถึง 200 คันเท่านั้น

GT-R ในจอเงิน

ความนิยมของ Nissan GT-R สะท้อนผ่านการปรากฏตัวในภาพยนตร์หรือการ์ตูนอนิเมะต่าง ๆ มากมาย ภาพที่ชัดที่สุดคือ Nissan Skyline R34 คันสีน้ำเงินของ Paul Walker ในหนังตระกูลรถแข่งเรื่อง Fast & Furious (2002) ซึ่งภายหลังถ่ายทำได้มีการนำออกมาประมูลขาย ปิดไปที่ราคา 1.357 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว

หรือในหนังที่ทันยุคทันสมัยขึ้นมาหน่อยจากเรื่อง Gran Torismo (2023) ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของนักแข่งรถที่ไต่เต้ามาจากการเล่นเกม และได้เข้าร่วมโปรเจกต์คัดเลือกเด็กติดเกมไปสู่เส้นทางนักแข่งรถมืออาชีพ โดยสปอนเซอร์หลักคือ Nissan ก็ได้มีการนำ Nissan GT-R Nismo GT3 มาเป็นตัวเอก พร้อมโลดแล่นอยู่ในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนทางฝั่งการ์ตูนเอง Nissan GT-R ก็เคยไปปรากฏตัวในการ์ตูนรถแข่งชื่อดังอย่าง Initial D หรือรถส่งเต้าหู้ที่ติดหูทุกคน ซึ่งแม้เรื่องนี้ตัวเอกจะเป็น Toyota AE-86 แต่ก็ยังหนีไม่พ้นเงาของ Skyline GT-R (R32) ที่เป็นรถของ Takeshi Nakazato หัวหน้าทีม NightKids แห่งเขาเมียวงิ ซึ่งตัวละครนี้ปรากฏทั้งในรูปแบบการ์ตูน อนิเมะและภาพยนตร์ อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของมีม “อิตจะเอา GT-R” ด้วยนั่นเอง

รวมถึงการ์ตูนเรื่อง MF Ghost จากคนเขียนคนเดียวกันและเป็นภาคต่อของ Initial D ก็ได้มีการนำ Nissan GT-R (R35) กลับมาด้วยเช่นกัน โดยเป็นรถของ Shun Aiba นักแข่งรถชาวญี่ปุ่นที่เป็นเพื่อนร่วมชาติของตัวเอกในเรื่อง ซึ่งก็ยังคงใช้ Toyota AE-86 อยู่ดี

ทั้งหมดนี้คือบางส่วนของตำนานรถแข่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 55 ปี ทุกวันนี้เราก็ยังเห็น GT-R ขับขี่ผ่านตาอยู่บ้างบนถนนที่ไทย แม้ว่า GT-R จะยุติการผลิตไปนานแล้วก็ตาม แต่ก็มีข่าวว่า GT-R จะกลับมาในปี 2024 รวมถึงภาพคอนเซปต์ใหม่ของ GT-R ในเวอร์ชันรถยนต์ไฟฟ้า ที่เคยอวดโฉมในงาน JMS 2023 มาแล้วนั่นเอง เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า การกลับมาอีกครั้งของ GT-R จะพิเศษกว่าครั้งก่อนหน้าสักแค่ไหนกันเชียว