Read
| Health
22/12/2025
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 3 days ago
ทำไม New Year’s Resolutions ถึงพังไม่เป็นท่า ? พร้อมวิธีแก้ให้ปีนี้ไม่เหมือนเดิม
ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม มนุษย์เรามักจะถูกครอบงำด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า The Fresh Start Effect หรือพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ เราตั้งเป้าหมายสวยหรูและยิ่งใหญ่เสมอ "ฉันจะผอม" "ฉันจะเก็บเงิน" "ฉันจะอ่านหนังสือ" ผ่านมาปีแล้วปีเล่าก็ยังไม่สำเร็จ จากสถิติพบว่าคนส่วนใหญ่ล้มเลิกความตั้งใจเหล่านั้นภายในไม่กี่สัปดาห์ ทำไมวงจรความล้มเหลวนี้ถึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ? ข้อมูลจาก Verywell Mind และ Western University ชี้ให้เห็นว่า สาเหตุไม่ใช่ "ความขี้เกียจ" แต่เป็น "ความคิดที่ผิดพลาด" ของสมองเราเอง กับดักของความ "เล่นใหญ่" เกินไป ปัญหาคลาสสิกที่สุดคือเรามักจะตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินตัวและต้องการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน การตั้งเป้าหมายแบบนี้เหมือนกับ คนที่พยายามจะวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (21 กิโลเมตร) ทั้งที่ไม่เคยวิ่งรอบหมู่บ้านมาก่อน เมื่อสมองเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และฉับพลัน มันจะต่อต้านเพราะขัดกับสัญชาตญาณความปลอดภัยและความสบายเดิม ๆ ซาบรินา โรมานอฟ (Sabrina Romanoff) นักจิตวิทยาจาก Verywell Mind อธิบายว่า การตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป และไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง คือสาเหตุหลักของความล้มเหลว เพราะเรามองข้ามขั้นตอนย่อย ๆ ที่จำเป็นต้องทำ…
09/12/2025
Read Moreเมื่อ “อากาศ” คือฆาตกรเงียบ และเครื่องฟอกอากาศอาจไม่ใช่ทางรอด
ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งมนุษย์ต่างแสวงหาเคล็ดลับการมีอายุยืนยาวผ่าน 3 เสาหลักสุขภาพ การนอนที่มีคุณภาพ, โภชนาการที่สมดุล และการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ที่เป็นเหมือน Mainstream ในการดูแลสุขภาพของคนยุคนี้ แต่การจะมีสุขภาพที่ดีอาจต้องการอะไรมากกว่านั้น และอาจมีสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวแต่เรากลับหลงลืม นั่นคือ "อากาศ" คอนเทนต์ “อากาศไม่ดี ฆ่าคนได้ ! | bt Originals Life Series” ได้พาเราไปสำรวจความจริงที่น่าตกใจ ผ่านมุมมองของ คุณเจมส์ ดูอัน (James Doan) ผู้ก่อตั้ง Coral Life ผู้ที่ผันตัวจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นผู้ออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม วิกฤตอากาศที่มองไม่เห็น เมื่อการ "ฟอก" ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เรามักเข้าใจผิดว่าการซื้อ "เครื่องฟอกอากาศ" มาตั้งไว้ในห้องปิดตายคือทางออก แต่คุณเจมส์เปรียบเทียบไว้อย่างน่าสนใจว่า การฟอกอากาศในห้องปิด ก็เหมือนเราวนเวียนอยู่ในอ่างน้ำที่ขุ่นมัว เพราะเครื่องฟอกอากาศทำหน้าที่เพียงดักจับฝุ่น (PM 2.5) แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่พุ่งสูงขึ้นจากการหายใจออกของมนุษย์ และไม่ได้เติมออกซิเจนใหม่เข้ามาในระบบ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามลพิษทางอากาศคร่าชีวิตมนุษย์ไปกว่า 6.7 ล้านคนต่อปี…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 16 days ago
03/12/2025
Read More“โอโซน” ก๊าซพิษมัจจุราชคร่าชีวิต แค่สูดก็เสี่ยง ล่าสุดพบวางในโรงภาพยนตร์ดัง คนใช้บริการเพียบ !
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีข่าวที่ถูกรายงานว่า พบการใช้งานโอโซนที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต โดยที่ผ่านมามีรายงานข่าวการเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงออกมาให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักเกี่ยวกับการใช้โอโซนอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิด ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ว่าโอโซนเป็นก๊าซที่มีประโยชน์ จึงมีการนำมาใช้งานอยู่เรื่อย ๆ โดยปราศจากความรู้ที่ถูกต้อง และการใช้งานอย่างระมัดระวัง ซึ่งนั่นทำให้เกิดประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อโรงภาพยนตร์ดังนำเครื่องโอโซนมาวางไว้ที่จุดทางเดิน ผู้ที่ใช้บริการเดินผ่านไปมาได้กลิ่นและมาพบเข้ากับเครื่องผลิตโอโซน จึงเกิดการตั้งคำถามว่า ก๊าซพิษที่มีฤทธิ์อันตรายเช่นนี้มาอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่าน พื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท แบบนี้ได้อย่างไร ? และล่าสุดทางโรงภาพยนตร์ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษถึงความเข้าใจผิดของพนักงาน ระหว่างเครื่องผลิตโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งโดยปกติจะใช้หลังจากการบริการลูกค้า กับเครื่องฟอกอากาศ “โอโซน” ไม่ใช่ก๊าซดีอย่างที่คนไทยเข้าใจ ก่อนอื่นเชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อก๊าซชนิดนี้ ทั้งในแง่ของความเข้าใจผิดที่ว่าโอโซนคือก๊าซที่อยู่ในธรรมชาติ อย่างในป่าหรือบนเขา ซึ่งดีต่อมนุษย์ และในอีกแง่ที่ว่าโอโซนเป็นประโยชน์ในเรื่องการฆ่าเชื้อโรค โอโซน (Ozone หรือ O3) เป็นสารมลพิษทางสิ่งแวดล้อม เกิดได้ทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์ ส่วนหนึ่งที่คนไทยเข้าใจผิดว่าโอโซนมีประโยชน์อาจเป็นผลมาจากโอโซนในชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ (Stratosphere) ที่มีส่วนช่วยในการดูดซับความร้อนและรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ ผูกโยงเข้ากับความสูงของพื้นที่ธรรมชาติ อย่างบนเขาและบนดอย หรือคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโลก จนทำคนเข้าใจผิดว่าอากาศที่มีโอโซนเป็นอากาศที่ดี นอกจากนี้ โอโซนที่พบในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) หรือชั้นพื้นดินก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้เช่นกัน และยังเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนด้วย ในทางตรงกันข้าม สำหรับสิ่งมีชีวิตแล้ว โอโซนสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อปอด และความเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ…
รัตนาภรณ์ ศรีนวลจันทร์ | 22 days ago
27/11/2025
Read Moreทำไมเรามักคิดไอเดียดี ๆ ออก ตอนกำลังอาบน้ำ
“ก็ฉันคิด ฉันคิด ฉันคิดไม่ค่อยออก” ไม่ใช่แค่เพลงที่บิวกิ้นร้องนะ แต่เชื่อว่า หลาย ๆ คนคงเคยมีประสบการณ์ “คิดงานไม่ออก” กันแน่ ๆ ต่อให้พยายามนั่งคิดแค่ไหนก็ตาม แต่เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่ลองไปอาบน้ำดู ไอเดียที่เคยตัน มันดันผุดออกมาไม่หยุด จนแทบอยากวิ่งไปหยิบสมุดมาจดเพราะกลัวไอเดียจะหาย นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นมาลอย ๆ นะ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่มีชื่อว่า "Shower Effect" เพราะการจดจ่อไม่ได้ดีเสมอไป เรามักถูกสอนว่าการแก้ปัญหาต้องใช้สมาธิและความตั้งใจแน่วแน่ แต่ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา จอห์น คูนิออส (John Kounios) จากมหาวิทยาลัยเดร็กเซล (Drexel University) อธิบายว่า สมองมีสองเส้นทางในการแก้ปัญหา นั่นก็คือ “เส้นทางเชิงวิเคราะห์” หรือการคิดอย่างเป็นระบบ พยายามลองผิดลองถูก ซึ่งเหมาะกับงานที่ต้องใช้ความแม่นยำ และอีกเส้นทางคือ “การเห็นแจ้ง” ที่การแก้ปัญหาจะมาในรูปแบบที่ว่าอยู่ ๆ คำตอบผุดขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ปัญหาก็คือ เมื่อเราพยายามเพ่งหรือเคร่งเครียดกับงานมากเกินไป สมองจะถูกกดดันและถูกล็อกอยู่ในโหมดวิเคราะห์ ทำให้ความคิดแคบลง ทำให้ข้อมูลบางอย่างที่อาจจะเป็นจิกซอว์ชิ้นสำคัญของไอเดียใหม่ ๆ ตกหล่นไป แล้วทำไมต้องเป็นตอนอาบน้ำ ? เหตุที่ทำให้รู้สึกว่า การอาบน้ำส่งผลให้ไอเดียแล่นกระฉูดได้นั้น สามารถอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้ดังนี้ ถ้าให้เข้าใจง่าย…
วัทนวิภา ทานะวงศ์ | 28 days ago
24/10/2025
Read Moreงานวิจัยชี้ ! ผู้ชาย “สมองหด” ไวกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็ยังเสี่ยง “สมองเสื่อม” มากกว่า 2 เท่า
งานวิจัยใหม่พบว่าสมองของผู้ชายจะหดตัวเร็วกว่าผู้หญิงเมื่ออยู่ในวัยเดียวกัน แต่โรคอัลไซเมอร์กลับยังคงส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่า ซึ่งงานวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อหาว่าความแตกต่างระหว่างเพศมีผลต่อกระบวนการเสื่อมของสมองตามวัยในคนที่มีสุขภาพดีหรือไม่ โรคอัลไซเมอร์พบในผู้หญิงเกือบสองเท่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในปี 2021 ทั่วโลกมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์ หรือภาวะสมองเสื่อม 57 ล้านคน และมีผู้ป่วยใหม่เกือบ 10 ล้านคนทุกปี แต่ถึงอย่างนั้นเพศกลับส่งผลกับอาการป่วยอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease หรือ AD) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเกือบสองเท่า เมื่ออายุ 45 ปี ผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ 1 ใน 5 เทียบกับผู้ชายที่มีความเสี่ยงคือ 1 ใน 10 ย้อนกลับไปหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ต่างงุนงงกับความแตกต่างนี้ แต่การศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร PNAS (Proceedings of the National Academy of Sciences) ชี้ว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้น จากการวิเคราะห์ภาพสแกนสมองกว่า 12,000 ภาพ จากผู้คนที่มีสุขภาพดีเกือบ 5,000 คน (อายุ 17-95 ปี)…
อมลวรรณ ศรัทธานนท์ | 62 days ago
21/10/2025
Read More‘ซูริค’ นิยามใหม่ของ Smart City ที่ทำให้ชีวิตโคตรดีและยั่งยืน !
หลายคนอาจจะนึกภาพ ‘เมืองอัจฉริยะ’ ว่าต้องมีหุ่นยนต์เดินเพ่นพ่าน หรือตึกรูปทรงประหลาดล้ำยุคใช่ไหม ? แต่ซูริค (Zurich) เมืองหลวงแห่งนวัตกรรมของสวิตเซอร์แลนด์ได้พิสูจน์แล้วว่า เมืองอัจฉริยะไม่จำเป็นต้องหน้าตาเหมือนยานอวกาศ แต่ขอแค่ใช้ชีวิตแสนสะดวกและยั่งยืนก็พอ ซูริคคว้าแชมป์ ‘Smartest City in the World’ จากการจัดอันดับของ IMD มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปีล่าสุด 2025 เลยทีเดียว ซึ่งเคล็ดลับของเขาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีหวือหวา แต่มันคือการเอาเทคโนโลยีมาทำให้ชีวิตประจำวันง่ายและโปร่งใส ซึ่งมี 5 มิติหลัก ๆ ที่ทำให้ซูริคได้รางวัลนี้ การจะเป็นเมืองอัจฉริยะได้ สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ คือการดูแลรักษาด้านต่าง ๆ โดยซูริคก็ทำให้เรื่องเหล่านี้มีความโปร่งใส และนำดิจิทัลและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อทำให้เมืองทันสมัยมากขึ้น (Digitalize) เช่น การแจ้งปัญหาซ่อมบำรุงในเมืองผ่านระบบออนไลน์ ช่วยให้การแก้ไขเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คนในเมืองสามารถบริจาคสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วได้ง่าย ๆ เหมือนมีตลาดนัดมือสองออนไลน์ของเมือง แถมยังช่วยลดขยะอย่างยั่งยืน ในส่วนของความปลอดภัยก็ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย และมีบริการ Wi-Fi สาธารณะฟรี เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของเมืองให้ดีขึ้น ประชาชนยังสามารถใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ…
กานต์สิรี บัววิชัยศิลป์ | 65 days ago
19/10/2025
Read Moreนอนบนเครื่องบิน ปลุกหรือไม่ปลุก ? ความปลอดภัยของผู้โดยสารที่อยู่ในความรับผิดชอบของลูกเรือ
หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลถึงกรณีผู้โดยสารคนไทยได้เดินทางด้วยสายการบินชื่อดัง ต่อมาพบว่ามีของสูญหาย และพนักงานต้อนรับบนเครื่องไม่ได้ปลุกให้ตนตื่น ทำให้ตนนอนราบตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนกระทั่งเครื่องลงจอด ซึ่งเป็นที่ถกเถียงถึงประเด็นความปลอดภัยของของพนักงานต้อนรับต่อผู้โดยสารว่าถือเป็นการกระทำที่หละหลวมต่อหน้าที่ และไม่ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยของสายการบินหรือไม่ ? ความปลอดภัยคือมาตรฐานหลักของทุกสายการบิน หลายคนที่มีประสบการณ์ในการเดินทางด้วยเครื่องบิน อาจจะได้รับการดูแลที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรูปแบบของเที่ยวบิน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นมาตรฐานของทุกสายการบินเสมอ นั่นคือเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักและสิ่งที่ผู้ให้บริการสายการบินต้องฝึกอบรมผู้ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมต่อการดูแลผู้โดยสารในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับเหตุฉุกเฉิน พนักงานต้อนรับคือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและต้องให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารอย่างทันท่วงที โดยปกติ ก่อนเครื่องบินจะขึ้นบิน ทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องจะให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำ และการสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ การใช้ที่รัดเข็มขัด (Seatbelt), การใส่ท่อออกซิเจน, การสวมชูชีพ และการใช้ประตูทางออกฉุกเฉิน เป็นต้น ซึ่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องจะเป็นผู้ตรวจตราดูแลผู้โดยสารให้อยู่ในระเบียบของความปลอดภัยตามข้อกำหนดของสายการบิน กล่าวโดยรวมคือ แม้จะไม่ได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่าผู้ปฏิบัติงานต้อนรับต้องปลุกหรือไม่ปลุกผู้โดยสารระหว่างการเดินทาง แต่หากสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ก็ย่อมรวมอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน ช่วงที่เสี่ยงอันตรายที่สุดของการเดินทางด้วยเครื่องบิน การบินของเครื่องบินถูกแบ่งเป็นหลายช่วง ได้แก่ การขึ้น (Take off), การไต่ระดับเบื้องต้น (Initial Climb), การบินตามเส้นทางหรือการบินในระดับความสูงคงที่ (En Route or Cruise), การเข้าใกล้สนามบิน (Approach) และการลงจอด (Landing) ช่วงการขึ้น, การเข้าใกล้สนามบิน และการลงจอด เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด การศึกษาของ…
รัตนาภรณ์ ศรีนวลจันทร์ | 67 days ago
19/10/2025
Read Moreคนวัยทำงานเสี่ยง ‘หมดไฟ’ เกินครึ่ง แต่แค่ไปเที่ยวก็ช่วยได้
ทำไมหันไปทางไหนก็เจอแต่คนหมดไฟ ? ผลสำรวจจากงานวิจัย 'Burnout In The City' มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าคนทำงานในกรุงเทพฯ กว่า 69% มีภาวะหมดไฟหรือเสี่ยงหมดไฟ โดยแบ่งเป็นภาวะหมดไฟ 12% และมีความเสี่ยงสูงที่จะหมดไฟอีก 57% ซึ่งอาจสะท้อนว่าการทำงานหนักเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบของความสำเร็จหรือความหมายของชีวิตอีกต่อไป แต่ท่ามกลางโลกที่หยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้ เราจะป้องกันหรือรับมือกับภาวะนี้ได้ยังไง ? คำตอบของคำถามนี้อาจง่ายและใกล้ตัวกว่าที่คิด และหนึ่งในทางออกนั้น คือ การเดินทาง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้นิยามภาวะหมดไฟไว้ว่าเป็น "ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการทำงาน" (Occupational Phenomenon) ซึ่งเกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงานที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีลักษณะ 3 อย่างที่สามารถสังเกตได้ ถ้าคุณรู้หรือสัมผัสได้ว่าคุณกำลังเผชิญกับความคิดและพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ การเลือกที่จะออกเดินทางไปพักผ่อนอาจเป็นตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้ บทความนี้จะพาไปสำรวจว่าการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่การใช้เงินเพื่อความสนุกชั่วคราว แต่คือการลงทุนที่จำเป็นต่อสุขภาพจิตที่ช่วยป้องกันภาวะหมดไฟ ซึ่งอธิบายได้ด้วยมุมมองทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ของการ "เปลี่ยนที่" การพาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนบรรยากาศ แต่เป็นการรีเซตระบบการทำงานของสมองและร่างกายครั้งใหญ่ งานวิจัยในตำนานอย่าง Framingham Heart Study ซึ่งเป็นการศึกษาติดตามผลระยะยาว พบความเชื่อมโยงที่น่าสนใจว่า ผู้ชายที่ไม่ได้ลาพักร้อนเป็นเวลาหลายปี มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจวายสูงกว่าคนที่ลาพักร้อนเป็นประจำถึง 30% และในผู้หญิงก็ให้ผลลัพธ์ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการพักผ่อนส่งผลดีต่อสุขภาพกายที่เชื่อมโยงโดยตรงมาจากการลดความเครียดสะสม เที่ยวไทย…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 67 days ago
14/10/2025
Read MoreStrava เตรียมขายหุ้น IPO รับกระแส Gen Z แห่เข้าชมรมวิ่งแทนแอปฯ หาคู่ !
ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เข้าแพลตฟอร์มอะไร เราก็มักจะเห็นคนที่หันมารักสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมที่ทำได้ง่ายและไม่ต้องมีอุปกรณ์เยอะอย่าง ‘การวิ่ง’ และกลุ่มคนเหล่านี้ก็ชอบอวดสกอร์การวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลา ระยะทาง และความเร็วต่อระยะทาง (Pace) ผ่านแอปฯ ที่มีขีดสีส้มยึกยือไปมาตามระยะทางที่วิ่งอย่าง ‘Strava’ แอปฯ สุดฮิตสำหรับวัยรุ่น Gen Z ที่มีคนใช้งานมากกว่า 50 ล้านบัญชีต่อเดือนในปี 2025 ! ปัจจุบัน Strava เป็นแอปฯ ที่มียอดผู้ใช้งาน (Active User) ต่อเดือนมากถึง 50 ล้านบัญชี และยอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบปีต่อปี ถือว่าฐานผู้ใช้งานหนาแน่นมาก ๆ ทั้งที่เป็นบัญชีเก่าและใหม่ด้วย ทำให้ ไมเคิล มาร์ติน (Michael Martin) ซีอีโอ Strava วางแผนที่จะเสนอขายหุ้น IPO หวังเงินทุนเพื่อใช้ในการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม อีกทั้งบริษัทซึ่งมีผู้สนับสนุนหลักอย่าง Sequoia Capital, TCV และ Jackson Square Ventures…
กานต์สิรี บัววิชัยศิลป์ | 72 days ago
08/10/2025
Read Moreสรุปเงื่อนไข ‘คนละครึ่ง พลัส’ ลงทะเบียนได้ถึงเมื่อไหร่ คุณสมบัติผู้เข้าร่วม ?
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง หลังจากประกาศว่าจะสร้างภาคต่อของจักรวาล "คนละครึ่ง" มาเป็น “คนละครึ่งพลัส” ในยุคนายกหนู วันนี้ BT beartai จะมาเปิดเงื่อนไขใหม่ล่าสุดของคนละครึ่งพลัส เพราะจากอัปเดตล่าสุดคือผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืน คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่ง ยุครัฐบาล “ลุงตู่” มาใช้ใหม่ นอกจากจะมีการอัปวงเงินเพิ่มเป็น 200 บาท/วัน จากเดิม 150 บาท/วัน ยังมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม ดังนี้ สรุปง่าย ๆ คือ ต้องเป็นคนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน และไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงไม่เคยมีปัญหาในการเข้าร่วมโครงการอื่น ๆ ของรัฐ ก็สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ได้เลยครับ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินเพิ่มแทน แต่สำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ต้องตกใจไปนะครับ ไม่ได้หมดสิทธิไปซะทีเดียว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับการดูแลผ่านอีกมาตรการหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพในช่วงปลายปี โดยมีรายละเอียดดังนี้…
อมลวรรณ ศรัทธานนท์ | 79 days ago
07/10/2025
Read More3 นักวิทย์ฯ “ค้นพบกลไกระบบภูมิคุ้มกัน” คว้าโนเบลการแพทย์ 2025 ก้าวใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกันและมะเร็ง
รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปี 2025 หนึ่งในรางวัลใหญ่ของโนเบลที่จะสะท้อนความก้าวหน้าทางการแพทย์โลก ได้ประกาศผลเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา โดยผู้ชนะรางวัลนี้ได้รับรางวัลร่วมกัน 3 คน คือ แมรี อี. บรันโคว์ (Mary E. Brunkow), เฟร็ด แรมส์เดลล์ (Fred Ramsdell) นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ และ ชิมอน ซากากุจิ (Shimon Sakaguchi) จากญี่ปุ่น โดยได้ค้นพบ “ระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถแยกแยะเซลล์ของตนเองกับเชื้อโรคได้” ซึ่งเปิดทางไปสู่แนวทางใหม่ในการรักษา โรคมะเร็ง และโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Disease) โดยหนึ่งในชนิดของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองที่คนไทยรู้จักกัน คือ “โรคพุ่มพวง” (Systemic Lupus Erythematosus, SLE) ซึ่งเป็นโรคที่รักษาไม่หายและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยได้อย่างมาก Karolinska Institute สถาบันที่สอนทางด้านแพทย์และศัลยศาสตร์ ประเทศสวีเดน ผู้มอบรางวัล ระบุว่า ทั้ง 3 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความสำคัญของ Regulatory…
รัตนาภรณ์ ศรีนวลจันทร์ | 79 days ago
26/09/2025
Read Moreพลิกวงการ ! นักวิทย์ฯ ค้นพบ การเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นยาแก้ปวดด้วยแบคทีเรีย
วงการแพทย์สั่นสะเทือน หลังช่วงต้นปี 2025 ที่ผ่านมา มีข่าวของแวดวงวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับขยะพลาสติก โดยมีการดัดแปลงพันธุกรรมของแบคทีเรียสายพันธุ์ทั่วไปชนิดหนึ่งให้สามารถกินโมเลกุลที่มาจากพลาสติก แล้วย่อยสลายมันเพื่อผลิตเป็น "ยาพาราเซตามอล" ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันได้ เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นยาแก้ปวด ด้วยแบคทีเรีย งานวิจัยนี้นำทีมโดย ศาสตราจารย์ วอลเลซ (Prof. Wallace) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางเคมี นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ (University of Edinburgh) ในสหราชอาณาจักร ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนขยะพลาสติกประเภท PET (Polyethylene terephthalate) ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ทำขวดน้ำดื่มและบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นยาแก้ปวดพาราเซตามอล (Paracetamol หรือ Acetaminophen) ได้สำเร็จ โดยใช้แบคทีเรียที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม แบคทีเรียที่ใช้ในการทดลองนี้คือ Escherichia coli หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ E. coli เป็นเชื้อแบคทีเรียประจําถิ่น (Normal flora) พบได้เป็นปกติในลำไส้ของคนและสัตว์บางชนิด แต่เราอาจคุ้นเคยกับมันในฐานะเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการป่วยมากกว่า ศาสตราจารย์วอลเลซเลือกใช้ E. coli เนื่องจากสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรคถูกนำมาใช้ในห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมชีวภาพอย่างแพร่หลาย เพื่อทดสอบว่าสิ่งต่าง ๆ สามารถทำงานได้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้เขาก็เคยดัดแปลงพันธุกรรม E. coli…
รัตนาภรณ์ ศรีนวลจันทร์ | 90 days ago
26/09/2025
Read Moreแบคทีเรียที่ผลิตออกซิเจน 1 ใน 3 ของโลกอาจหายไปเพราะอุณหภูมิมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น
ภายใต้ผืนน้ำสีครามของมหาสมุทรทั่วโลก มีสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วที่ชื่อว่า โพรคลอโรค็อกคัส (Prochlorococcus) อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นจนนับไม่ถ้วน พวกมันคือแบคทีเรียสังเคราะห์แสงที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก ที่ผลิตออกซิเจนให้เราหายใจกว่า 1 ใน 3 ของออกซิเจนบนโลกมานานนับล้านปี อาจกำลังหายไปจากอุณหภูมิของมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ้น ความเชื่อดั้งเดิมในหมู่นักวิทยาศาสตร์ คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและปรับตัวเก่งอย่างแบคทีเรียชนิดนี้ น่าจะอยู่รอดและเติบโตได้ดีท่ามกลางภาวะโลกร้อน แต่งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Microbiology กลับพบผลลัพธ์ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเลครั้งใหญ่ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ใช้เวลากว่าทศวรรษวิเคราะห์ข้อมูลจากเซลล์แพลงก์ตอนพืชกว่า 8 แสนล้านเซลล์ ทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก และสิ่งที่ค้นพบก็ได้ลบล้างสมมติฐานเดิมที่เชื่อกันมาอย่างยาวนาน พวกเขาพบว่า โพรคลอโรค็อกคัสจะเติบโตและแบ่งตัวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความเชื่อเดิมที่ว่าโลกร้อนไม่กระทบกับแบคทีเรียชนิดนี้ แถมยังส่งผลดีด้วย แต่พฤติกรรมการเติบโตนี้มีขีดจำกัด เพราะเมื่ออุณหภูมิแตะ 28 องศาเซลเซียส หรือเกินจากนี้ไปเพียงเล็กน้อย อัตราการแบ่งตัวของมันจะเปลี่ยนไป โดยไม่ได้แค่ชะลอลง แต่กลับดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เมื่อทีมวิจัยนำ ‘กฎ 28 องศา’ ที่เพิ่งค้นพบนี้ ป้อนเข้าไปในแบบจำลองสภาพภูมิอากาศโลก โดยสมมติสถานการณ์ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นศตวรรษนี้ แบบจำลองทำให้เห็นว่า มหาสมุทรส่วนใหญ่จะมีอุณหภูมิสูงเกิน 28 องศาเซลเซียสอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าผลผลิตมวลชีวภาพ (Biomass Production)…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 90 days ago
23/09/2025
Read Moreทรัมป์เตือน กินยาพาราฯ อาจเสี่ยงออทิสติก Tylenol ซัดกลับ คำพูดไร้หลักฐาน ไม่มีวิจัยอ้างอิง ทำคนตระหนกตกใจ
ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่ทั้งโลกที่มีการใช้ยาพาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวด ต้องตกใจไปตาม ๆ กันเมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐฯ แถลงเตือนประชาชนห้ามกินยาไทลินอล (Tylenol) เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นออทิสติก โดยวันนี้ 23 กันยายน 2025 ทรัมป์ได้ออกแถลงว่า ออทิสติกในเด็กอาจเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนและการที่มารดารับประทานไทลินอลระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่กลับถูกยกขึ้นมาเป็นนโยบายสาธารณสุขของสหรัฐฯ ในการแถลงข่าวพิเศษที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ยอมรับว่าเขาไม่ใช่แพทย์ แต่ได้แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดชนิดนี้ พร้อมทั้งแนะนำว่าไม่ควรฉีดวัคซีนหลายชนิดรวมกันหรือฉีดเร็วเกินไปในวัยเด็ก ซึ่งสวนทางกับสมาคมการแพทย์หลายแห่ง ที่ยืนยันจากงานวิจัยมากมายว่า พาราเซตามอลเป็นยาที่ปลอดภัยต่อการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ องค์กรการแพทย์และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านออทิสติกหลายสิบแห่ง รวมถึง American Academy of Pediatrics หรือสถาบันกุมารเวชศาสตร์ และ ACOG หรือ รัฐสภาอเมริกันของสูตินรีแพทย์และนรีแพทย์ ต่างออกมาประณาม โดยระบุว่า ไม่มีข้อมูลใดสนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าว และสิ่งที่ทรัมป์พูดเพียงแต่จะสร้างความกลัวและให้ข้อมูลผิด ๆ ในขณะเดียวกันที่บริษัท Kenvue ผู้ผลิต Tylenol ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า “กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่า พาราเซตามอลไม่ก่อให้เกิดออทิสติก เราไม่เห็นด้วยกับข้ออ้างใด ๆ ที่บอกเป็นอย่างอื่น…
รัตนาภรณ์ ศรีนวลจันทร์ | 93 days ago
12/09/2025
Read Moreเค็มทิพย์ไตไม่พัง ถ้วย-ช้อนไฟฟ้าสุดล้ำ กระตุ้นเค็มไม่ง้อเกลือ
Kirin ได้เปิดตัวถ้วย-ช้อนไฟฟ้าเพิ่มรสเค็ม รุ่นอัปเกรด เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคโซเดียมโดยไม่เสียรสชาติความอร่อย
วัทนวิภา ทานะวงศ์ | 105 days ago
05/09/2025
Read Moreปฏิวัติวงการแพทย์ ! จีนสร้างโรงพยาบาล AI แห่งแรกของโลก รองรับผู้ป่วยได้ถึง 10,000 คนต่อวัน ความแม่นยำ 93%
โลกจะพัฒนาไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ! เมื่อล่าสุดแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นแพทย์ AI เจ้าแห่งเทคโนโลยีอย่างจีน ได้เปิดตัว “Agent Hospital” โรงพยาบาล AI แห่งแรกของโลก ซึ่งเป็น “โรงพยาบาลเสมือน” โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดเวลาการรอใช้บริการ ทำให้คนเข้าถึงการรักษาได้เร็วและมากขึ้น Med Tech World ระบุว่า ภายในปี 2030 จีนตั้งเป้าจะลงทุนใน AI เป็นเม็ดเงินมหาศาลกว่า 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 45 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ของหลายประเทศเสียอีก ที่น่าทึ่งคือเงินจำนวนนี้ได้ถูกนำไปใช้แล้วกับโครงการที่เรียกว่า “โรงพยาบาล AI” ที่มีแพทย์เป็น AI ไม่ใช่มนุษย์ แต่ก่อนจะไปเจาะลึกโครงการที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรงพยาบาล AI ในจีน เราจะพามาย้อนดูจุดกำเนิดของการนำ AI มาใช้ในแวดวงการแพทย์ว่า กว่าจะพัฒนามาถึงขั้นที่มีแพทย์เป็น AI จริง ๆ เส้นทางก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร ? จุดกำเนิดของ AI ในวงการแพทย์ รากฐานของ…
รัตนาภรณ์ ศรีนวลจันทร์ | 111 days ago
03/09/2025
Read Moreเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี 40% มีแท็บเล็ตส่วนตัว เสี่ยง ‘ภาวะออทิสติกเทียม’
ยุคสมัยเปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนตาม แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์ของเด็กรุ่นใหม่ก็เช่นกัน เมื่อเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งเร้ามากมาย ความสนใจก็ย่อมต่างออกไปจากคนยุคก่อน ความสนใจของคนเจนก่อน ๆ คงหนีไม่พ้นทีวี แต่สมัยนี้คือแท็บเล็ตไปหมดแล้ว มองไปทางไหน ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงเด็กเล็ก ก็ต่างมีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง ราวกับอุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี กว่า 40% มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง ข้อมูลล่าสุดจาก Common Sense Media สหรัฐฯ รายงานว่า เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี กว่า 40% หรือเด็ก 4 คนจาก 10 คน มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง หากอ่านแบบผิวเผินอาจดูเป็นเรื่องปกติของสังคมยุคปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้วการติดแท็บเล็ตตั้งแต่อายุไม่ถึง 2 ปี น่ากังวลและร้ายแรงมากกว่านั้น เพราะอาจทำให้เด็กเสี่ยงเป็น ‘ภาวะออทิสติกเทียม’ ทำความรู้จัก "ออทิสติกเทียม" ออทิสติกเทียม (Pseudo Autism) เป็นภาวะที่เกิดจากการขาดพัฒนาการที่เหมาะสมในวัยเด็กเล็ก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่เด็กได้รับสิ่งกระตุ้นทางเดียว เช่น การดูหน้าจอมากเกินไป จนขาดการสื่อสารสองทางกับคนอื่น ส่งผลให้พัฒนาการด้านภาษาและการเข้าสังคมล่าช้า ออทิสติกเทียมเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม…
อมลวรรณ ศรัทธานนท์ | 113 days ago
01/09/2025
Read MoreApollo Neuro™ แกดเจ็ตเพื่อการนอน ลดอัตราการตื่นกลางดึก
ในยุคที่ใคร ๆ ก็มีสมาร์ตวอตช์หรือแหวนอัจฉริยะที่คอยบอกว่า "เมื่อคืนคุณนอนหลับได้ไม่ดี" แต่กลับทิ้งเราไว้กับคำถามว่า "นอนไม่ดี แล้วจะทำอย่างไรต่อ ?" เทคโนโลยีล่าสุดจาก Apollo Neuro™ กำลังเข้ามาเติมช่องว่างนี้ ด้วยการเปลี่ยนบทบาทของอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) จากแค่เก็บข้อมูลสุขภาพ สู่การเป็น "ผู้ช่วย" ที่มีส่วนในการแก้ปัญหาการนอนหลับกับความเครียดได้แบบเรียลไทม์ ไม่ใช่แค่แกดเจ็ต แต่คือเครื่องมือดูแลสุขภาพ สิ่งที่ทำให้ Apollo Neuro™ น่าสนใจกว่าอุปกรณ์ในตลาด คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด ผลการวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ระดับโลก อย่าง The American Journal of Medicine นักวิจัยได้ติดตามกลุ่มนักศึกษาแพทย์และเภสัชศาสตร์ในสหรัฐฯ จำนวน 66 คน เป็นเวลานานถึง 12 สัปดาห์ ผลลัพธ์ชี้ชัดว่ากลุ่มที่ใช้ Apollo Neuro™ มีคะแนนภาวะหมดไฟ (Burnout) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านของความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และความรู้สึกหมดใจต่อการเรียน นอกจากนี้ ดัชนีคุณภาพชีวิต (Well-Being Index) ของผู้ใช้ยังดีขึ้นเมื่อใช้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 6 เป็นต้นไป ซึ่งอาจเข้ามาช่วยแก้วิกฤตภาวะหมดไฟที่บุคลากรทางการแพทย์ในสหรัฐฯ เผชิญสูงถึง…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 115 days ago
28/08/2025
Read Moreวิจัยพบ ‘ยาฉีดมะเร็งเฉพาะจุด’ ฉีดแล้วยุบทั่วร่างกาย
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller ได้พัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ที่เรียกว่า "การฉีดยาเพื่อลบมะเร็ง" โดยเป็นการฉีดแอนติบอดี (Antibody) หรือสารภูมิคุ้มกัน เข้าไปในก้อนเนื้องอกเพียงจุดเดียว แต่กลับสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้กำจัดเซลล์มะเร็งได้ทั่วร่างกาย แอนติบอดี 2141-V11 รักษาโรคมะเร็ง แอนติบอดี 2141-V11 คือแอนติบอดีที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรักษามะเร็ง ซึ่งแอนติบอดีชนิดนี้สามารถจับกับ CD40 ที่กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ฉีดตรงเข้าสู่ก้อนเนื้อที่มีเซลล์มะเร็งเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังเซลล์ปกติ โดยทีมนักวิจัยได้ทดสอบยาตัวนี้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามกว่า 12 คน ในการทดลองระยะแรก และได้พบกับผลลัพธ์ที่อาจเป็นความหวังในการผลิตยาหรือสร้างการรักษาใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง หลังจากผู้ป่วยในการทดลองได้ฉีดยาชนิดนี้เข้าไปพบว่า แล้วที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น คือการฉีดยาในก้อนเนื้องอกเพียงจุดเดียว กลับกระตุ้นให้เนื้องอกที่อยู่บริเวณอื่นในร่างกายหายไปและลดลงด้วย โดยการศึกษานี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2018 ซึ่งพัฒนามาจากงานวิจัยชิ้นก่อนที่เคยทดสอบในลักษณะเดียวกัน คือการกระตุ้นการทำงานของ CD40 แต่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ และยังพบผลข้างเคียงที่รุนแรงเมื่อนำไปทดลองกับมนุษย์ ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ ราเวตช์ (Jeffrey V. Ravetch) จากมหาวิทยาลัย Rockefeller และทีมวิจัยจึงกลับไปทบทวนแนวคิดเดิม และพบว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่หลักการทำงาน แต่เป็นวิธีการออกแบบและส่งยาเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทีมวิจัยได้ลองทดสอบด้วยการเปลี่ยนวิธีให้ยา จากเดิมที่ฉีดเข้ากระแสเลือดเพื่อให้ยาไหลเวียนทั่วร่างกาย มาเป็นการฉีดตรงเข้าสู่ก้อนเนื้องอกหรือบริเวณที่มีเซลล์มะเร็งแทน และออกแบบยาใหม่ให้จับ CD40 ได้ดีขึ้น กลไกการทำงานคือการสร้าง 'ศูนย์บัญชาการ' ของภูมิคุ้มกัน หลังการฉีดยา…
อมลวรรณ ศรัทธานนท์ | 120 days ago
26/08/2025
Read Moreหมดยุคทีวี ! Gen Alpha สน YouTube และ Twitch เพราะมีอิสระในการเลือกมากกว่า
สมัยก่อนการรับชมสื่อบันเทิงทางทีวีอาจจะครองใจใครหลาย ๆ คน ยิ่งในวัยเด็กก็เรียกได้ว่าเราจะรอการ์ตูนเรื่องโปรด ที่จะมาพร้อมวันและเวลาเดิม ๆ เป็นประจำ ทำให้ทีวียังเป็นความสนใจอันดับต้น ๆ ของเด็กในยุคนั้น เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี 40% มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป แม้แต่ผู้ใหญ่เองยังชอบความอิสระในการรับชม เด็ก Gen Alpha (เด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2010-2024) ก็เช่นกัน ข้อมูลล่าสุดจาก Precise TV ระบุว่า เด็กอายุ 2–5 ปี ถึง 87% เลือกดู YouTube มากกว่าช่องทางอื่น ๆ ขณะที่ Common Sense Media รายงานว่า เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี กว่า 40% มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเองแล้ว ส่วนเด็กโตและวัยรุ่นมักใช้ Twitch แพลตฟอร์มสตรีมมิงที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น กว่า 40% ของผู้ใช้มีอายุ 16–24 ปี…
อมลวรรณ ศรัทธานนท์ | 121 days ago























