คำท้าต่อยมวยกรงของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของเทสลา (Tesla) ถูกส่งตรงถึง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของเมตา (Meta) เป็นที่เรียบร้อย แถมซักเคอร์เบิร์กยังรับคำท้าด้วยการบอกว่า “ส่งสถานที่มาเลย” ทำให้ใครหลายคนตื่นเต้นอย่างมาก

แต่ความตื่นเต้นก็อยู่กันได้ไม่นาน เพราะไม่มีรายละเอียดใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แถมคุณแม่ของอีลอน คือ เมย์ มัสก์ (Maye Musk) วัย 75 ปี ยังออกมาห้ามปรามลูกชายผ่านทวิตเตอร์ โดยเธอระบุว่า ขอให้ทั้งคู่ต่อสู้กันด้วยวาจาเท่านั้น ด้วยการผลัดกันถามคำถามคนละ 3 ข้อ ใครที่ตลกที่สุดก็ยกให้เป็นผู้ชนะไป

ด้วยคำสั่งห้ามของแม่ ใคร ๆ ก็คิดว่าคงอดดูมวยกรงคู่หยุดโลกนี้แล้วแน่นอน แต่ไม่ใช่กับ ดานา ไวต์ (Dana White) ประธานของ UFC หรือ Ultimate Fighting Championship สมาคมผู้จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (และแน่นอนว่ารวมถึงมวยกรงด้วย!) ออกมาเปิดเผยว่า เขาได้ต่อสายตรงถึง 2 ซีอีโอแล้ว และมวยกรงคู่หยุดโลกนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ไวต์เปิดเผยว่า เขาได้พูดคุยกับซักเคอร์เบิร์กก่อน โดยซีอีโอหนุ่มคนนี้ออกอาการตกใจเล็กน้อย และถามกลับว่า “ตกลงเรื่องนี้จริงจังใช่ไหม?” ไวต์จึงต่อสายไปหามัสก์เพื่อขอคำยืนยัน ซึ่งมัสก์ตอบกลับมาว่า “เอาจริงแน่นอน”

UFC president Dana White
ดานา ไวต์ (Dana White) ประธานของ UFC

ความเคลื่อนไหวของไวต์ แม้จะดูเป็นการเติมเชื้อไฟให้คนต่อยกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่คือโอกาสทองทางธุรกิจของ UFC โดยไวต์ระบุว่า ตามปกติแล้วการจ่ายเงินเพื่อการชม (Pay-Per-View) ของ UFC แบบมาตรฐานมีค่าใช้จ่าย 80 เหรียญ (ราว 2,800 บาท) แต่คู่ของ 2 ซีอีโอนี้ ไวต์กล่าวว่า เขาจะตั้งราคาไว้ที่ 100 เหรียญ (ราว 3,500 บาท)

ไวต์กล่าวว่า “ศึกนี้น่าจะเป็นนัดหยุดโลกในประวัติศาสตร์การถ่ายทอดสดมวย และมันจะทำลายทุกสถิติการจ่ายเงินเพื่อการชมทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องสูงกว่าปกติด้วย” โดยไวต์ยังเปิดเผยอีกว่า ตอนนี้เขากำลังจัดเตรียมรายละเอียดสำหรับสังเวียนของ 2 ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการแข่งขัน สถานที่ วัน เวลา รวมถึงเสื้อเชิ้ตที่ระลึกที่เขาถ่ายรูปลงทวิตเตอร์แล้ว!

ตามปกติแล้วการจัดมวยคู่พิเศษ มักมีส่วนแบ่งรายได้ให้กับนักมวยเป็นจำนวนมหาศาล โดยสถิติสูงสุดของราคา Pay-Per-View ในตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (Floyd Mayweather ) กับ คอนเนอร์ แมคเกรเกอร์ (Conor McGregor) ซึ่งแมตช์นี้สามารถกวาดรายได้ไปมาก 600 ล้านเหรียญ (ราว 21,150 ล้านบาท) โดยเมย์เวทเธอร์ซึ่งเป็นผู้คว้าชัยชนะหอบเงินกลับบ้านไปทั้งสิ้น 275 ล้านเหรียญ (9,600 ล้านบาท)ในขณะที่แมคเกรเกอร์รับไป 85 ล้านเหรียญ (3,000 ล้านบาท)

แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่า มัสก์ครองสถานะอันดับ 1 ในทำเนียบบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และซักเคอร์เบิร์กเองก็ไม่ใช่คนยากไร้ (แม้ว่าแพลตฟอร์มของเขาจะปลดพนักงานออกเรื่อย ๆ ก็ตาม) ทำให้การแข่งขันมวยคู่พิเศษระหว่าง 2 ซีอีโอนี้ จึงอาจเป็นไปในรูปแบบการกุศล แล้วนำเงินรางวัลกับส่วนแบ่งที่ได้รับไปบริจาคให้กับมูลนิธิที่แต่ละคนต้องการมากกว่า

สำหรับประวัติด้านกีฬาของ 2 ว่าที่นักชกนั้น หลายคนมองว่าซักเคอร์เบิร์กมีความพร้อมกว่ามากด้วยวัยเพียง 39 ปี และยังมีทักษะทางกีฬาที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง 5 กิโลเมตรภายใน 20 นาที หรือการคว้ารางวัลในการแข่งขันบราซิลเลียนยิวยิตสู

ในขณะที่มัสก์วัย 51 ปีนั้น ออกมาบอกว่าเขาฝึกฝนยูโดและเคียวคุชิน ซึ่งเป็นสายหนึ่งของคาราเต้ นอกจากนี้ ยังเคยออกมาท้าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ผู้นำรัสเซีย ให้มาสู้กับเขาตัวต่อตัวโดยมียูเครนเป็นเดิมพันมาแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงคำพูด (และข้อความทวีต) ที่ไม่เคยมีใครยืนยันได้จริง

ที่มา : CNBC

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส