งาน WWDC 2025 ที่กำลังจะมาถึงเป็นที่จับตามองมากในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะฟีเจอร์ iOS ที่เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชื่อที่จะไม่ใช่ iOS 18, iOS 19 อีกต่อไป แต่จะแทนที่ด้วย iOS 26 ไปเลย เพื่อเป็นการอัปเดตว่าเป็นช่วงปีของ 2025-2026 โดยจะปล่อยควบคู่กับ iPadOS 26, macOS 26, watchOS 26, tvOS 26, และ visionOS 26

ดีไซน์

ความจึ้งรอบนี้สำหรับดีไซน์ คือโซลาเรียม (Solarium) ดีไซน์โปร่งแสงแบบกระจก คล้าย visionOS ที่มีอินเทอร์เฟซโปร่งแสง ให้ผู้ใช้มองเห็นสภาพแวดล้อมใน AR/VR พร้อมใช้งานแอปฯ ได้อย่างกลมกลืน ซึ่งอาจนำมาใช้กับ iPhone เพื่อให้เนื้อหาโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมขอบโค้งมนมากขึ้น (เช่น แถบนำทางทรงแคปซูล) รวมถึงการใช้เงาและแสงเพื่อเพิ่มมิติให้ปุ่มต่าง ๆ ไอคอนแอปฯ อาจกลมขึ้น และองค์ประกอบ UI อื่น ๆ ก็จะมีมุมโค้งมนกว่าเดิม ภาพรวมจะดูมีมิติ มีเงาหรือคล้ายกระจกฝ้า

ขอบคุณภาพจาก Front Page Tech

ฟีเจอร์ Apple Intelligence 

  • การจัดการแบตเตอรี่ – ฟีเจอร์นี้จะวิเคราะห์การใช้งานมือถือและปรับตัวด้วย AI เพื่อยืดอายุการใช้แบตเตอรี่ให้นานมากขึ้น ซึ่งอันนี้ก็จะเหมาะกับ iPhone 17 air ที่ขนาดแบตเตอรี่เล็กลงด้วย 
  • ทางลัด – แอปฯ Shortcuts ที่จะอัปเดตให้ใช้ทางลัดง่ายขึ้นกว่าเดิมไปอีก 
  • Google Gemini – Google กับ Apple อาจจะจับมือกันแล้วเพิ่มฟีเจอร์ของ Gemini เข้ามาเป็นทางเลือกเหมือน ChatGPT และเป็นการร่วมงานกับ Siri เราจะสามารถส่งคำถามไปที่ Siri แล้วให้ Siri ส่งไปที่ Gemini ได้
  • Siri – Siri จะฉลาดขึ้นด้วย 3 ฟีเจอร์หลัก คือ 1. Personal Context : Siri จะเข้าถึงข้อมูลในเครื่อง (อีเมล, ข้อความ, ไฟล์) เพื่อช่วยทำงานและค้นหาสิ่งต่าง ๆ 2. Onscreen Awareness : Siri จะรู้ว่าคุณกำลังดูอะไรบนหน้าจอ และสามารถดำเนินการตามสิ่งนั้นได้ 3. Deeper App Integration : Siri จะทำงานร่วมกับแอปฯ (ทั้งของ Apple และ Third-party) ได้มากขึ้น ทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อน แต่ก็ต้องรอดู เพราะไม่รู้ว่าฟีเจอร์ของ Siri ที่เกริ่นมาจะเสร็จทันประกาศในงาน WWDC 2025 ไหม หรืออาจจะทับเส้นฟีเจอร์ AI อย่าง Gemini ที่นำเข้ามาหรือเปล่า 

Gaming App 

Apple มี Gaming center อยู่แล้ว แต่รอบนี้คาดว่าจะกลับมาแทน Gaming Center พร้อมฟังก์ชันที่เด่นกว่า เช่นจัดประเภทเกมใน Apple store ทำให้หาเกมได้ง่ายขึ้น และคาดว่าอาจจะมีฟีเจอร์สำหรับสื่อสารกับเพลเยอร์คนอื่น ๆ มีเนื้อหาแนะนำและตารางจัดอันดับ (Leaderboards)

แปลสดจาก Airpods 

คาดว่า Airpods จะมีการแปลสดเวลาคุยโทรศัพท์ สมมติคุยกับคนที่พูดภาษาอื่น ไอโฟนจะตรวจจับว่าเป็นภาษาอะไร แล้วแปลคำพูดเป็นภาษาที่เราตั้งค่าไว้

การเชื่อมต่อ 

อาจเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ข้อมูลล็อกอิน Wi-Fi สาธารณะ (Captive Wi-Fi) ซิงก์กันได้ทุกอุปกรณ์ Apple ของคุณ แค่กรอกครั้งเดียวก็ใช้ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ iPhone อาจโอน eSIM ไปยังสมาร์ตโฟน Android ได้ง่ายขึ้นด้วย

แอปฯ สุขภาพ

ยังไม่ชัวร์ว่าจะแนะนำฟีเจอร์นี้ให้ปีนี้ แต่คาดว่าแอปฯ สุขภาพจะเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้ามาช่วยแนะนำการใช้ชีวิตแบบ Personalized มากขึ้น และอาจมีการแทรกฟังก์ชันต่าง ๆ และนับแคลฯ ที่กินต่อวันให้ด้วย 

Stage Manager

เป็นไปได้ว่า Apple จะเพิ่มฟีเจอร์ Stage Manager ให้ไอโฟนรุ่นที่มีพอร์ต USB-C ลักษณะการทำงานคือให้ไอโฟนเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่าน USB-C ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถเปิดหลายแอปฯ พร้อมกันได้ มอบประสบการณ์การใช้งานที่คล้าย Mac 

ฟีเจอร์ช่วยการเข้าถึง (Accessibility Features)

  • Music Haptics : ปรับแต่งการสั่นตามเพลงได้ละเอียดขึ้น (ทั้งเพลง/เฉพาะเสียงร้อง, ปรับความเข้ม)
  • App Store Labels : หน้าสินค้าใน App Store จะแสดงข้อมูลคุณสมบัติช่วยการเข้าถึงของแอปฯ
  • Accessibility Reader : โหมดอ่านทั่วระบบ ปรับแต่งฟอนต์ สี ระยะห่าง เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น
  • CarPlay : รองรับตัวอักษรใหญ่ขึ้น และ Sound Recognition แจ้งเตือนเสียงทารกร้อง แตร ไซเรน
  • Background Sounds : ปรับแต่งเสียงพื้นหลังได้ด้วย EQ, ตั้งเวลา และทำงานร่วมกับ Shortcuts
  • Personal Voice : สร้างเสียงสังเคราะห์เก็บไว้จากเสียงผู้ใช้ได้เร็วและเป็นธรรมชาติมากขึ้นในเวลาไม่ถึงนาที (ด้วย Machine learning บนอุปกรณ์)
  • Tracking : อัปเดต Head/Eye Tracking และรองรับอุปกรณ์ Brain Computer Interface

ฟีเจอร์ที่มาสนองแอปฯ อื่น ๆ

ลือว่าอาจจะมีฟีเจอร์เข้ามาเสริมการใช้งาน 

  • ข้อความ : แปลอัตโนมัติ และสร้างโพลได้ 
  • เพลง : มีภาพเคลื่อนไหวอัตโนมัติบนหน้าจอ และ Lock screen 
  • โน้ต : รองรับ Markdown (สร้างข้อความที่อ่านง่าย)
  • CarPlay: อัปเดต UI ให้แมตช์ iOS 26 

ไอโฟนรุ่นที่รองรับ 

iOS 26 อาจจะไม่รองรับ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max แต่จะรองรับ iPhone รุ่นอื่น ๆ ทั้งหมดที่รองรับ iOS 18 ตามลิสต์นี้ 

  • iPhone 16e, iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max
  • iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max
  • iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max
  • iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max
  • iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2 หรือใหม่กว่า)

แม้ว่าไอโฟนรุ่นเหล่านี้จะรองรับ iOS 26 แต่ฟีเจอร์บางอย่างอาจจำกัดเฉพาะไอโฟนรุ่นใหม่กว่าที่มีหน่วยประมวลผลที่เร็วกว่า ตัวอย่างเช่น Apple Intelligence ใน iOS 18 จะทำงานได้เฉพาะบน iPhone 15 Pro และ iPhone 16 ทุกรุ่นเท่านั้น

ในส่วนของ IPadOS 26 เดาว่าอาจจะมีดีไซน์ที่คล้าย Apple แต่ฟีเจอร์การใช้งานจะเน้นประสบการณ์ที่คล้าย Mac มี Menu bar ที่ปรับแต่งให้มีความใช้งานง่ายมากขึ้น