บริษัทดิลิเวอรีอาหารและสินค้าแอปฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง Swiggy และ Zomato กำลังประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดการดิลิเวอรีสินค้าด่วนภายใน 10 นาที ซึ่งเรียกว่า Quick Commerce ในอินเดีย

Quick Commerce (Q-Commerce) คือรูปแบบธุรกิจการจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันให้แก่ผู้บริโภคภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยทั่วไปมักใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที นับตั้งแต่รับออร์เดอร์ เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็ว

ซึ่งทาง Goldman Sachs คาดการณ์ว่าตลาดการค้าขายอย่างรวดเร็วของอินเดียมีมูลค่าปัจจุบัน 5,000 ล้านเหรียญ (183,000 ล้านบาท) ของตลาดร้านขายของชำออนไลน์ของอินเดียที่มีมูลค่า 11,000 ล้านเหรียญในปัจจุบัน และจะเติบโตเป็น 60,000 ล้านเหรียญ ภายในปี 2030 โดยครองสัดส่วน 70% ของตลาดค้าปลีกออนไลน์ทั้งหมด เนื่องจากผู้ซื้อให้ความสำคัญกับความสะดวกและรวดเร็ว

ยิ่งเร็ว ยิ่งได้ใจลูกค้า

วิถีชีวิตของชาวอินเดียพึ่งพาการไปร้านขายของชำเล็ก ๆ ในละแวกใกล้เคียงมานานแล้ว หรือรับบริการจัดส่งฟรีจากร้านค้าผ่านคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์อยู่แล้ว ก่อนที่  E-commerce จะเพิ่มขึ้นโดย Amazon และ Walmart รวมถึง Flipkart แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศอินเดียเอง

โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเหล่า E-commerce ยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ เสนอการจัดส่งภายในวันเดียวกันหรือวันถัดไปขึ้นอยู่กับสถานที่นั้น แต่มันยังคงไม่ได้รวดเร็วเท่ากับร้านขายของชำอย่าง Swiggy และคู่แข่งอย่าง Zepto และ Zomato’s Blinkit ซึ่งต่างแข่งกับเวลาเพื่อส่งคำสั่งซื้อภายใน 10 นาที กลายเป็นผู้นำกระแส Q-Commerce ที่กำลังบูม

สุมัต โชปรา หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษา Kearney กล่าวว่า บริษัทการค้าด่วนนี้ได้รับประโยชน์จากความพร้อมของพื้นที่คลังสินค้าที่คุ้มค่า และตอบสนองนิสัยผู้บริโภคชาวอินเดียมาเป็นเวลานานในการสั่งซื้อสินค้าเพียงไม่กี่รายการจากร้านค้าในละแวกใกล้เคียงทางโทรศัพท์

รอยเตอร์สรายงานว่า ลูกค้าของแอปฯ Swiggy จะสั่งมะม่วงลูกเดียวด้วยซ้ำ แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าการเดินไปร้านใกล้เคียงประมาณ 2 เท่าก็ตาม เพราะผู้บริโภคจำนวนมากยินดีจ่ายเงินเพื่อประหยัดเวลา

ผลกระทบของพฤติกรรมบริโภค ทำให้ร้านชำอยู่ยาก

โมเดลธุรกิจนี้กำลังสร้างปัญหาให้กับร้านค้าปลีกรายย่อยดั้งเดิมนับล้านทั่วอินเดีย ทำให้ต้องเผชิญกับแรงกดดัน ซึ่งเคยเป็นตลาดหลักของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้แอปฯ สั่งซื้อสินค้าด่วนอย่างผลไม้และนมได้ภายในไม่กี่นาทีแทน

ธุรกิจของเปรม ปาเทล ร้านขายของชำย่านชานเมืองมุมไบนั้นยอดขายรายวันลดลงครึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 25,000 รูปี (ประมาณ 11,000 บาท) และยอดขายต่อเดือนลดลง 10%-60% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของแอปฯ เพื่อการพาณิชย์อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า “ไม่มีใครซื้อนมจากห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตอีกต่อไป มันเคยเป็นจุดแข็งของเรา แต่แอปฯ พวกนี้มันเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง”

และ Hiren Gandhi ซึ่งเป็นประธานสมาคมค้าปลีกในรัฐคุชราฏ เสนอขอให้สมาชิกสร้างกลุ่ม WhatsApp เพื่อรับคำสั่งซื้อและส่งสินค้าอย่างรวดเร็วในรัศมี 6.4 กิโลเมตร ซึ่งตอนนี้มีร้านค้าประมาณ 500 แห่งได้ดำเนินการพยายามใช้นวัตกรรมเพื่อรักษาธุรกิจร้านชำของตนไว้

รายได้โตมหาศาล แต่ยังไม่มีกำไร

บริษัท Swiggy ซึ่งเริ่มต้นเป็นธุรกิจดิลิเวอรีอาหาร กำลังให้ความสำคัญกับธุรกิจดิลิเวอรีสินค้ากรณีด่วนมากขึ้น โดยได้เพิ่มจำนวนคลังสินค้าเป็นสองเท่าถึง 500 แห่งใน 25 เมืองในปีที่แล้ว และมีแผนจะขยายเป็น 750 แห่งภายในเมษายน 2025 ที่คลังสินค้าของ Swiggy พนักงานต้องทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อจัดเตรียมสินค้าให้ได้ภายใน 1 นาที 30 วินาที มีจอแสดงเวลาเตือนเป็นสีแดงหากทำงานช้า ขณะที่คนขี่รถมอเตอร์ไซค์ของ Swiggy สวมเสื้อสีส้มสดใสต้องรีบเร่งจัดส่งสินค้าไปยังผู้สั่งซื้อที่อยู่ไม่ไกล

แต่ผู้บริหารของ Swiggy กล่าวว่า ธุรกิจยังคงขาดทุนอยู่ แม้ว่ามูลค่าการสั่งซื้อต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าจาก 340 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2564 เป็น 1,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนปี 2566

ส่วนคู่แข่งอย่าง Zomato นั้น ซื้อกิจการ Blinkit ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิลิเวอรีสินค้าด่วนมาเสริมธุรกิจหลักในปี 2565 และ Blinkit คาดว่าจะทำยอดสั่งซื้อมูลค่า 2,700 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเกือบ 60% ของยอดสั่งซื้อประมาณการปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้จะทำรายได้มหาศาลทั้ง Swiggy และ Zomato แต่ยังไม่สามารถทำกำไรจากธุรกิจดิลิเวอรีสินค้าด่วนนี้ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูงในการขยายสาขาและการส่งเสริมการตลาด จึงพยายามขยายไปสู่สินค้าประเภทอื่นที่มีอัตรากำไรสูงกว่า เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และของขวัญ

โดยรวมแล้ว Quick Commerce กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคชาวอินเดียอย่างมาก และนับเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจค้าปลีกรายย่อยแบบดั้งเดิม ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่ออยู่รอด