แม้ BYD และ Tesla จะเป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเหมือนกัน แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ของแบรนด์ทั้งสองต้องเรียกว่าเปรียบดังเส้นขนาน บางคนอาจเคยเห็นคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ของ CEO Tesla อย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนว่า ไม่ได้มองว่า BYD เป็นคู่แข่งแต่อย่างใด ทว่าในวันนี้ BYD กลับมียอดส่งออกรถ EV แซงหน้า Tesla ได้แล้ว นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ทว่าปัจจุบัน แม้กระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ในโลกยังคงขับเคลื่อนด้วยรถยนต์สันดาปหรือใช้น้ำมันเป็นหลักอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่ค่ายรถ EV ต้องก้าวผ่านไปให้ได้

มัสก์เองก็เริ่มให้ความสำคัญกับตลาดจีนมากขึ้น เห็นได้จาดยอดขายรถ Tesla Model Y ในปี 2023 เป็นอันดับ 1 ในจีนด้วยจำนวนกว่า 456,394 คัน ทำให้มัสก์เริ่มยอมรับว่ารถ EV ของจีนเป็นคู่แข่งที่ดีที่สุดของ Tesla (แม้จะไม่ได้ระบุโดยตรงว่าแบรนด์อะไร แต่เรารู้กันดีว่ามัสก์หมายถึง BYD)

ความสัมพันธ์ระหว่าง BYD และ Tesla เองก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น หลังจาก Tesla เองก็มีการใช้นวัตกรรมเซลล์ Blade Battery จาก BYD ในรถ EV บางรุ่นของ Tesla ส่วนทางฝั่ง BYD เองก็ออกมายอมรับว่า Tesla มีบทบาทในการเติบโตของรถ EV ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีน

Yunfei Li ผู้บริหารด้านองค์กรและประชาสัมพันธ์ของ BYD ยังเสนอว่าหาก BYD ร่วมมือกับ Tesla รวมถึงแบรนด์รถพลังงานใหม่ด้วยกัน “เราต้องคิดถึงวิธีการเพิ่มเค้กของตลาดรถ EV และทำให้ทุกคนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิต (เช่น Toyota) ที่ยังลังเลว่าจะก้าวไปสู่พลังงานไฟฟ้าดีไหม”

หาก 2 ยักษ์ใหญ่ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD และ Tesla ร่วมมือกันได้ คงจะสะเทือนถึงส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ทั้งหมดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองกำลังทำแบบนั้นอยู่ด้วย

ที่มา electrek

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส