ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนรู้จักกันดีว่าสามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เช่น เชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส เอชพีวี เริม และหนองใน เป็นต้น ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ไซส์พอดีกับอวัยวะเพศชายจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุด

แต่เรื่องไซส์ของอวัยวะเพศหรือขนาดน้องชายนั้นผูกติดมากับความเป็นชายในเชิงสังคม พูดง่าย ๆ คือผู้ชายคิดว่าขนาดอวัยวะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของความเป็นชาย ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ทำให้บทสนทนาก่อนเริ่มความสัมพันธ์ทางเพศผู้ชายจำนวนไม่น้อยบอกว่าเจ้าหนูของเขาใหญ่กว่าความเป็นจริง ซึ่งการสำรวจในต่างประเทศก็พบว่าผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น

การพูดอวดก่อนเริ่มเกมอาจเป็นเรื่องที่พอรับได้เมื่อมาเจอขนาดจริงที่หน้างาน แต่ถ้าหากผู้ชายคนนั้นยังฝืนสวมถุงยางอนามัยที่ไม่ตรงไซส์ของตัวเองอาจเพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้

Hack for Health เลยจะมาบอกวิธีวัดขนาดถุงยางอนามัยแบบแม่น ๆ และสัญญาณที่กำลังบอกว่าคุณกำลังใช้ถุงยางอนามัยผิดไซส์อยู่

วิธีวัดถุงยางอนามัยด้วยตัวเอง

49, 52, 54, และ 56 (มิลลิเมตร) เป็นเลขมงคลที่คนไทยมักใช้เพื่อพูดถึงขนาดของอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นไซส์มาตรฐานของถุงยางอนามัยที่จำหน่ายในประเทศไทยและหาได้ง่ายที่สุด โดยตัวเลขเหล่านี้เป็นขนาดความยาวของเส้นรอบวงไม่ใช่ความยาว

ดังนั้น วิธีวัดถุงยางอนามัยจึงเป็นการวัดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศหรือเรียกง่าย ๆ ว่าความใหญ่ ไม่ใช่ความยาว

โดยวิธีวัดถุงยางอนามัยด้วยตัวเอง แค่ใช้สายวัดวัดรอบอวัยวะเพศขณะแข็งตัวแล้วเปลี่ยนเซนติเมตรเป็นมิลลิเมตรแค่นั้นเอง เช่น หากคุณวัดได้ 105 มิลลิเมตร เอาไปหารด้วย 2 จะเท่ากับ 105/2 = 52.2 มิลลิเมตร

แต่ด้วยถุงยางอนามัยมีไซส์มาตรฐาน บางคนอาจวัดได้ 50 บ้าง 53 บ้าง หลายคนอาจเลือกไม่ถูก ซึ่ง Hack for Health แนะนำให้เลือกเลขที่ใกล้กับเรามากที่สุด เช่น วัดได้ 50 มิลลิเมตรสามารถสวมไซส์ 49 ได้หรือถ้าวัดได้ 51 มิลลิเมตรสามารถสวมไซส์ 52 ได้

โดยปกติแล้วถุงยางอนามัยมีความยืดหยุ่นและทนทานสูง เมื่อสวมใส่จะรัดพอดีกับน้องชาย ดังนั้น ถ้าไม่ได้เลือกข้ามไซส์เกินไปถุงยางอนามัยยังคงมีประสิทธิภาพสูงอยู่ เช่น 49 ข้ามไป 52 อาจจะพอได้ แต่ถ้าข้ามไป 54 หรือ 56 หรือคนที่ไซส์ 56 ข้ามมา 49 อาจทำให้มีปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม การใส่ให้ตรงไซส์และพกไว้ติดตัวปลอดภัยที่สุด

จากการสำรวจการซื้อถุงยางอนามัยในประเทศไทย ไซส์ 52 มิลลิเมตรขายดีที่สุด รองลงมาด้วยไซส์ 49 มิลลิเมตร สำหรับความยาว โดยปกติถุงยางอนามัยอาจมีความยาวสัมพันธ์ไปกับเส้นรอบวงที่ใหญ่ขึ้น แต่จะอยู่ 6–7 นิ้ว ซึ่งความยาวมาตรฐานของน้องชายของผู้ชายไทยอยู่ที่ 10.16–11.46 เซนติเมตรหรือราว 4 นิ้ว

สัญญาณแบบไหนที่บอกว่าคุณสวมถุงยางผิดไซส์อยู่!

การสวมถุงยางอนามัยผิดไซส์ไม่ว่าจะเล็กไปหรือใหญ่ไปอาจทำให้ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยลดลง หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำกิจกรรมได้ ซึ่งสัญญาณต่อไปนี้บอกได้

  • ถุงยางอนามัยหลวมจนสามารถขยับไปมาได้
  • รู้สึกอึดอัดหรือตึงเกินไปเมื่อสวมถุงยางอนามัย
  • ถุงยางอนามัยหลุด อาจมาจากการสวมถุงยางไซส์ใหญ่เกินพอดี / ความยาวของถุงยางที่ไม่ยาวที่จะสวมมาถึงโคน บางจังหวะเลยอาจทำให้ถุงยางอนามัยร่นและหลุดได้
  • ถุงยางอนามัยขาด อาจมาจากการสวมถุงยางอนามัยที่เล็กไป / การเข้าจังหวะที่รุนแรง / ขาดการหล่อลื่นที่เพียงพอ / การสวมถุงยางอนามัยโดยไม่ได้บีบปลายกระเปาะของถุงยางก่อน

หากคุณสวมถุงยางอนามัยผิดไซส์อาจนำไปสู่ปัญหาท้องไม่พร้อมและการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ การเลือกถุงยางอนามัยที่ตรงกับไซส์จริงมากที่สุดสามารถช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาเหล่านี้ได้

นอกจากเรื่องของไซส์ถุงยางอนามัยแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือเพศไหนควรรู้วิธีสวมถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง ชนิดของเจลหล่อลื่นที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้ และวิธีเก็บถุงยางอนามัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

สุดท้ายนี้ ผู้ชายยังคงติดหล่มเรื่องไซส์กันเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งการแพทย์ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายที่ให้ใช้งานได้เป็นธรรมชาติและปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้เชี่ยวชาญเลยแนะนำให้ผู้ชายไซส์เล็กและธรรมดาเชิดอก แล้วไปฝึกปรือลีลาหรือคารมจะดีกว่า รวมถึงบางคนควรเลิกโกหกเรื่องไซส์กับคู่นอนและการใช้ถุงยางไม่ตรงไซส์ เพราะอาจเสี่ยงต่อปัญหาที่เราได้บอกไป เพราะไม่ใช่แค่คุณที่เสี่ยงคู่นอนของคุณก็เสี่ยงด้วย คนไซส์ใหญ่ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าจะรับบทคนถุงยางแน่นเพื่อโชว์ความเป็นชาย เพราะหากถุงยางอนามัยแตกก็เป็นเรื่องได้ไม่ต่างกัน

ที่มา: RSA Thai, Healthline, WebMD, BBC

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส