การเงินดิจิทัลของผู้บริโภคไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในรอบทศวรรษ ผ่านการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” หรือ Buy Now, Pay Later (BNPL) ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการชำระเงินดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
ศูนย์วิจัยตลาดหลายแห่งได้มีการคาดการณ์ว่า ตลาด BNPL ในประเทศไทยจะเติบโตสูงถึง 16 เท่าในช่วงปี 2021 ถึง 2028 จากมูลค่า 893 ล้านเหรียญ สู่ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 5.5 แสนล้านบาท
การเติบโตอย่างมหาศาลนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งได้รับการเร่งปฏิกิริยาจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย รวดเร็ว และประสบการณ์ดิจิทัลเป็นอันดับแรก บริการอย่าง SPayLater ของ Shopee หรือ LazPayLater ของ Lazada ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในหน้าชำระเงินออนไลน์ เสนอทางเลือกในการครอบครองสินค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก
ความสะดวกสบายที่บริการซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง แท้จริงแล้วเป็น “โอกาส” หรือ “กับดัก” กันแน่? เนื่องจากการเปิดประตูสู่การเข้าถึงสินเชื่อให้กับกลุ่มประชากรที่อาจไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมได้ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักศึกษา หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความง่ายดายในการเข้าถึงนี้กลับสร้างความกังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริบทของประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้ครัวเรือนในระดับสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย การกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่เกินตัวโดยขาดการคิดมาอย่างดี อาจเป็นชนวนที่ซ้ำเติมปัญหาหนี้สินให้รุนแรงยิ่งขึ้น
หลักการทำงาน Buy Now, Pay Later
Buy Now, Pay Later (BNPL) คือรูปแบบหนึ่งของสินเชื่อระยะสั้นประเภทไม่มีหลักประกัน (Unsecured Lending) ที่ถูกนำเสนอบนแพลตฟอร์มออนไลน์หรือร้านค้าออฟไลน์
หัวใจหลักของบริการนี้คือการอนุญาตให้ผู้บริโภคสามารถรับสินค้าหรือบริการไปก่อนได้ทันที แต่ชำระเงินค่าสินค้าในภายหลังเป็นงวด ๆ ตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 3 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและมูลค่าของสินค้า
กระบวนการทำงานของ BNPL ถูกออกแบบมาให้เรียบง่ายและรวดเร็วที่สุด โดยเมื่อลูกค้าเลือกชำระเงินด้วยวิธีนี้ ระบบจะทำการอนุมัติสินเชื่อแทบจะในทันที โดยใช้ข้อมูลเพียงเล็กน้อยในการประเมินความเสี่ยง จากนั้นลูกค้าอาจต้องชำระเงิน ด้วยการหักโดยอัตโนมัติจากบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) ที่ผูกไว้
โมเดลธุรกิจของ BNPL ในตลาดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก
- โมเดลที่ดำเนินการโดยร้านค้าเอง (Online-Merchant Model): คือกรณีที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่พัฒนาบริการ BNPL ของตนเองขึ้นมาเพื่อใช้ภายในระบบนิเวศของแพลตฟอร์มนั้นๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ SPayLater ของ Shopee และ LazPayLater ของ Lazada ซึ่งบริการเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับบัญชีผู้ใช้และประวัติการซื้อขายบนแพลตฟอร์มโดยตรง
- โมเดลที่ดำเนินการโดยบุคคลที่สาม (Online-3rd Party Model): คือกรณีที่บริษัทฟินเทค (Fintech) ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของร้านค้า พัฒนาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์ม BNPL ขึ้นมา แล้วไปจับมือเป็นพันธมิตรกับร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์จำนวนมาก เพื่อนำเสนอบริการ BNPL เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชำระเงินให้กับลูกค้าของร้านค้าเหล่านั้น
ความสำเร็จของ BNPL เกิดจากปัจจัยหลายประการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ ความสะดวกสบายและการอนุมัติที่รวดเร็วต่างจากบัตรเครดิตที่ต้องผ่านกระบวนการสมัครที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน BNPL ตัดขั้นตอนเหล่านี้ออกไป ทำให้การตัดสินใจซื้อและการทำธุรกรรมเสร็จสิ้นได้ในไม่กี่คลิก
นอกจากนี้เงื่อนไขปลอดดอกเบี้ย 0% หากชำระคืนตรงตามกำหนดเวลา ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้บริโภคที่ทรงพลัง ทำให้การผ่อนชำระดูเหมือนไม่มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มเติม
กรณีศึกษา: SPayLater และผู้เล่นในตลาดไทย
หากจะกล่าวถึงผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในตลาด BNPL ของไทย คงหนีไม่พ้น SPayLater ซึ่งเป็นบริการของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Shopee 11 SPayLater ถือเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของโมเดล Online-Merchant ที่ผสานบริการสินเชื่อเข้ากับระบบนิเวศของตนเองได้อย่างไร้รอยต่อ ผู้ใช้สามารถใช้วงเงินที่ได้รับจาก SPayLater เพื่อซื้อสินค้าทุกประเภทบน Shopee รวมถึงใช้ชำระบิลค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้อีกด้วย
จุดเด่นที่ทำให้ SPayLater ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ เกณฑ์การสมัครที่เข้าถึงง่ายอย่างเหลือเชื่อ ผู้ที่สนใจสมัครใช้บริการเพียงแค่ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสารแสดงรายได้หรือสลิปเงินเดือนใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม บริการนี้มักจะเปิดให้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับเชิญจาก Shopee เท่านั้น ซึ่งเกณฑ์การเชิญมักจะพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้งานและความถี่ในการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์ม การอนุมัติวงเงินจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงบัตรเครดิตได้ นอกเหนือจาก SPayLater แล้ว ยังมีผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ในตลาด เช่น LazPayLater ของ Lazada ซึ่งใช้โมเดลธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงผู้ให้บริการฟินเทคที่เป็นบุคคลที่สามอีกหลายราย การแข่งขันที่เข้มข้นนี้ยิ่งผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและโปรโมชันที่ดึงดูดใจผู้บริโภคมากขึ้น ส่งผลให้ตลาด BNPL ในไทยขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ส่องโอกาสและความเสี่ยงของบริการซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง
บริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” (BNPL) ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อและเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ผู้บริโภคสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อให้กลุ่มที่ปกติไม่ผ่านเกณฑ์ของธนาคาร เช่น ผู้มีรายได้น้อย
สำหรับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs บริการนี้ช่วยกระตุ้นยอดขาย เพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ เพราะผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบการติดตามหนี้สินเอง
อย่างไรก็ตาม ความง่ายดายของ BNPL อาจนำไปสู่การใช้จ่ายเกินตัวและสร้างกับดักหนี้ให้กับผู้บริโภคได้ หากผิดนัดชำระจะต้องเผชิญกับค่าปรับและดอกเบี้ยที่สูงมาก ซึ่งอาจทำให้หนี้สินพอกพูนอย่างรวดเร็ว
ในระดับมหภาค บริการนี้ก่อให้เกิดหนี้ที่มองไม่เห็น ในระบบ เนื่องจากข้อมูลไม่ได้ถูกส่งให้เครดิตบูโร ทำให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงของผู้กู้ต่ำกว่าความเป็นจริง และอาจนำกลุ่มเปราะบางเข้าสู่วงจรหนี้ได้ง่ายขึ้น
เทียบหมัดต่อหมัด ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง ปะทะ บัตรเครดิต
การมาถึงของ BNPL ได้สร้างการแข่งขันโดยตรงกับบัตรเครดิต ซึ่งเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อเพื่อการบริโภคมาอย่างยาวนาน การเปรียบเทียบคุณลักษณะในมิติต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงจุดเด่น จุดด้อย และเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมกับตนเองได้ดียิ่งขึ้น
ด้านการเข้าถึง
BNPL ง่ายและเร็ว อนุมัติไวแทบทันที แค่ใช้บัตรประชาชน ไม่เช็กเครดิตบูโร เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีรายได้ประจำ
บัตรเครดิต ซับซ้อนกว่า ต้องใช้เอกสารรายได้ สลิปเงินเดือน มีกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำ และตรวจสอบประวัติทางการเงินละเอียด ใช้เวลาอนุมัตินาน
ด้านค่าใช้จ่าย
BNPL ล่อใจด้วยดอกเบี้ย 0% ในช่วงแรก แต่ถ้าจ่ายช้าจะเจอค่าปรับและดอกเบี้ยผิดนัดที่สูงมาก อาจถึง 25% ต่อปี
บัตรเครดิต มีโปรผ่อน 0% ยาวนานกว่า กับร้านค้าพันธมิตรมากมาย หากจ่ายไม่เต็มจำนวนจะมีดอกเบี้ยตามกฎหมาย ไม่เกิน 16% ต่อปี
ด้านสิทธิประโยชน์
BNPL สิทธิประโยชน์จำกัด ส่วนใหญเป็นส่วนลดหรือโปรโมชันในร้านค้าหรือแพลตฟอร์มที่ร่วมรายการเท่านั้น
บัตรเครดิต หลากหลายและครอบคลุมกว่า มีทั้งคะแนนสะสม เครดิตเงินคืน บริการห้องรับรองสนามบิน ประกันเดินทาง และส่วนลดทั่วโลก
ด้านผลกระทบต่อประวัติทางการเงิน
BNPL การจ่ายตรงเวลา ยังไม่ช่วยสร้างเครดิต ในระบบเครดิตบูโร แต่หากผิดนัดชำระ อาจถูกรายงานและส่งผลเสียในอนาคตได้
บัตรเครดิต การใช้งานอย่างมีวินัยและจ่ายตรงเวลา เป็นวิธีสำคัญในการสร้างเครดิตสกอร์ที่ดี ซึ่งจำเป็นต่อการขอสินเชื่อใหญ่ๆ เช่น สินเชื่อบ้านหรือรถยนต์ในอนาคต
ท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ที่มอบความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน, มันกำลังสร้างวัฒนธรรมการเป็นหนี้ที่น่ากังวลให้กับสังคมไทยโดยไม่รู้ตัวใช่หรือไม่?
และท้ายที่สุดแล้ว นวัตกรรมทางการเงินที่เข้าถึงง่ายนี้ จะเป็นบันไดสู่โอกาส หรือเป็นเพียงกับดักที่นำไปสู่วิกฤตหนี้ครัวเรือนระลอกใหม่กันแน่?