เมื่อเราเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าในฐานะของพลเมือง เรามี “สิทธิผู้ป่วย” ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องและดูแลตัวเราเอง การทำความเข้าใจในสิทธิเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราได้รับบริการที่ดีที่สุด แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้บริการอีกด้วย

สิทธิผู้ป่วยคืออะไร และสำคัญอย่างไร ?

สิทธิผู้ป่วย คือ สิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนจะได้รับเมื่อเข้ารับบริการด้านสุขภาพตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากเพราะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและมีศักดิ์ศรี โดยไม่ถูกแบ่งแยกด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม

สิทธิผู้ป่วย 10 ประการที่คุณควรรู้

จากข้อมูลที่ระบุไว้ สิทธิผู้ป่วยมีทั้งหมด 10 ข้อหลัก ๆ ที่ควรรู้และสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งทาง BT beartai ได้สรุปมาแบบเข้าใจง่าย ดังนี้

1. สิทธิขั้นพื้นฐานในการรับบริการสุขภาพ

สิทธินี้เป็นสิทธิโดยรวมที่ยืนยันว่าผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

2. สิทธิที่จะได้รับบริการโดยไม่เลือกปฏิบัติ

ไม่ว่าคุณจะมีฐานะ, เชื้อชาติ, ศาสนา, เพศ, วัย หรือมีความเจ็บป่วยแบบใด คุณมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ

3. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลเพื่อตัดสินใจ

ก่อนทำการรักษา คุณมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่เพียงพอและเข้าใจง่ายจากผู้ประกอบวิชาชีพ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะยินยอมหรือไม่ยินยอมรับการรักษานั้น ๆ สิทธินี้อาจมีข้อยกเว้นในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิต

  • ใช้ในกรณีไหนได้บ้าง ?: ก่อนการผ่าตัดหรือการรักษาที่มีความเสี่ยง คุณสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอน ผลดี ผลเสีย และทางเลือกอื่น ๆ เพื่อตัดสินใจได้

4. สิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือทันทีในภาวะฉุกเฉิน

หากคุณตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต คุณมีสิทธิจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอการร้องขอ หรือยอมรับคำยินยอมในการรักษา

5. สิทธิที่จะทราบข้อมูลผู้ให้บริการ

คุณมีสิทธิที่จะทราบชื่อ-สกุล และประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็นผู้ดูแลรักษาคุณ

  • ใช้ในกรณีไหน ?: คุณสามารถสอบถามได้เสมอว่าแพทย์หรือพยาบาลที่ดูแลคุณคือใคร และมีความเชี่ยวชาญด้านใด

6. สิทธิที่จะขอความเห็นและเปลี่ยนผู้ให้บริการ

หากคุณไม่มั่นใจในแผนการรักษา คุณมีสิทธิที่จะขอความเห็นจากแพทย์ท่านอื่น (Second Opinion) และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลได้

7. สิทธิในการปกปิดข้อมูลส่วนตัว

ข้อมูลการเจ็บป่วยของคุณถือเป็นความลับ ผู้ประกอบวิชาชีพต้องปกปิดข้อมูลของคุณอย่างเคร่งครัด จะเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากคุณ หรือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

8. สิทธิที่จะรับทราบข้อมูลและตัดสินใจเรื่องการวิจัย

ในกรณีที่คุณถูกเชิญให้เข้าร่วมในโครงการวิจัยทางการแพทย์ คุณมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนเพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ และสามารถถอนตัวออกจากการวิจัยเมื่อใดก็ได้

9. สิทธิในการเข้าถึงเวชระเบียนของตนเอง

คุณมีสิทธิร้องขอเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่ปรากฏในเวชระเบียนของคุณได้ แต่การเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น

10. สิทธิของผู้ป่วยเด็กหรือผู้บกพร่องทางกายและจิต

ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ที่มีความบกพร่องทางกายหรือจิตใจ บิดา มารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรมสามารถใช้สิทธิเหล่านี้แทนได้

การทราบสิทธิผู้ป่วยเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อต้องเข้ารับบริการทางสุขภาพ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดีและเป็นธรรมสำหรับทุกคน

เราสามารถปฏิเสธการตรวจเลือดหรือปัสสาวะได้ไหม ?

โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจสั่งให้บุคคลใดตรวจปัสสาวะหากบุคคลนั้นไม่ยินยอม เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้

ข้อยกเว้นที่ตำรวจสามารถสั่งให้ตรวจได้

มี 2 กรณีหลักที่กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสั่งให้ตรวจร่างกายได้แม้ไม่ได้รับความยินยอม

1. กรณีผู้ขับขี่รถยนต์ที่ต้องสงสัยว่าเมา

กฎหมายให้อำนาจพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับตรวจปัสสาวะจาก “ผู้ขับขี่รถยนต์” ได้ แม้จะยังไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้นก็ตาม

  • เงื่อนไข: ผู้ขับขี่จะต้องมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าจะหย่อนความสามารถในการขับ หรือขับขี่ในขณะมึนเมา เช่น ขับรถไม่ตรงทาง, มีกลิ่นสุรา, พูดจาอ้อแอ้ หรือฝ่าฝืนกฎจราจร หากไม่มีอาการน่าสงสัยเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจบังคับตรวจได้
  • หากผู้ขับขี่ปฏิเสธ: เจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจกักตัวผู้ขับขี่ไว้ได้จนกว่าจะยอมให้ตรวจ
  • สำคัญที่สุด: อำนาจนี้ใช้บังคับได้กับ “ผู้ขับขี่” เท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึง “ผู้โดยสาร” ที่มากับรถยนต์ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถบังคับให้ผู้โดยสารตรวจปัสสาวะได้หากไม่ได้รับความยินยอม

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีอาการมึนเมาที่อยู่ในสถานการณ์อื่น ที่ไม่ได้เป็นผู้ขับขี่ แม้จะมีแสดงพฤติกรรมมึนเมาอย่างชัดเจนก็อยู่ในข้อยกเว้นที่สามารถปฏิเสธการสั่งตรวจร่างกายของเจ้าหน้าที่ได้ อย่างคนที่มีอาการมึนเมาที่เดินอยู่ตามถนนหนทางทั่วไป

2. กรณีเป็นผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายในคดีอาญา

เมื่อมีคดีอาญาเกิดขึ้นแล้ว พนักงานสอบสวนมีอำนาจสั่งให้บุคคลที่เป็น “ผู้ต้องหา” หรือ “ผู้เสียหาย” ในคดีนั้น ๆ ตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งรวมถึงการตรวจปัสสาวะ

  • หากบุคคลดังกล่าวปฏิเสธ: การปฏิเสธไม่ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย แต่กฎหมายจะสันนิษฐานว่าผลการตรวจพิสูจน์นั้นจะเป็นผลร้ายต่อผู้ที่ปฏิเสธเอง