ในวันที่ห้างร้านปิดจนเงียบเหงาจากคำสั่งล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบนี้ ใคร ๆ ก็บ่นเรื่องผลกระทบที่มีกับกิจการของตัวเองทั้งนั้น เมื่อมองไปข้างหน้า ถึงกลับมาเปิดเมืองแต่การบริหารจัดการเรื่องวัคซีนยังทำได้ไม่ตรงเป้าพอให้ประชาชนมั่นใจ คนก็ไม่ค่อยออกจากบ้านอยู่ดี แล้วแบบนี้จะมีธุรกิจอะไรที่ยังมีแนวโน้มดีเหลืออยู่อีก คำตอบคือ: มี เดาไม่ยากเลยว่าธุรกิจที่เติบโตในยุคที่คนอยู่บ้าน ทำงานที่บ้านกันแบบนี้คือ ธุรกิจจัดส่งสินค้า พัสดุและอาหารที่มาแรงต่อเนื่องมาหลายปีเนื่องจากการทำตลาดอย่างเข้มข้นของทุกแพลตฟอร์มที่กระโดดจากโลกออนไลน์มาสู่ออฟไลน์เชื่อมโยงร้านค้าและผู้ใช้งาน (User) ซึ่งเปลี่ยนให้เป็นลูกค้า(User) ที่ติดใจบริการเหล่านี้จนถอนตัวไม่ได้อีกต่อไป กระทั่งสถาบันการเงินบางแห่งยังปั้นหน่วยธุรกิจใหม่เพื่อขอแบ่งเค้กก้อนใหญ่ที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดนี้ด้วยคน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าตลาดของอีคอมเมิร์ซจะเติบโตมากถึง 4.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2021 นี้และจะขยายตัวแตะ 6.4 ล้านล้านเหรียญใน 2024 หรือเพิ่มขึ้นถึง 30% ในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น ซึ่งคนหนุ่มสาวทั้งหลายครอบคลุมทั้งเจนเอ็กซ์ วาย และแซด ต่างเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่เปลี่ยนพฤติกรรมไปอย่างรวดเร็ว คุ้นชินกับโลกออนไลน์จนแยกออกจากชีวิตออฟไลน์ไม่ได้อีกแล้ว และยิ่งเกิดธุรกรรมมากเท่าไหร่ ปริมาณข้อมูลที่ถูกจัดการโดยปัญญาประดิษฐ์ก็มีมากขึ้นและยิ่งนำเสนอสินค้า บริการที่เรามองหาได้แม่นยำมากขึ้น หยิบมือถือขึ้นมาเล่นทีไรก็เจอแต่ของที่อยากได้ ขายของออนไลน์ได้มาก สินค้าที่ต้องจัดส่งก็มากตาม จึงไม่แปลงที่ธุรกิจจัดส่งจะโตแล้วโตอีก ถ้ามองเฉพาะธุรกิจจัดส่งอาหารทั่วโลกปี 2020 พบว่ามีขนาดถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และน่าจะขยายตัว อีก 50% เป็น 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ…

เพย์พาล (Paypal) ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับใช้ในการซื้อและรับชำเงินค่าสินค้าเปิดเผยว่าจะให้บริการซื้อ ถือครอง และขายสกุลเงินดิจิทัลแก่ลูกค้าในอังกฤษในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการขยายบริการสกุลเงินดิจิทัลออกสู่ลูกค้าต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังจากประกาศเปิดตัวให้บริการในสหรัฐฯ เมื่อเดือนธันวาคม 2020

หลังจากที่ทาง Amazon ได้ทำการรับคริปโตไปเมื่อก่อนหน้านี้ ราคาของ Bitcoin ก็ได้เริ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยล่าสุดทาง Walmart สนใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มคริปโตบ้างแล้ว ในการจ้างงานล่าสุดของทาง Walmart ได้มีระบุตำแหน่งของผู้ดูแลด้านคริปโตและสกุลเงินดิจิทัล โดยในประกาศสมัครงานระบุไว้ว่าต้องการคนที่จะมาดูแลเกี่ยวกับคริปโตให้ทางบริษัท ผู้สมัครต้องมีปริญญาและมีประสบการณ์อย่างน้อย 10 ปีในด้านการบริหาร การตลาดด้านเทคโนโลยี และมีประสบการณ์เกี่ยวกับคริปโต ดูเหมือนว่าบริษัทใหญ่ ๆ ในอเมริกาจะเริ่มที่จะเข้ามารับคริปโตในการซื้อของกันแล้ว นี่น่าจะเป็นข่าวที่ไม่ดีนักสำหรับเกมเมอร์ทั้งหลาย ทั้งที่การ์ดจอ LHR (Lite Hash Rate) ของทาง Nvidia เริ่มถูกเจาะแล้ว กับราคาของคริปโตต่าง ๆ ที่เริ่มสูงขึ้น ราคาการ์ดจออาจจะไม่ลดลงอย่างที่คิดก็ได้ อ้างอิง พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม เวลา 22:04 GMT (วันเสาร์ เวลา 05:04 น. ในประเทศไทย) บิตคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดได้ทำราคาเพิ่มขึ้น 5.01% เป็น 49,106.4 เหรียญ (1,637,207 บาท) เพิ่มขึ้นกว่าราคาปิดในครั้งก่อนหน้า 2,342.1 เหรียญ (78,085 บาท)

เรียกได้ว่า 'เงินดิจิทัล' เริ่มได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ซึ่งจุดประสงค์หลักๆ คือจะเอาไปใช้แทนการใช้เงินสดหรือแม้แต่เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน และด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ที่อยู่เบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (blockchain) ที่มีความปลอดภัยและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งานได้ นั่นจึงทำให้ทั่วโลกเริ่มหันมาศึกษาเรื่องนี้กันมากขึ้นและตรวจสอบความเป็นไปได้ในการนำบล็อกเชนมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน และการออกใช้ Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะเป็นตัวแทนของเงินได้จริง ๆ ล่าสุดได้มีการออกประกาศจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วว่าจะมีแผนทดลองใช้งานเงินสกุลไทยอย่าง 'บาทดิจิทัล' แบบขั้นทดลอง (Pilot Test) ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเองและจะพร้อมทดลองใช้งานจริงในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 โดยจะเปิดให้ภาคเอกชน ผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเข้ามาพัฒนาเชื่อมต่อระบบไปด้วยกัน ซึ่งทาง ธปท. เอง อยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบและพัฒนาระบบต้นแบบ CBDC ร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดการพัฒนาจาก 'โครงการอินทนนท์' เพื่อศึกษารูปแบบ ผลกระทบ และข้อจำกัดในการนำ CBDC ไปใช้ในภาคเอกชนต่อไป โดยประเทศไทยเองเคยเริ่มใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) มาแล้วตั้งแต่ปี 2561 แต่ว่าเป็นการใช้สำหรับระดับสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) เท่านั้น…

ศาสตราจารย์ เคลย์ตัน คริสเตนเซ่น จากโรงเรียนธุรกิจมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอกว่า ทุกปีจะมีสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดราว 30,000 ชนิดและประมาณ 95% ของมันจะล้มเหลวและไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นสำหรับใครก็ตามที่กำลังทำธุรกิจและกำลังจะปล่อยตัวสินค้าตัวใหม่ออกสู่ตลาด ลองอ่านเคสที่ล้มเหลวมาก่อนหน้าและเรียนรู้จากประสบการณ์อันเจ็บปวดของบริษัทอื่น ๆ กันดีกว่า

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม ในเวลา 22.00 GMT (05:00 น. วันเสาร์ที่ 14 ในประเทศไทย) บิตคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดได้ทำราคาเพิ่มขึ้น 7.07% ถึง 47,587.3 เหรียญ (1,585,608 บาท) เพิ่มขึ้นกว่าราคาปิดในครั้งก่อนหน้า 3,142.93 เหรียญ (104,722 บาท) และเพิ่มขึ้น 71.6% จากราคาต่ำสุดของปีเมื่อ 4 ม.ค. ที่ 27,734 เหรียญ (924,096 บาท)

เวนโม่ (Venmo) แพลตฟอร์มชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนภายใต้เครือข่ายของเพย์พาล (PayPal) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานบัตรเครดิตสามารถแลกรางวัลเงินคืน (Cash-back) ที่ได้จากตัวแอปให้กลายเป็นเงินคริปโตเคอเรนซี่ได้ การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของเวนโม่และเพย์พาลที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในวงการคริปโตเคอเรนซี่ หลังเมื่อช่วงต้นปี เวนโม่เพิ่งออกมาประกาศว่าจะเปิดให้ผู้ใช้งานซื้อคริปโตผ่านแพลตฟอร์มของตนได้ โดยมีราคาขั้นต่ำในการซื้อเพียงแค่ 1 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 31 บาท ฟีเจอร์ใหม่ของเวนโม่ใช้ชื่อแคมเปญว่า 'Cash back to crypto' ที่จะให้ผู้ถือบัตรเครดิตเลือกได้ว่าจะรับเงินคืนเป็นสกุลเงินดิจิทัลเหรียญไหน ซึ่งทันทีที่พวกเขาได้รับรางวัลเงินคืนจากการซื้อของด้วยบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้ ระบบจะทำการแปลงค่าเงินให้ทันที โดยคิดจากมูลค่าของเงินคริปโต ณ เวลานั้นและไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมแต่อย่างใด เวนโม่บอกอีกว่าลูกค้าจะยังไม่สามารถโยกย้ายสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากแพลตฟอร์มไปยังที่อื่นได้ ดังนั้นรางวัลใด ๆ ก็ตามที่แปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแล้วก็จะยังคงอยู่ในแอปและเน้นใช้งานแค่ในแอปเท่านั้น อ้างอิง พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ประกาศปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากมาลงอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งการปรับลดวงเงินคุ้มครองดังกล่าวเป็นไปตามพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 ที่มีวัตถุประสงค์ในการรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและคุ้มครองผู้ฝากเงินรายย่อย ไม่ใช่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID 19 อย่างที่หลายคนกังวล แล้วการปรับลดวงเงินคุ้มครองครั้งนี้ ประชาชนผู้ฝากเงินอย่างเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? วันนี้แบไต๋ให้รู้เลย! สถาบันคุ้มครองเงินฝากคือใคร? สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) มีสถานะเป็นหน่วยงานรัฐ จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ทำหน้าที่ในการคุ้มครองเงินฝากของผู้ฝากเงิน ในกรณีที่สถาบันการเงินล้มละลาย ปิดกิจการ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ทาง สคฝ. จะจ่ายคืนเงินฝากให้เราภายใน 30 วัน ใครบ้างได้รับความคุ้มครอง? ผู้ฝากที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจะได้รับความคุ้มครองทันที เมื่อเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก โดยไม่ต้องดำเนินการใด ๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง ความคุ้มครองเงินฝากจะมีลักษณะ 1 รายชื่อผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน โดยนำเงินฝาก (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) ของผู้ฝากแต่ละรายในทุกสาขา และทุกบัญชีของสถาบันการเงินแห่งนั้นมาคำนวณรวมกัน กรณีชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก…

วันพุธ 28 กรกฎาคม บิตคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดได้ทำราคาเพิ่มขึ้น 1.7% ที่ 40,149 เหรียญ (1,320,199 บาท) ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอันดับสอง ether ได้เพิ่มขึ้น 1% ที่ 2,328 เหรียญ (76,548 บาท) ซึ่งนักลงทุนสายเทคนิคที่ชอบดูกราฟก็จะเห็นว่าเส้นราคาของบิตคอยน์ได้ลากขึ้นตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน (EMA 100) ซึ่งสามารถบ่งบอกทิศทางของแนวโน้ม (ขาขึ้น) ในอนาคตได้ บิตคอยน์ได้ทำราคาพุ่งกลับสู่ระดับ 1.3 ล้านบาท (40,000 เหรียญ) อีกครั้งหลังจากสามารถพุ่งทะลุได้ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีข่าวว่าแอมะซอน (Amazon) บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่กำลังมองหาการชำระเงินด้วยบิตคอยน์ภายในสิ้นปีนี้ แต่ต่อมาช่วงเย็นโฆษกของแอมะซอนได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงจึงทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาที่ 38,024 เหรียญ (1.25 ล้านบาท) บิตคอยน์ได้กลับสู่ระดับราคา 1.3 ล้านบาท (40,000 เหรียญ) อีกครั้งเนื่องจากผู้ขายระยะสั้นจะได้ประโยชน์จากภาษี และบรรดานักเทรดก็มีความมั่นใจในสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นเมื่อได้รับความคิดเห็นเชิงบวกจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียง ที่มา : reuters…

หลังจากที่ทาง Amazon ได้มีการเปลี่ยน CEO ไปล่าสุดดูเหมือนว่าทางบริษัทจะได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายแล้ว โดยมีข่าวหลุดออกมาจากวงในว่าทาง Amazon บริษัทขายของออนไลน์ชื่อดังได้เตรียมพร้อมที่จะรับสกุลเงินดิจิทัลในการซื้อของบนแพลตฟอร์ม และรวมไปถึงพัฒนาเหรียญคริปโตของตัวเองไปด้วย ข่าวจากวงในบอกว่าแผนการเกี่ยวกับเหรียญคริปโตเป็นแผนระยะยาวที่ทาง Amazon ได้เริ่มแผนนี้มาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว ซึ่งเป็นแผนที่ปรึกษากันมาอย่างดีแล้วภายใน และจะดันให้ทางเว็บ Amazon เปิดรับเหรียญคริปโตภายในปลายปีนี้ โดยจะรับเหรียญ Ethereum, Cardano, Bitcoin Cash และเหรียญที่ได้รับความนิยมอื่น ๆ อีก 8 เหรียญก่อน เพิ่มเติมทาง Amazon ได้เริ่มที่จะจ้างงานในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทัลและ Blockchain คาดว่าน่าจะนำมาพัฒนาเหรียญคริปโตของตัวเอง ถึงทาง Amazon จะไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ แต่ทางฝั่งให้บริการคลาวด์อย่าง Amazon Web Service (AWS) ได้มีประสบการณ์ในการจัดการกับ Blockchain อยู่แล้วแต่ตอนนั้นทางบริษัทใหญ่ของ Amazon ยังไม่เห็นความสำคัญในส่วนนี้เท่าไร แต่ตอนนี้เหมือนทาง Amazon จะเริ่มหันมาสนใจทางนี้แล้ว เราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าเหรียญของทาง Amazon จะออกมาเป็นอย่างไร และการที่ทาง Amazon ตัดสินใจที่จะรับเหรียญคริปโตจะส่งผลยังไงกับตลาดคริปโตโดยรวมบ้าง เราคงต้องจับตาดูกันต่อไป อ้างอิง 1 2 พิสูจน์อักษร…

เบนยามิน อาเหม็ด (Benyamin Ahmed) เด็กชายวัย 12 ปีจากชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษสามารถขายชุดคอลเล็กชันไอคอนรูปปลาวาฬของเขาในรูปแบบ NFT ด้วยราคากว่า 160,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 5,270,000 บาท

CNBC รายงานว่าอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของเทสลา (Tesla) กล่าวว่าบริษัทมีแนวโน้มที่จะให้ผู้ซื้อสามารถใช้บิตคอยน์ในการซื้อรถเทสลาได้ มัสก์กล่าวเมื่อวานนี้ในการประชุม B-Word ที่จัดโดย Crypto Council for Innovation ว่า “ดูเหมือนว่าบิตคอยน์มีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวนหนึ่งก็ถูกปิดตัวลงไปแล้วด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน” “ซึ่งตอนนี้ ผมกำลังทำการวิเคราะห์และประเมินอยู่ เพื่อยืนยันว่าเปอร์เซ็นต์ของการใช้พลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มที่มากขึ้นหรือสูงกว่า 50% และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ทางเทสลา จะกลับมารับการชำระเงินด้วยบิตคอยน์อีกครั้ง” เมื่อเดือนพฤษภาคม มัสก์กล่าวว่าจะยกเลิกชำระเงินด้วยบิตคอยน์ เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาจากการขุดเหรียญ ส่วนด้านจีนก็พยายามปราบปรามแก๊งขุดบิตคอยน์อย่างจริงจัง จนเหล่านักขุดก็เริ่มย้ายไปตั้งถิ่นฐานยังประเทศอื่น โดยเฉพาะการย้ายไปสร้างเหมืองขุดที่อเมริกา ซึ่งหลังจากนั้น มัสก์ก็มีความเชื่อมาตลอดว่าการขุดบิตคอยน์ด้วยพลังงานสะอาดนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้และพร้อมสนับสนุน โดยมัสก์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในระยะยาว พลังงานหมุนเวียนจะเป็นพลังงานที่ถูกที่สุด แต่มันก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน” “แต่ตราบใดที่ชุมชนนักขุดมีจิตสำนึกและตั้งใจจะทำมันจริง ๆ เพื่อให้วงการขุดบิตคอยน์มุ่งไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนได้เต็มรูปแบบ แน่นอนว่าเทสลาจะหันมาสนับสนุนสิ่งนี้” หลังจากที่มัสก์ออกมาพูดแบบนั้น ทำให้อัตราการซื้อขายบิตคอยน์เพิ่มสูงขึ้น 8% ทันที นอกจากนี้ มัสก์ยังพูดอีกว่าเขากำลังถือเหรียญอื่นอย่างอีเธอเรียม (Ethereum) อยู่ ซึ่งถึงแม้ว่าคริปโตยังอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้ แต่เขาก็ยังยืนยันว่าเขายังให้การสนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอยู่ดี ทำให้ราคาของเหรียญอีเธอเรียม (Ethereum)…

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม เจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) รมต.คลังสหรัฐฯ เผยว่ากำลังดำเนินการสร้างกรอบการกำกับดูแล Stablecoin ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐมนตรีและคณะทำงานด้านตลาดการเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้ร่วมกันประชุมพิจารณาหลักการในการออกกฎระเบียบควบคุมดูแล Stablecoin ซึ่งคาดว่าในไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่ขั้นตอนเสนอแนะแนวทางในการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาและช่องว่างของ Stablecoin

เจฟฟ์​ เบโซส (Jeff Bezos) ก่อตั้งและทำงานในฐานะซีอีโอของบริษัทแอมะซอน (Amazon) ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 1994 ผ่านมา 27 ปีพอดิบพอดี หลังจากทำให้บริษัทขายหนังสือออนไลน์ขนาดเล็กกลายเป็นบริษัทขายสินค้าออนไลน์ระดับโลกที่แข็งแกร่ง เขาก็สละตำแหน่งซีอีโอ แล้วแต่งตั้ง แอนดี แจสซี (Andy Jassy) ให้เข้ามารับตำแหน่งต่อจากเขา โดยเบโซส์จะย้ายไปอยู่ในตำแหน่งประธานบริหารเพื่อโฟกัสความสนใจของเขาไปยังงานอื่น ๆ ที่เขาสนใจ เช่น Blue Origin, Washington Post และองค์กรการกุศลต่าง ๆ ที่เขาดูแลอยู่แทน รายงานข่าวนี้ถูกเปิดเผยในวันประชุมผู้ถือหุ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักสำหรับคนที่ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีเป็นประจำ ข่าวลือเรื่องที่เบโซสจะสละตำแหน่งนั้นมีมาก่อนหน้านี้ได้สักพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่เขาเริ่มออกมาพูดถึงโปรเจกต์อื่น ๆ บ่อยมากขึ้น โดยเฉพาะความใฝ่ฝันในวัยเด็กของตัวเขาที่จะเดินทางสู่อวกาศ (ซึ่งตอนนี้ก็มีโอกาสเป็นจริงมากขึ้นทุกที ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ เที่ยวบินวันที่ 20 กรกฎาคม เขาพร้อมกับมาร์ก เบโซส (Mark Bazos) น้องชายของเขา จะเดินทางสู่อวกาศด้วยจรวดนิวเชปเพิร์ด (New Shepard) และแคปซูลอวกาศ 6 ที่นั่งเป็นครั้งแรก)…

Anonymous กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังที่เคยปล่อยคลิปขู่เจ้าพ่อเหรียญมีมอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มาก่อนหน้านี้ ได้ออกมาปล่อยคลิปเรื่องเหรียญ Crypto อีกครั้ง โดยรอบนี้ได้ปล่อยคลิปออกมาเปิดตัวเหรียญ Crypto ของตัวเองอย่าง Anon Inu Coin Anonymous เปิดคลิปมาด้วยการพูดถึงประเทศจีนที่เริ่มมีการแบนเหรียญ Crypto อื่น ๆ เพื่อที่จะดันเหรียญของตัวเองอย่าง Digital Yaun จนทำให้เหรียญอื่น ๆ ราคาตกกันระนาว พวกเขาต้องการที่จะสู้กลับไปที่ประเทศจีน และเพิ่มเติมคือ ต้องการที่จะสู้กับ อีลอน มัสก์ ในสงครามเหรียญมีม เหรียญหมาของ Anonymous อย่าง Anon Inu Coin จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทาง Anonymous ยังได้ออกมาประกาศ Roadmap อีกว่า ในอนาคตจะมีการเพิ่ม NFT เข้ามาอีกในอนาคตในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 สำหรับคนที่สนใจในเหรียญ Anon Inu นี้สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมที่หน้าเว็บของทาง…