สมัยก่อนการรับชมสื่อบันเทิงทางทีวีอาจจะครองใจใครหลาย ๆ คน ยิ่งในวัยเด็กก็เรียกได้ว่าเราจะรอการ์ตูนเรื่องโปรด ที่จะมาพร้อมวันและเวลาเดิม ๆ เป็นประจำ ทำให้ทีวียังเป็นความสนใจอันดับต้น ๆ ของเด็กในยุคนั้น

เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี 40% มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง

แต่ตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป แม้แต่ผู้ใหญ่เองยังชอบความอิสระในการรับชม เด็ก Gen Alpha (เด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2010-2024) ก็เช่นกัน ข้อมูลล่าสุดจาก Precise TV ระบุว่า เด็กอายุ 2–5 ปี ถึง 87% เลือกดู YouTube มากกว่าช่องทางอื่น ๆ ขณะที่ Common Sense Media รายงานว่า เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี กว่า 40% มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเองแล้ว ส่วนเด็กโตและวัยรุ่นมักใช้ Twitch แพลตฟอร์มสตรีมมิงที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น กว่า 40% ของผู้ใช้มีอายุ 16–24 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 

Twitch เริ่มจากแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ด้วยสตรีมเมอร์ยอดนิยม เช่น Kai Cenat และ Clix ดึงผู้ชมใหม่จำนวนมาก แต่ Twitch ยังเป็นไลฟ์สตรีมที่ไม่ถูกตัดต่อหรือเซนเซอร์ จึงมีความเสี่ยงที่เด็กอาจเจอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ทันตั้งตัว 

เช่น การใช้คำหยาบ, การพูดเรื่องส่วนตัว, การแสดงพฤติกรรมหรืออารมณ์รุนแรง นอกจากนี้ ฟีเจอร์แชตสามารถนำไปสู่การถูกคุกคามหรือล่วงละเมิดได้ แม้ Twitch จะไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีสมัครบัญชี แต่เด็กที่ตั้งใจก็หาวิธีเข้าได้อยู่ดี

YouTube สำหรับเด็กอาจช่วยได้ แต่ไม่ทั้งหมด

YouTube ใช้อัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาเพื่อให้ผู้ชมอยู่บนแพลตฟอร์มนานขึ้น ทำให้เด็กเสี่ยงเจอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมแม้ YouTube Kids จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า แต่ไม่ได้ปลอดภัยโดยสมบูรณ์ ผู้ปกครองควรสังเกตสิ่งที่เด็กกำลังรับชม พูดคุย หรือโต้ตอบกับวิดีโอ

ผลกระทบของการดูแบบไม่ถูกกรอง

การเข้าถึงคอนเทนต์แบบไม่ถูกกรองอาจส่งผลต่อความปลอดภัยทางร่างกายและอารมณ์ของเด็ก และอาจกระทบต่อพัฒนาการ เช่น อารมณ์แปรปรวน, โฟกัสในโรงเรียนลดลง หรือพูดคุยแบบตัวต่อตัวไม่คล่อง

พฤติกรรมการใช้หน้าจอส่งผลต่อการนอนและอารมณ์ของเด็ก และยังลดความสามารถในการทนต่อความเบื่อ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการพัฒนาตนเอง

การป้องกันและดูแล

การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ผู้ปกครองควรตั้งกฎชัดเจน เช่น กำหนดโซนปราศจากหน้าจอในมื้ออาหารหรือก่อนนอน และสร้างตารางเวลาให้สมดุลระหว่างการเสพสื่อกับกิจกรรมอื่น ผู้ปกครองควรตั้งขอบเขตการใช้หน้าจอที่ชัดเจนและเหมาะสมตามวัย เช่น เวลาพัก, เวลาทำการบ้าน, เวลานอน และสนับสนุนกิจกรรมอื่น เช่น กีฬา, ดนตรี, ศิลปะ หรือเวลาครอบครัว

นอกจากนี้ควรสนทนาอย่างเปิดใจกับเด็ก เพื่อเข้าใจสิ่งที่พวกเขาดู และสอนทักษะการแยกแยะเนื้อหาจริง-บันเทิง สอนให้เข้าใจว่าผู้สร้างคอนเทนต์อาจปรับแต่งหรือโปรโมตผลิตภัณฑ์ เป้าหมายคือ สร้างสมดุลและทักษะดิจิทัล ให้เด็กสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต แต่ยังรู้ว่าผู้ปกครองพร้อมช่วยเมื่อจำเป็น

แม้ว่า “หน้าจอ” จะเปลี่ยนจากทีวีไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง YouTube และ Twitch แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ “บทบาทของผู้ปกครอง” ในการเป็นคนชี้นำและสร้างสมดุลให้กับชีวิตลูกหลาน การเปิดพื้นที่ให้เด็กได้สนุกและเรียนรู้จากสื่อใหม่ ๆ พร้อมกับขอบเขตและการดูแลที่เหมาะสม จะช่วยให้พวกเขาเติบโตในโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย มีทักษะคิดวิเคราะห์ และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต