Zoox บริษัทแท็กซี่ไร้คนขับในเครือของ Amazon ประกาศเรียกคืนซอฟต์แวร์แท็กซี่ไร้คนขับ จำนวน 270 คัน หลังจากเกิดอุบัติเหตุแท็กซี่ไร้คนขับของบริษัทชนเข้ากับรถยนต์ส่วนบุคคลในลาสเวกัสเมื่อวันที่ 8 เมษายน แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เพื่อความปลอดภัยบริษัทก็ได้หยุดการทดสอบแท็กซี่ไร้คนขับและตรวจสอบพบว่าซอฟต์แวร์คาดการณ์ผิด จากนั้นได้รายงานไปยังสำนักงานบริหารความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) เพื่อขอเรียกคืนซอฟต์แวร์ดังกล่าวโดยความสมัครใจ ซึ่งบริษัทได้ติดตั้งซอฟต์แวร์แก้ไขใหม่ในรถทั้งหมด 270 คันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 16 – 17 เมษายน และกลับมาวิ่งทดสอบแล้ว
Zoox ได้รายงานขอเรียกคืนซอฟต์แวร์แท็กซี่ไร้คนขับไปยัง NHTSA เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเผยรายละเอียดว่าเมื่อ 8 เมษายน ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา รถแท็กซี่ไร้คนขับของ Zoox ที่ไม่มีผู้โดยสารและทำงานแบบอัตโนมัติได้วิ่งอยู่ในเลนด้วยความเร็วเกิน 40 ไมล์ต่อชั่วโมง (64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) อยู่ดี ๆ รถของคู่กรณีได้วิ่งออกมาจากถนนด้านข้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งซอฟต์แวร์คาดการณ์ว่ารถคันดังกล่าวจะวิ่งต่อเข้ามาในเลน จึงตัดสินใจชะลอความเร็วและหักพวงมาลัยไปด้านขวาเพื่อหักหลบ แต่รถคู่กรณีกลับหยุดนิ่งจอดรออยู่ตรงไหล่ทางหรือขอบถนนเพื่อให้แท็กซี่ไร้คนขับวิ่งผ่านไป
รถแท็กซี่ไร้คนขับน่าจะหักพวงมาลัยไปยังเลนที่รถคู่กรณีจอดนิ่งอยู่ แต่เมื่อซอฟต์แวร์พบว่ารถคู่กรณีหยุดนิ่ง จึงรีบเบรกอย่างแรง แต่ความเร็วที่วิ่งมาไม่สามารถหยุดในระยะกระชั้นชิดได้ จึงได้ชนเข้ากับรถคู่กรณีที่จอดอยู่ ซึ่งโชคดีที่ไม่ใครได้รับบาดเจ็บและรถทั้งสองฝ่ายเสียหายเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นบริษัทได้หยุดทดสอบและตรวจพบว่าซอฟต์แวร์ทำนายไม่แม่นยำ จึงได้แก้ไขและอัปเดตใหม่
ก่อนหน้านี้ Zoox ได้เรียกคืนรถยนต์ 258 คันเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาการเบรกกะทันหันจนทำให้รถจักรยานยนต์ที่วิ่งตามมาชนท้าย ซึ่งกำลังแสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Zoox มีปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ทั้งนี้ Zoox มีแผนที่จะเปิดให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับเชิงพาณิชย์ในลาสเวกัสและซานฟรานซิสโกภายในปี 2025 แต่การเรียกคืนติดต่อกัน 2 ครั้ง อาจจะทำลายความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการในอนาคตหรือไม่ อันนี้ต้องติดตามดูกันต่อไป