หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เจ้าของและคนที่สนใจรถ EV ทุกคนต้องใส่ใจ และต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนคือ “ประกันภัยรถยนต์” เพราะรายละเอียดกับราคา ก็ค่อนข้างต่างจากรถยนต์สันดาปพอสมควร
ในปี 2025 นี้ บริษัทประกันภัยต่าง ๆ ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้รถ EV มากขึ้น BT beartai ชวนมาสำรวจและรวบรวมมาให้ทุกคนดูกันแล้ว ว่าเบี้ยประกันแต่ละเจ้าราคาเท่าไหร่ และมีจุดเด่นด้านไหนกันบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้และผู้ที่สนใจรถ EV ได้พิจารณาเรื่องความคุ้มค่ากันอีกที
เบี้ยประกันภัยรถไฟฟ้า อัปเดตปลายปี 2025
ข้อมูลทั้งหมดเป็นเบี้ยประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามยี่ห้อและรุ่นของรถ และสามารถแบ่งกลุ่มราคาได้ดังนี้
- กลุ่ม City Car (NETA V) : เป็นกลุ่มที่เบี้ยประกันเข้าถึงง่ายที่สุด โดยมีราคาเริ่มต้นประมาณ 16,000 บาท
- กลุ่มรถยอดนิยม (BYD, MG, ORA, Changan) : เบี้ยประกันจะอยู่ในช่วง 20,000 – 42,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและทุนประกัน
- กลุ่ม Premium (Tesla) : เป็นกลุ่มที่มีเบี้ยประกันสูงสุดอย่างชัดเจน โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 45,000 – 62,000 บาท หรืออาจสูงกว่านั้นสำหรับรุ่น Performance
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละช่วงราคาประกันอาจมีการปรับเปลี่ยน ควรเช็กราคาจากหน้าเว็บไซต์ทางการของประกันแต่บริษัทเสมอ

จุดเด่นแต่ละบริษัทประกันภัย แต่ละเจ้ามีดีเรื่องอะไรบ้าง ?
เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียด จะพบว่าแต่ละบริษัทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อดึงดูดเจ้าของรถ EV ในแต่ละกลุ่ม
ธนชาตประกันภัย จะมีจุดเด่นด้านความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ เช่น เงินชดเชยค่าเดินทางระหว่างซ่อม ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่เน้นความคุ้มค่าและความมั่นคงของบริษัท
แอกซ่าประกันภัย (AXA) ความคุ้มครองที่เด่น ๆ เลยคืออุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถ EV เช่น ความคุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายของเครื่องชาร์จ และสายชาร์จที่บ้าน รวมถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอกจากอุบัติเหตุขณะใช้งานที่ชาร์จทั้งที่บ้านหรือสาธารณะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมไปถึงระบบนิเวศของการใช้รถ EV
อลิอันซ์ อยุธยา นำเสนอบริการเสริมที่น่าสนใจ เช่น บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ฟรี 100% กรณีเกิดอุบัติเหตุ (สำหรับยางอายุไม่เกิน 2 ปี) และยังคุ้มครองเครื่องชาร์จจากอุบัติเหตุเช่นกัน
ถ้าเป็นเป็นสายประหยัด ชอบความรวดเร็วและราคาที่ถูกใจ “รู้ใจ (Roojai)” ก็เป็นตัวเลือกที่ดี มีจุดเด่นที่ให้เราปรับแผนประกันเองได้ผ่านเว็บไซต์ อยากได้ความคุ้มครองแค่ไหนก็เลือกเอง ทำให้ได้ราคาเบี้ยประกันที่ถูกใจ และมักจะถูกกว่าเจ้าอื่น เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ต้องการจ่ายแพง และชอบทำอะไรด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์
คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย ถ้าใช้รถไฟฟ้ารุ่นเล็ก ๆ (City Car) เจ้านี้มักจะมีราคาเบี้ยประกันที่น่าสนใจ และยังให้ความคุ้มครองเรื่องอุปกรณ์ชาร์จที่บ้านอีกด้วย
ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ก็เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ หรือใช้รถแค่เสาร์-อาทิตย์ เจ้านี้คือคำตอบเลยครับ เพราะมีประกันแบบ “เปิด-ปิด” ที่ให้เราจ่ายค่าประกันตามเวลาที่ขับจริง ขับเมื่อไหร่ค่อยจ่ายเมื่อนั้น ช่วยประหยัดเงินได้เยอะมาก
วิธีเลือกประกันให้คุ้มค่าที่สุด
นอกจากความน่าเชื่อถือของบริษัทแล้ว อาจใช้วิธีต่อไปนี้ในการเลือกซื้อประกันรถ EV ให้คุ้มค่าสูงสุด
1. พิจารณาความคุ้มครองพิเศษ : นอกจากความคุ้มครองพื้นฐานแล้ว ให้มองหาแผนที่ให้ความคุ้มครองอุปกรณ์เฉพาะของรถ EV เช่น แบตเตอรี่, Wall Charger และสายชาร์จ
2. เปรียบเทียบราคาผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ : เนื่องจากอาจจะมีส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมของรถแต่ละค่ายที่แตกต่างกันออกไป
3. มองหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) : สำหรับรถ EV บริการรถยกหรือลากไปยังสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เราก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ากรมธรรม์ที่ซื้อมีบริการนี้รวมอยู่ด้วย
การเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้า ควรพิจารณามากกว่าแค่ราคาเบี้ยประกัน แต่ต้องมองลึกไปถึงความคุ้มครองพิเศษที่ตอบโจทย์การใช้รถของเราด้วย รวมไปถึงความน่าเชื่อถือของบริษัท และโปรโมชันจากช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้เราได้กรมธรรม์ที่คุ้มค่าและครอบคลุมที่สุด และไม่ต้องมาเสียดายในภายหลังครับ เพราะเราใช้รถใช้ถนนเกือบจะทุกวัน ออกไปข้างนอกก็มีความเสี่ยงได้ทุกเมื่อ การมีประกันไว้ก็ทำให้เราอุ่นใจมากกว่าไม่มีประกันครับ