Read
| Health
21/08/2024
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 492 days ago
รู้จักสายพันธุ์ของเชื้อฝีดาษลิง Clade 1 และ Clade 2 พร้อมวิธีลดความเสี่ยง
ฝีดาษลิง (Monkey pox หรือ Mpox) โรคจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ พร้อมกับเกิดตุ่มตามร่างกาย ใบหน้า มือ เท้า อวัยวะเพศ และส่วนอื่น ๆ ซึ่งสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังอย่างใกล้ชิด อย่างการกอด จูบ หรือมีเพศสัมพันธ์ โดยจะส่งต่อเชื้อตลอดจนกว่าตุ่มที่ผิวหนังจะแห้ง ตกสะเก็ด และหลุดออก โรคฝีดาษลิงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง และสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของคนที่ได้รับเชื้อ อย่างผู้สูงอายุ เด็ก และคนที่มีโรคประจำตัว รวมถึงสายพันธุ์ที่ได้รับด้วย ปัจจุบันเชื้อไวรัสฝีดาษลิงมีอยู่ 2 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ Clade 1 (เคลด-วัน) และ Clade 2 (เคลด-ทู)ซึ่งมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน BT Life จะพาคุณมาทำความรู้จักเชื้อฝีดาษลิงทั้ง 2 สายพันธุ์ และวิธีลดความเสี่ยงจากโรคนี้กัน ความแตกต่างของฝีดาษลิง Clade 1 และ Clade 2 เชื้อฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1…
15/12/2023
Read Moreมันกลืนได้! MIT คิดค้นแคปซูลตรวจโรคผ่านลำไส้ด้วยวิธีการกลืน
ปัจจุบันเครื่องมือทางการแพทย์พัฒนาอย่างรวดเร็วมากนะครับ เครื่องมือรุ่นใหม่จะไม่ใช่แค่การพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจให้แม่นยำมากขึ้นอย่างเดียวแล้ว แต่ต้องใช้ง่าย ตรวจได้เร็ว และผลข้างเคียงต่ำ ซึ่งล่าสุดทีมนักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT ได้คิดค้นแคปซูลตรวจสัญญาณชีพที่เราสามารถกลืนมันให้ลงไปเพื่อให้มันเข้าไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบทางเดินอาหาร โดยแคปซูลนี้มีขนาดเท่าแคปซูลยาทั่วไป ภายในใส่เซนเซอร์ตรวจวัดสัญญาณชีพเอาไว้ ซึ่งสามารถเข้าไปเก็บข้อมูลอัตราการหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อนำมาประกอบการวินิจฉัยโรค หลายคนอาจคิดว่าถ้าแค่ตรวจการหายใจ และอัตราการเต้นก็ใช้สเต็ทโตสโคป (Stethoscope) หรือหูฟังของหมอแทนก็ได้หนิ จริง ๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่วิธีนั้นเหมาะสำหรับการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น การใช้แคปซูลจะเป็นการมอนิเตอร์ หรือการเก็บข้อมูลต่อเนื่องในเคสที่แพทย์ต้องใช้สัญญาณชีพเพื่อวินิจฉัย อารมณ์ประมาณว่าจะให้แพทย์มานั่งฟังปอดคนไข้ทั้งวันคงไม่ได้ โดยโรคที่ทีมนักวิจัยได้หยิบเอามาพูดถึงหลัก ๆ คือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea) ซึ่งอาการตามชื่อเลย ผู้ป่วยจะหยุดหายใจตอนนอนตั้งแต่ไม่กี่วินาที ไปจนถึงหลายนาที และส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว เดิมทีการตรวจภาวะนี้ แพทย์ต้องใช้ Sleep test หรือการตรวจการนอนหลับที่ใช้เครื่องติดตามร่างกาย มีสายระโยงระยาง และต้องนอนแบบนั้นอยู่ 1 คืนเต็ม บางเคสก็ต้องนอนที่โรงพยาบาล ที่นอกจากจะยุ่งยากแล้ว อาจได้ผลที่คลาดเคลื่อน เพราะนอนแปลกที่ หรือรู้สึกไม่สบายตัวจนทำให้นอนไม่หลับ ตัดภาพมาที่การใช้แคปซูล…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 742 days ago
13/12/2023
Read Moreทำไมช่วงก่อนนอนถึงเป็นช่วงเวลาที่หลายคนคิดมาก?
คุณเคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ไหม? เหนื่อยมาทั้งวัน แต่พอปิดไฟ กำลังเตรียมตัวจะนอน แต่ทำไมเรื่องราวต่าง ๆ ถึงผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด แม้จะเหนื่อยแต่ก็นอนไม่หลับเพราะว่าสมองยังคงคิดและทำงานอยู่ เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่าน แล้วจะจัดการกับความคิดอันยุ่งเหยิง และเข้าสู่นิทราได้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง วันนี้ Hack for Health มีคำแนะนำดี ๆ มาแนะนำกัน ปรากฏการณ์ของการคิดมากและการฟุ้งซ่านก่อนเข้านอน แม้จะรู้สึกเหนื่อยก็ตาม เป็นประสบการณ์ทั่วไปที่สามารถอธิบายได้ด้วยปัจจัยทางจิตวิทยาต่าง ๆ มาเจาะลึกจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนี้และสำรวจกลยุทธ์เพื่อจัดการกับมันกัน จัดการ “ความกังวล” ที่พยายามแทรกตัวเข้ามาในสมอง ก่อนนอน “ความวิตกกังวล” จัดเป็นปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนไม่มีความสุข มีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนทำให้นอนไม่หลับ และเมื่อสมองคุณรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ได้รับการพักผ่อน ก็จะมักนำไปสู่การคิดฟุ้งซ่าน ทำให้เกิดความวิตกกังวลและความคิดฟุ้งซ่านตามมาแบบรัว ๆ และการอดนอนยังคงส่งผลต่อความวิตกกังวล ทำให้มีความวิตกมากขึ้น แล้วเราจะทำลายวงจรของความวิตกกังวลและการนอนไม่หลับนี้ได้อย่างไร เราได้นำความรู้มาแนะนำกันแล้ว 1. ทำกิจวัตรผ่อนคลายก่อนนอน เพื่อสยบความฟุ้งซ่าน การคิดมากและอาการฟุ้งซ่านก่อนนอน มักเกิดจากการที่จิตใจมีความตื่นตัวอยู่ ซึ่งความตื่นตัวนี้ก็อาจจะถูกกระตุ้นโดยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปัญหาในวันนั้นที่ไม่ได้รับการแก้ไข มีความกังวล หรือมีความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งนำไปสู่ความคิดที่มีการทำงานตลอดเวลา เหมือนมีการกระตุ้นให้สมองต้องคิดอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังจะนอนหลับก็ตาม วิธีแก้ไข:…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 744 days ago
13/12/2023
Read Moreลักเซมเบิร์กกับระบบขนส่งมวลชนฟรี ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว
ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) เป็นประเทศในยุโรปที่เราได้ยินชื่อกันไม่ค่อยบ่อยสักเท่าไหร่ ลักเซมเบิร์กนั้นเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในยุโรป โดยพื้นที่ทั้งประเทศมีเพียง 2,586 ตารางกิโลเมตร ในขณะที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษเทียบเท่ากับจังหวัดมีพื้นที่ 1,568 ตารางกิโลเมตร หรือ 3 ใน 5 ส่วนของลักเซมเบิร์กเลย โดยมีประชากรเพียง 5 แสนเกือบ 6 แสนคนเท่านั้น นอกเหนือจากภาษา วัฒนธรรม และสภาพอากาศ สิ่งที่กรุงเทพฯ แตกต่างกับประเทศลักเซมเบิร์กอย่างมหาศาล คือ ระบบขนส่งมวลชน ประเทศลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่ทุกคนสามารถเดินทางด้วยขนส่งมวลชนโดยไม่ต้องเสียเงินสักเซนต์ (Cent) เดียวมาตั้งแต่ปี 2020 ไม่ว่าจะรถบัส รถไฟ และแทรม (Tram) ในขณะที่เมืองหลวงของเราแสนศิวิไลซ์มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงติดอันดับท็อปของโลกเมื่อเทียบรายได้ อย่างไรก็ตาม บริบทของไทย และลักเซมเบิร์กแตกต่างกันในหลายมิติ แต่เหตุผลอะไร? ที่ทำให้ประเทศขนาดเล็กที่สุดในยุโรปสามารถมอบสวัสดิการให้กับคนในประเทศด้วยการเดินทางไปไหนมาไหนแบบไม่ต้องเสียค่าโดยสาร เหตุผลที่ 1: ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่รวยอันดับ 1 ของโลก ในปี 2023 ประเทศลักเซมเบิร์กได้กลายเป็นประเทศที่รวยที่สุดของโลกเมื่อวัดจาก GDP หรือมูลค่าการผลิตต่อหัวประชากร ซึ่งอยู่ที่ 143,320 เหรียญสหรัฐฯ…
ภูษิต เรืองอุดมกิจ | 744 days ago







