การที่ ริชาร์ด เทง (Richard Teng) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของ ไบแนนซ์ (Binance) ต่อจากซีอีโอคนเก่าที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในโลกคริปโท  ด้วยความเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการการเงินและการกำกับดูแลมากว่า 3 ทศวรรษ  เทง หวังว่าจะสามารถวางรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตที่จะถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การกำกับดูแล และการให้บริการทางการเงินที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง

ผมก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนี้ ด้วยการผลักดันและสนับสนุนจาก CZ และทีมผู้บริหารของเรา ผมพร้อมที่จะทำงานเพื่อตอบสนองทุกความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน รวมถึงการเดินหน้าสานต่อพันธกิจหลักของ Binance กับการมอบอิสรภาพทางการเงินให้กับทุกคน

ริชาร์ด เทง

ด้วยประสบการณ์การทำงานด้านการบริการทางการเงินและการกำกับดูแลกฎระเบียบที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เทง เข้าใจเป็นอย่างดีถึงความท้าทายและความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครของอุตสาหกรรมคริปโท และพร้อมที่จะนำพา Binance ให้ก้าวข้ามผ่านทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวคริปโท (Crypto Winter) หรือฤดูร้อนคริปโท (Crypto Summer) ก็ตาม

โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Binance ได้ทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ควบคู่ไปกับการเฟ้นหา ว่าจ้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพเพื่อมาเสริมทัพการทำงานด้านการกำกับดูแลของ Binance ให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

การก้าวขึ้นมารับบทบาทซีอีโอของ Binance ในครั้งนี้ เทงทราบดีถึงหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้นำองค์กรที่มีฐานผู้ใช้มากกว่า 160 ล้านคน พร้อมตระหนักถึงความสำคัญของการวางรากฐานที่ดี เพื่อมุ่งไปสู่การเติบโตและความสำเร็จต่อเนื่องไปในอนาคต พร้อมไปกับการนำทางบริษัทไปสู่ภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมคริปโทที่กำลังพัฒนานี้

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ที่ Binance ยึดถือมาตลอด คือ การที่นวัตกรรมควรนำคุณค่ามาสู่ผู้ใช้ โดยเขาพร้อมนำแนวคิดนี้มาปฏิบัติ เพื่อให้มั่นใจว่า Binance จะส่งมอบผลิตภัณฑ์อันเป็นเลิศและมีคุณค่าให้กับผู้ใช้ทุกคนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายในอุตสาหกรรมเพื่อจุดประกายเส้นทางใหม่ของนวัตกรรมทางการเงินต่อไป

ผู้นำคนใหม่ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้ดูแลที่มีการถือสินทรัพย์ของลูกค้าเต็มจำนวนพร้อมด้วยเงินทุนสำรอง ในอัตรา 1:1 เพื่อให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าเงินของทุกคนจะได้รับการปกป้อง ผ่านระบบกลไกพิสูจน์เงินทุนสำรอง (Proof-of-reserves) ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีกองทุนฉุกเฉิน Secure Asset Fund for Users (SAFU) เพื่อปกป้องผู้ใช้งานในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Binance ในด้านการรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์มได้เป็นอย่างดี

ในขณะที่เขากำลังเดินหน้าสู่ก้าวต่อไปของการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบของ Binance เขาพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการหารือกับผู้กำหนดนโยบายระดับโลก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่ออนาคตของอุตสาหกรรมคริปโท รวมไปถึงการร่วมส่งเสริมความรู้ให้กับผู้คนอีกกว่าพันล้านคน เพื่อให้ตระหนักถึงความยั่งยืนในระยะยาวของคริปโทต่อไป

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส