การคืนชีพตำนาน RPG คลาสสิกสู่ยุคใหม่อย่างเต็มศักยภาพ

ในโอกาสพิเศษนี้ ทีมสื่อจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับเชิญเข้าร่วมพูดคุยกับ มาซาอากิ ฮายาซากะ โปรดิวเซอร์ของ Dragon Quest I & II HD-2D Remake เพื่อเจาะลึกทุกแง่มุมของโปรเจกต์ที่แฟน ๆ RPG ทั่วโลกตั้งตารอ ตั้งแต่แนวคิดการพัฒนา การปรับปรุงเกมเพลย์ ไปจนถึงความร่วมมือกับ ยูจิ โฮริอิ ผู้ให้กำเนิดซีรีส์ Dragon Quest ที่ครองใจผู้เล่นมากว่า 40 ปี
จุดกำเนิดของโปรเจกต์: “เปลี่ยนแปลงอย่างกล้าหาญ แต่ไม่ทิ้งแก่นแท้”

เมื่อถูกถามถึงหัวใจสำคัญของการพัฒนา ฮายาซากะย้ำชัดว่า
“แนวคิดหลักของเราคือ เปลี่ยนแปลงอย่างกล้าหาญ แต่ไม่ทิ้งแก่นแท้ เราต้องเคารพต้นฉบับที่เป็นตำนาน แต่ก็ต้องทำให้เกมตอบโจทย์ผู้เล่นยุคใหม่”
เขาอธิบายว่าเกมต้นฉบับทั้งสองภาคมีเนื้อหาสั้นกระชับ ขณะที่ผู้เล่นปัจจุบันคุ้นเคยกับเกมที่มีความลึกและยาวกว่า ทีมจึงตัดสินใจ เพิ่มปริมาณเนื้อหาอย่างมหาศาล เพื่อให้เกมใหม่นี้ทัดเทียมกับ RPG รุ่นใหม่ แต่ยังรักษาความรู้สึกของ Dragon Quest ดั้งเดิมไว้เต็มที่
สานต่อ “ตำนานไตรภาคโรโตะ” ให้สมบูรณ์
สิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นคือการเชื่อมโยงเรื่องราวสามภาคแรกของซีรีส์เข้าด้วยกัน
เราให้ความสำคัญกับการเล่า ไตรภาคแห่งโรโตะ อย่างครบถ้วน เรื่องราวจะเรียงจากภาค 3 ไปสู่ภาค 1 และต่อถึงภาค 2 เราแนะนำให้ผู้เล่นเริ่มจาก Dragon Quest III ก่อนเพื่อสัมผัสความยิ่งใหญ่ของตำนานในลำดับ 3–1–2 อย่างเต็มที่
นอกจากการเชื่อมโยงโครงเรื่อง ทีมยังเพิ่มบทสนทนาและเหตุการณ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ทั้งสองภาคแรกมีเนื้อเรื่องลึกขึ้น และทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ากำลังเดินทางในจักรวาลเดียวกันอย่างแท้จริง
เพิ่มคอนเทนต์เกินเป้าหมาย
แรกเริ่มทีมตั้งเป้าให้เนื้อหาเพียงพอเทียบเท่ากับ Dragon Quest III HD-2D Remake แต่ผลลัพธ์กลับ “มากกว่าที่คิด”
“ตอนทำเสร็จแล้วเปิดดูอีกที ปรากฏว่าเนื้อหามันเยอะกว่าภาค 3 ไปไกลเลยครับ (หัวเราะ) ถือว่าทำเกินเป้าไปพอสมควร”
นี่จึงเป็นการการันตีว่าผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าหรือผู้เล่นหน้าใหม่
Quality of Life ผู้เล่นสมัยใหม่
ฮายาซากะเปิดเผยว่าทีมพัฒนาได้ปรับสมดุลการต่อสู้ครั้งใหญ่
การต่อสู้จาก 1 ต่อ 1 เป็นแบบปาร์ตี้สู้กลุ่มศัตรู
เพิ่มเวทมนตร์และอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีในต้นฉบับ
ใส่ระบบ Quality of Life (QoL) เช่น การแสดงตำแหน่งหีบสมบัติและจุดอ่อนของศัตรู
“เราต้องการให้ผู้เล่นทุกคนสนุกได้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนดั้งเดิมหรือคนที่เพิ่งรู้จักซีรีส์นี้”
เจ้าหญิงซามัลโทเรีย ตัวละครใหม่ที่แฟนๆรอคอย
อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์คือการเพิ่ม เจ้าหญิงแห่งซามัลโทเรีย ให้เป็นตัวละครที่เล่นได้

“ครั้งก่อนเรามีอาชีพใหม่คือ Beastmaster ครั้งนี้เราเลยเพิ่มพวกพ้องคนใหม่ และเธอเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ เพราะมีบทบาทในเรื่องและเป็นผู้สืบสายเลือดแห่งโรโตะ”
การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการเห็นชอบทันทีจากคุณโฮริอิ และถือเป็นการขยายบทบาทตัวละครหญิงที่แฟน ๆ รักให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
เรียนรู้จากความสำเร็จของ Dragon Quest III
เมื่อถูกถามถึงบทเรียนจากภาค Dragon Quest III HD-2D Remake ฮายาซากะกล่าวว่า
สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือ แฟนเกมแต่ละคนมีภาพของ รีเมคในอุดมคติที่แตกต่างกัน เราไม่อาจตอบสนองทุกความคาดหวังได้ แต่เราพยายามเลือกแนวทางที่สร้างความสุขให้คนส่วนใหญ่ที่สุด
สำหรับภาค 1 & 2 การปรับเปลี่ยนจากต้นฉบับมีขอบเขตกว้างกว่าภาค 3 มาก ทำให้การตัดสินใจท้าทายขึ้นไปอีก
ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับยูจิ โฮริอิ
อีกจุดสำคัญคือการทำงานร่วมกับผู้สร้างตำนาน
“องค์ประกอบใหม่ทั้งหมด เรานำเสนอให้คุณโฮริอิอนุมัติก่อนเสมอ เขาเข้ามาทดลองเล่นทุกเวอร์ชัน ให้คำแนะนำที่เรานำไปปรับปรุงต่อ ทำให้มั่นใจว่าเกมยังคง ‘ความเป็น Dragon Quest’ อย่างครบถ้วน”
มุมมองต่ออนาคตของซีรีส์
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรีเมคภาคอื่น ฮายาซากะกล่าวว่า
สไตล์ HD-2D จะเปล่งประกายที่สุดกับเกมยุคเรโทร ภาค 1–3 เหมาะสมที่สุด ส่วนภาคหลัง ๆ ที่กราฟิกพัฒนามากขึ้นก็ต้องคิดต่อว่าดีไซน์นี้เข้ากันหรือไม่ แต่ถ้าภาค 3 และ 1 & 2 ประสบความสำเร็จ โอกาสที่จะมีโปรเจกต์ใหม่ก็เปิดกว้าง
เขายังชี้ว่าทีม Square Enix ใช้สไตล์ HD-2D ไม่เพียงสำหรับรีเมคเท่านั้น แต่ยังใช้กับเกมใหม่อย่าง Elliot แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรูปแบบภาพนี้ในอนาคต
ความคาดหวังต่อแฟน ๆ ทั่วเอเชีย
สำหรับผู้เล่นที่เคยสัมผัสเวอร์ชันต้นฉบับ ฮายาซากะฝากข้อความว่า

“ผมอยากให้แฟนดั้งเดิมลองเล่นภาคนี้ เพราะจะทึ่งกับความเปลี่ยนแปลง เราให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียมาก และตั้งใจจะนำเกมดี ๆ มาให้ทุกคนได้สนุกกันอีกเยอะ”
เขายังยิ้มพร้อมกล่าวว่า หากแฟน ๆ มองเกมนี้เป็น “ของขวัญครบรอบ 40 ปีของซีรีส์ Dragon Quest” ทีมงานก็ยินดีเป็นที่สุด พร้อมบอกเป็นนัยว่า Square Enix อาจมีเซอร์ไพรส์ใหญ่สำหรับวาระสำคัญนี้
สรุป: การคืนชีพที่สมศักดิ์ศรีตำนาน

Dragon Quest I & II HD-2D Remake ไม่ใช่เพียงการรีเมคธรรมดา แต่เป็นการผสานอดีตกับปัจจุบันอย่างกลมกล่อม ทั้งการเพิ่มคอนเทนต์มหาศาล การปรับปรุงเกมเพลย์ให้ลื่นไหล และการคงไว้ซึ่งหัวใจของต้นฉบับ เพื่อมอบประสบการณ์ผจญภัยที่ทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นใหม่จะต้องประทับใจ

เตรียมออกเดินทางอีกครั้งสู่โลกแฟนตาซีในตำนาน ที่กลับมามีชีวิตใหม่ด้วยเสน่ห์ของภาพ HD-2D และเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่าที่เคย – การผจญภัยครั้งนี้จะทำให้คุณตกหลุมรัก Dragon Quest อีกครั้งอย่างแน่นอน.