(Photo by Laurence Griffiths/Getty Images)

นับว่าเป็นศึกซูเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ เมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์ต้องนำขุนพลเครื่องจักรสีแดง หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของลูกทีมเป็ป กวาร์ดิโอลาอย่างเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นศึกชิงอันดับ1อย่างชัดเจน 

เนื่องจากในตอนนี้อาเซน่อลรั้งจ่าฝูงมี 64 แต้มแต่แข่งมากกว่าทั้งลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ซิตี้อยู่ 1 เกม ส่วนลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 2 ของตารางมีคะแนนอยู่ที่ 63 แต้ม ตามมาด้วยแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่อยู่อันดับ 3 ของตารางมีคะแนนอยู่ที่ 62 แต้ม 

เงื่อนไขง่ายๆ คือใครชนะเป็นจ่าฝูง ซึ่งเกมนี้มีความหมายต่อการลุ้นแชมป์เป็นอย่างมาก ทั้งสอง2ทีมต้องการชนะเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์

ประเด็นดราม่าก่อนเกม

ก่อนเกมการแข่งขันได้มีดราม่าที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร FourFourTwo เกี่ยวกับการแย่งแชมป์กับทางแมนเชสเตอร์ซิตี้ 

ซึ่งเจ้าตัวได้ตอบว่า “มันยากที่จะคว้าแชมป์ เพราะพวกเราต้องต่อสู้กับเครื่องจักรที่สร้างมาเพื่อชนะเท่านั้น นั้นคือคำอธิบายที่ง่ายที่สุดถึงสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมา ถึงพวกเขาจะได้แชมป์ที่มากกว่าเราแต่ถ้วยแชมป์ที่เราได้มีความหมายมากกว่า”  และเทรนต์ยังบอกต่ออีกว่า “สถานะการเงินของทั้ง 2 สโมสรนั้นต่างกัน วิธีการสร้างทีมขึ้นมาไม่เหมือนกัน เพราะสิ่งนี้จึงทำให้แชมป์ที่เราทำได้ มีความหมายกับแฟนบอลมากกว่า” 

พอบทสัมภาษณ์ออกมาทำให้นักเตะของแมนเชสเตอร์ซิตี้เกิดความไม่พอใจ 

เริ่มจากเออร์ลิง ฮาแลนด์กองหน้าแมนเชสเตอร์ซิตี้ ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ผมอยู่ที่แมนเชสเตอร์ซิตี้มา 1 ปี และคว้า 3 แชมป์ได้ มันความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม และผมไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกที่ได้ 3 แชมป์หรอก ว่ามันเป็นอย่างไร ลิเวอร์พูลหรือเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะพูดอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นแต่ผมไม่แคร์หรอก”

ไม่นานหลังจากนั้น รูเบน ดิอาส กองหลังของแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ได้ออกมาโต้เช่นกันว่า “มันชัดเจนว่าความสำเร็จที่ทีมของเราได้นั้น มีความหมายต่อกับพวกเราและแฟนบอลของเรามากแค่ไหน ความสำเร็จของแต่ละคนก็มีคุณค่ากับคนนั้นๆ สิ่งที่เราสนใจมีแค่เรื่องของตัวเอง คือทีมใหญ่เขาจะไม่พูดถึงความสำเร็จของผู้อื่นหรอก ทีมใหญ่จะไม่มีนิสัยชอบไปกำหนดว่าแชมป์ของใครใหญ่ ของใครเล็ก ตามใจตัวเองแบบนี้”

ด้วยประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อนเกมที่ทั้งคู่จะเจอกัน ยิ่งทำให้เกมนี้น่าดูมากขึ้น มันเป็นตัวจุดชนวนความเดือดของเกมนัดนี้ได้เป็นอย่างดี

ฟอร์มการเล่นของทั้ง 2 ทีม และ สถิติที่น่าสนใจ

ลิเวอร์พูลชนะมา 7เกมรวด ไล่มาตั้งแต่

1.ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 (พรีเมียร์ลีก)

2.ชนะ เบรนฟอร์ด 1-4 (พรีเมียร์ลีก)

3.ชนะ ลูตันทาวน์ 4-1 (พรีเมียร์ลีก)

4.ชนะ เชลซี 1-0 (นัดชิง คาราบาวคัพ)  

5.ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-2 (เอฟเอ คัพ)

6.ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 (พรีเมียร์ลีก)

7.ชนะ สปาร์ต้าปราก 1-5 (ยูโรป้าลีก)

สถิติที่น่าสนใจ: ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้เล่นที่แอนฟิลด์ยังไม่แพ้ใคร โดยแบ่งเป็นชนะ 11 เกม เสมอ 2 เกม

สถิติผู้เล่นคนสำคํญ: โมฮาเหม็ด ซาล่าทำไป 11 ประตู กับ 7 แอสซิสต์ จาก 19 เกมหลังสุดที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตี้

MANCHESTER, ENGLAND – APRIL 10: Kevin De Bruyne of Manchester City is challenged by Virgil van Dijk of Liverpool during the Premier League match between Manchester City and Liverpool at Etihad Stadium on April 10, 2022 in Manchester, England. (Photo by Michael Regan/Getty Images)

แมนเชสเตอร์ซิตีชนะมา 5 นัดรวด ไล่มาตั้งแต่

1.ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0 (พรีเมียร์ลีก)

2.ชนะ บอร์นมัธ 0-1 (พรีเมียร์ลีก)

3.ชนะ ลูตันทาวน์ 2-6 (เอฟเอคัพ)

4.ชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 (พรีเมียร์ลีก)

5.ชนะ โคเปนเฮเก้น 3-1 (ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก)

สถิติที่น่าสนใจ: แมนเชสเตอร์ซิตี้ไม่แพ้ใครมา 20 นัดติดต่อกันทุกรายการ โดยแบ่งเป็นชนะ 18 เกม เสมอ 2 เกม

สถิติผู้เล่นคนสำคํญ:ฟิล โฟเด้น ในฤดูกาลนี้ทำไปแล้ว 18 ประตูทุกรายการ ถือเป็นสถิติการทำประตูสูงสุดในอาชีพใน 1 ฤดูกาล

ความพร้อมเรื่องตัวผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูล: ผู้เล่นบาดเจ็บ:โฌแอล มาติป,ดิโอโก โจต้า,เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,อลิสซอน เบ็คเกอร์,ไรอันกราเวนเบิร์ช,สเตฟาน เบจเซติช,เคอร์ติส โจนส์,ติอาโก้ อัลคันตาร่า, ผู้เล่นเช็คฟิต: อิบราฮิมา โกนาเต้ 

ส่วนฝั่งแมนเชสเตอร์ซิตี้: ผู้เล่นบาดเจ็บ:แจ็ค กรีลิช, ผู้เล่นเช็คฟิต:เฌอเรมี่ โดกู ,มาเธอุส นูเนส

5 นัดหลังที่พบกัน

แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะ 2 เกม ลิเวอร์พูลชนะ 2 เกมและเสมอกัน 1 เกม

31/07/2022 ลิเวอร์พูล 3-1 แมนเชสเตอร์ซิตี

17/10/2022 ลิเวอร์พูล 1-0 แมนเชสเตอร์ซิตี

23/12/2022 แมนเชสเตอร์ซิตี 3-2 ลิเวอร์พูล

1/04/2023   แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 ลิเวอร์พูล

25/11/2023 แมนเชสเตอร์ซิตี 1-1 ลิเวอร์พูล

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ฝั่งลิเวอร์พูล ระบบ 4-3-3

ผู้รักษาประตู: ควีวิน เคลเลเฮอร์

กองหลัง:คอเนอร์ แบรดลี่ย์,เฟอร์จิล ฟานไดค์,จาเรลล์ ควอนซาห์,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 

กองกลาง:วาตารุ เอ็นโด,โดมินิค โซบอสซ์ไล,อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

กองหน้า:โมฮาเหม็ด ซาลาห์,ดาร์วิน นูนเญซ,หลุยส์ ดิอาส

ภาพเหมือนด้านบน

 ฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระบบ 3-2-4-1

ผู้รักษาประตู: เอแดร์สัน โมราเอส

กองหลัง: ไคล์ วอล์กเกอร์,รูเบน ดิอาส,นาธาน อาเก้

กองกลาง: จอห์น สโตน,โรดรี้,เควิน เดอร์บอยน์,ฟิล โฟเด้น, แบร์นาโด้ ซิลวา,ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

กองหน้า: เออร์ลิง ฮาแลนด์

ผู้ตัดสินในเกมนี้

Michael Oliver, Referee (Photo by Mike Egerton – PA Images via Getty Images)

ผู้ตัดสินที่ 1 คือ ไมเคิล โอลิเวอร์

ผู้ตัดสินVAR เป็น สจ๊วต แอ็ดเวล

ฟันธงสกอร์

ในเกมนัดแรกที่เล่นที่เอติฮัด สเตเดี้ยมผลจบไปที่ 1-1 โดยแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากเออร์ลิง ฮาแลนด์ ก่อนลิเวอร์พูลจะมาได้ประตูตีเสมอจากเทรนต์ อเล็กซานเดอร์อาร์โนล

ถ้าพูดถึงเกมบิ๊กแมตซ์อะไรก็เกิดขึ้นได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีด้วยกันทั้งคู่ รูปเกมน่าจะออกมาสูสีแต่ละทีมต้องฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งเพื่อลงโทษ 

น่าจะเป็นเกมที่เล่นด้วยความระมัดระวังเพราะถ้าพลาดขึ้นมาโอกาสในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคก็จะยากขึ้นตามไปด้วย ความพร้อมเรื่องตัวผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ซิตีที่มีความพร้อมมากกว่าแต่ลิเวอร์ก็มีความได้เปรียบในเรื่องของแรงใจและการเล่นเป็นเจ้าบ้าน มีโอกาสที่จะออกเสมอค่อนข้างสูง  ขอฟันธงว่าน่าจะจบลงด้วยผลเสมอ สกอร์ที่คาดว่าจบคือ 1-1

สำหรับการแข่งขันในเกมนี้จะมี ในค่ำคืนวันที่ 10 มีนาคม 2024 เวลา 22.45 น.ตามเวลาประเทศไทย  

และนี่อาจจะเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งสุดท้ายระหว่างเจอร์เก้น คล็อปป์ กับ เป็ป กวาร์ดิโอลา ลิเวอร์พูลจะสามารถรักษาจ่าฝูงไว้ได้หรือทางแมนเชสเตอร์ซิตี้จะช่วงชิงแย่งจ่าฝูงมาได้ ในศึกครั้งนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง 

Credit ข้อมูล: ณัฐพล กาญจนะคช