ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ หนึ่งในข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ มักส่งผลต่อเศรษฐกิจและนโยบายทั่วโลกเสมอ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีการเงินกำลังเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็วเช่นนี้
การกลับมาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ในปี 2025 นำมาซึ่งชุดนโยบายใหม่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนท่าทีอย่างสิ้นเชิงต่อคริปโทเคอร์เรนซี
จากคนที่เคยออกมาวิจารณ์บิตคอยน์อย่างหนัก สู่ผู้ที่เดินหน้าผลักดันนโยบายระดับชาติเพื่อรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล ทรัมป์เปลี่ยนใจเพราะอะไร ? และการกลับลำครั้งนี้มีผลต่อสหรัฐฯ และวงการคริปโทฯ ทั่วโลกอย่างไร
ย้อนไปช่วงการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ในปี 2017–2021 ประธานาธิปดีทรัมป์เคยให้ความเห็นบน Twitter ว่า “ผมไม่ใช่แฟนของบิตคอยน์และคริปโทฯ อื่น ๆ เพราะมันไม่ใช่เงินที่แท้จริง มีความผันผวนสูงและไร้มูลค่าพื้นฐาน”
พร้อมเตือนว่าคริปโทฯ ที่ไร้การควบคุมอาจถูกใช้ในทางผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด พร้อมยังย้ำว่าประเทศสหรัฐฯ “มีสกุลเงินจริงเพียงหนึ่งเดียว” คือสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ขณะเดียวกัน หลังพ้นตำแหน่งในปี 2021 ทรัมป์ก็ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า “บิตคอยน์ดูเหมือนเป็นกลโกง” และมองว่าการลงทุนในคริปโทฯ เป็นฟองสบู่ที่รอวันแตก คอยบั่นทอนความสำคัญของเงินดอลลาร์ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้าควบคุมคริปโทฯ อย่างเข้มงวด
ช่วงเวลานั้น เขายืนยันว่าไม่ได้ลงทุนในบิตคอยน์หรือคริปโทฯ เลย และฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังไม่เคยออกนโยบายสนับสนุนคริปโทฯ อย่างจริงจัง
ก้าวแรกสู่วงการสินทรัพย์ดิจิทัล ปี 2022
ในช่วงปลายปี 2022 ความคิดของทรัมป์เริ่มเปลี่ยนไป เปิดแนวคิดใหม่ มองหาการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีบล็อกเชนในโลกธุรกิจมากขึ้น นำไปสู่การทดลองก้าวเข้าสู่วงการนี้เป็นครั้งแรกผ่านกระแส NFT (Non-Fungible Token) โดยจับมือกับอดีตคู่ค้าธุรกิจเปิดตัว การ์ดสะสมดิจิทัล NFT รูปตัวเขาเอง มีจำนวน 45,000 ใบ ขายในราคาใบละ 99 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งปรากฏว่าขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ทำรายได้ให้ทรัมป์หลายล้านเหรียญสหรัฐฯ

ซึ่งรายได้จาก NFT กว่า 1–5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากช่วงเวลานั้น ทรัมป์นำมาถือครองเป็นสินทรัพย์คริปโทฯ ในสกุลเงินอีเธอเรียม (Ethereum) ดังนั้น ความสำเร็จนี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างรายได้จากเทคโนโลยีบล็อกเชนและเปิดใจให้ทรัมป์สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนการขาย NFT ของทรัมป์ ผลงานศิลปะของเมลาเนีย ทรัมป์ (Melania Trump) เคยถูกขายได้ในราคาประมาณ 180,000 เหรียญสหรัฐฯ นี่จึงอาจเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ทรัมป์ก็ได้
นโยบายคริปโทฯ เรือธงช่วงหาเสียงปี 2024
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทรัมป์เริ่มหันมาสนับสนุนคริปโทฯ อย่างจริงจังเกิดขึ้นต้นปี 2024 เดวิด เบลีย์ (David Bailey) ผู้บริหารบริษัทในวงการคริปโทฯ ขอเข้าพบกับทรัมป์และชี้ให้เห็นว่าราคาบิตคอยน์เติบโตสูงมากในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก พลางโน้มน้าวว่าชุมชนคริปโทฯ สามารถกลายเป็นฐานคะแนนเสียงและเงินทุนสนับสนุนให้เขาได้
หลังจากการพบกับเดวิดครั้งนั้น ทรัมป์ก็เริ่มปรับภาพลักษณ์ทันที เขากล่าวสุนทรพจน์พาดพิงถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) พรรคเดโมแครตและวุฒิสมาชิกเอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) ที่ต้องการควบคุมคริปโทฯ ว่าเป็นพวกขัดขวางนวัตกรรม
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังรับเป็น ผู้กล่าวปาฐกถาหลักในงานประชุม Bitcoin 2024 ที่เมืองแนชวิลล์ ซึ่งเขาประกาศบนเวทีว่าจะสนับสนุนการจัดตั้งคลังสำรองบิตคอยน์แห่งชาติ และให้สัญญาว่าหากได้รับเลือกอีกครั้ง สหรัฐฯ จะกลายเป็นเมืองหลวงคริปโทฯ ของโลก รวมถึงมหาอำนาจบิตคอยน์ของโลก
ทรัมป์โพสต์คำมั่นที่พร้อมโอบรับคริปโทฯ อย่างเต็มตัวของเขาบน Truth Social ว่า “การขุดบิตคอยน์อาจเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของเราต่อเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) รัฐบาลไบเดนเกลียดบิตคอยน์ก็เท่ากับช่วยจีน รัสเซีย และฝ่ายซ้ายสุดโต่ง”

ผลจากจุดยืนใหม่ทางคริปโทฯ คือทรัมป์ได้รับแรงหนุนทางการเมืองและการเงินมหาศาลจากวงการคริปโทฯ ในการเลือกตั้งปี 2024 เขากลายเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคใหญ่คนแรกที่เปิดรับเงินบริจาคเป็นคริปโทฯ อย่างเป็นทางการ โดยมีทั้งการรับสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านกองทุน Trump 47 ถือมูลค่าบิตคอยน์อยู่ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าอีเธอเรียมอีก 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่เบลีย์ บริจาคบิตคอยน์ให้ทรัมป์เพิ่มอีกเกือบ 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ
ไม่เพียงเท่านั้น เม็ดเงินจากกลุ่มธุรกิจคริปโทฯ หลั่งไหลเข้าสู่การเลือกตั้งปี 2024 อย่างไม่เคยมีมาก่อน มีการประมาณว่ามูลค่ารวมจากอุตสาหกรรมคริปโทฯ 245 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของเงินบริจาคทั้งหมดจากภาคเอกชนซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เงินสนับสนุนก็ยังทะลักต่อเนื่องในงานฉลองเข้ารับตำแหน่งเดือนมกราคม 2025 อาทิ บริษัทคริปโทฯ ยักษ์ใหญ่ Ripple บริจาค 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้คณะกรรมการพิธีสาบานตนของทรัมป์
ขณะที่ Coinbase, Kraken และ Circle ต่างก็บริจาคบริษัทละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คงไม่ผิดที่จะกล่าวว่า อุตสาหกรรมคริปโทฯ ได้ผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับทรัมป์ทั้งในเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทางการเงิน
ก้าวปัจจุบันยุทธศาสตร์คริปโทฯ ยุคทรัมป์ 2.0 ปี 2025
เมื่อทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม 2025 เขาก็เดินหน้าผลักดันวาระคริปโทฯ ตามที่หาเสียงไว้อย่างรวดเร็ว ทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหารฉบับแรกที่ประกาศเสริมสร้างความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในเทคโนโลยีการเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทฯ อย่างชัดเจน
พร้อมกับยกเลิกคำสั่งบริหารของไบเดนตั้งแต่ปี 2022 ที่เคยเน้นป้องกันความเสี่ยงจากคริปโทฯ และคุ้มครองผู้บริโภค มาเป็นการอนุญาติให้พลเมืองและภาคเอกชนมีสิทธิใช้เครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะที่เปิดกว้าง ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อคริปโทฯ อย่างสิ้นเชิง
มีการจัดตั้งคณะทำงานประธานาธิบดีด้านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแต่งตั้งเดวิด แซกส์ (David Sacks) นักลงทุนสายเทคโนโลยีและคริปโทฯ ให้มาเป็นที่ปรึกษาพิเศษทำเนียบขาว ทำหน้าที่ประสานงานนโยบายคริปโทฯ และเทคโนโลยี AI ให้กับทั่วทั้งรัฐบาล
รัฐบาลทรัมป์เร่งแก้ปัญหาการกำกับคริปโทฯ ที่เคยขัดแย้งกันในสมัยก่อน โดยเปลี่ยนตัวประธาน ก.ล.ต. (SEC) คนเก่าที่มีท่าทีเข้มงวดมาเป็นคนใหม่ที่เป็นมิตรต่อคริปโทฯ มากขึ้น ทรัมป์เสนอชื่อของพอล แอตคินส์ (Paul Atkins) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง ก.ล.ต. ในยุคประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) และมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาบริษัทคริปโทฯ หลังได้รับการรับรองจากวุฒิสภาในเดือนเมษายน 2025

สร้างคลังบิตคอยน์แห่งชาติ
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของโลกคริปโทฯ ทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหารจัดตั้งคลังสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Bitcoin Reserve) และคลังสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม 2025
โดยให้รัฐบาลกลางเริ่มเข้าซื้อและถือครองสินทรัพย์คริปโทฯ อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการวางยุทธศาสตร์ให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำระดับโลกด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในเชิงนโยบาย เทียบเคียงกับบางประเทศที่สะสมบิตคอยน์เป็นทุนสำรองของชาติ
การประกาศนี้สร้างแรงหนุนเชิงจิตวิทยาอย่างมากต่อตลาดคริปโทฯ สร้างฐานราคาที่แข็งแกร่งให้บิตคอยน์ยืนเหนือ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ เพราะเท่ากับรัฐบาลของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกให้การรับรองสินทรัพย์เหล่านี้อย่างเปิดเผย
ทรัมป์เคยเป็นผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในคริปโทฯ มาก่อน แต่ปัจจุบันกลับพลิกเกมเต็มรูปแบบ นอกจากสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว เขายังเซ็นคำสั่งบริหารจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve แต่งตั้งผู้ประสานงานด้านคริปโทฯ และผลักดันร่างกฎหมายชุดใหม่ รวมถึง GENIUS Act ที่เพิ่งผ่านรัฐสภาด้วยเสียงสนับสนุนจากทั้งสองพรรค
TMTG ได้แปรเปลี่ยนจากโซเชียลมีเดีย Truth Social ที่รายได้ไม่โดดเด่น สู่บริษัทการเงินสายคริปโทฯ อย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ฟินเทค Truth.Fi, สร้างกองทุนลงทุนใน ETF และจับมือ Crypto.com เปิดโปรเจกต์คริปโทฯ หลายรายการ ทั้งยังระดมทุนกว่า 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในรูปแบบหุ้นและ Convertible note เพื่อใช้สร้างคลังบิตคอยน์โดยเฉพาะ
กฎหมายคริปโทฯ GENIUS Act
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 ทรัมป์เซ็นบังคับใช้เป็นกฎหมาย GENIUS Act (Guarding Endorsement of Netbook Innovations and U.S. Securities Act) ซึ่งเป็นชุดกฎหมายครอบคลุมเรื่องการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ (Stablecoins) หรือเหรียญคริปโทฯ ที่ตรึงมูลค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ
ร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาด้วยเสียงสนับสนุนจากทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต กลายเป็นกฎหมายคริปโทฯ ระดับรัฐบาลกลางฉบับแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ทรัมป์ยกย่อง GENIUS Act ว่าเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะทำให้อเมริกาเป็นผู้นำไร้ข้อโต้แย้งด้านสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้ง GENIUS Act ยังจะสร้างกรอบที่ชัดเจนและเรียบง่ายสำหรับสเตเบิลคอยน์ที่มีดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนหลัง และช่วยในการรักษาความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อไป เนื่องจากสเตเบิลคอยน์ต้องใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ และพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นทุนสำรอง
Trump Media เปลี่ยนจากโซเชียลมีเดียสู่ธุรกิจคริปโทฯ
Trump Media & Technology Group (TMTG) เจ้าของแพลตฟอร์ม Truth Social ซึ่งเป็นบริษัทของทรัมป์ ก็มีการพลิกกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในช่วงเวลาเดียวกัน จากเดิมที่ Trump Media พึ่งพาธุรกิจโซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์ที่มีรายได้ค่อนข้างน้อย มีการขาดทุนกว่า 185 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2024 จึงได้ปรับกลยุทธ์มุ่งสู่ธุรกิจการเงินสายคริปโทฯ อย่างเต็มตัว
ในปี 2025 Trump Media ประกาศเข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มพอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท กลยุทธ์นี้คล้ายกับที่บริษัท MicroStrategy ทำ คือเปลี่ยนบริษัทให้กลายเป็นกองทุนถือครองบิตคอยน์ ส่งผลให้ปัจจุบันบิตคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์สองในสามของทรัพย์สินสภาพคล่องทั้งหมดของบริษัท
สรุปนับตั้งแต่ปี 2016 ที่ทรัมป์ยังไม่ให้ความสำคัญกับคริปโทฯ จนถึงปี 2025 ที่เขากลายมาเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายคริปโทฯ เต็มตัว ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พลิกผันแบบ 180 องศา จากคนที่เคยมองบิตคอยน์เป็นภัยคุกคามต่อเงินดอลลาร์ ทรัมป์กลับผันตัวมาเป็นผู้สนับสนุนคริปโทฯ อย่างเต็มกำลัง ทั้งในบทบาทผู้นำประเทศและนักธุรกิจส่วนตัว