หลังจาก NETA V ทำตลาดในไทยและสร้างยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2023 ได้มากกว่า 12,777 คัน เป็นอันดับที่ 2 ในตลาดรถ EV รวมถึงปี 2024 ก็ยังมียอดอีกกว่า 2,229 คันในอันดับที่ 3 ของตลาด ความร้อนแรงนี้ทำให้ NETA เปิดตัวรถยนต์รุ่นถัดมาอย่าง NETA V II ที่อัปเกรดขึ้นแถมยังประกอบไทย ที่เป็นโรงงานผลิตรถ EV ในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกด้วย

NETA V II ยังคงมีขนาดตัวรถเท่าเดิมที่ 4,070 x 1,690 x 1,540 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,420 มิลลิเมตร แต่ได้อัปเกรดส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED มาพร้อมกันชนหน้าหลังดีไซน์ใหม่ ช่องดักลม Star Galaxy Grille มีสีตัวถังให้เลือกมากขึ้น คือสีชานม Milk Tea และสีฟ้า Baby Blue รวมถึงสีภายในแบบทูโทน

ภายในห้องโดยสารมีการปรับเบาะนั่งคนขับและข้างคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง เพิ่มการปรับระดับสูงต่ำ เพิ่มที่ชาร์จไร้สาย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ระบบเบรกอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking) ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน (Lane Keeping Assist) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning) ไปจนถึงเพิ่มที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้แล้ว

NETA V II มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ V II LITE และ V II SMART ตัวรถขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมพละกำลัง 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 121 km/h (ในโหมด Sport) แบตเตอรี่ Lithium-ion LFP ขนาด 36.1 kWh (ปรับลงจากเดิม 40.7 kWh) วิ่งได้ระยะไกลสุด 382 km (มาตรฐาน NEDC) พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ Liquid Cooling System HEPT 3.0 รองรับการชาร์จ AC สูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และ DC สูงสุด 45 kW จาก 30-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ยังมีระบบ V2L สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts)

ปิดท้าย NETA จับมือกับ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกของ NETA ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน และรุ่น NETA V II จะเป็นรุ่นแรกที่เดินหน้าสายการผลิตในไทย โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตอยู่ที่ 20,000 คันต่อปี

NETA V II มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ V II LITE ราคา 549,000 บาท และ V II SMART ราคา 569,000 บาท พบกับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายค่ายในงาน Bangkok International Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 ที่ IMPACT Arena เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้