โทบีย์ แมไกวร์ (Tobey Maguire) เริ่มเป็นที่รู้จักในปลายยุค 90s จากหนังอาร์ตคุณภาพหลายเรื่อง อาทิ ‘Pleasantville’ (1998) และ ‘The Cider House Rules’ (1999) แต่ยังไม่ได้ดังเปรี้ยงสำหรับนักดูหนังทั่วโลกเพราะยังไม่เคยเล่นหนังระดับบล็อกบัสเตอร์

ในตอนนั้นผู้กำกับ แซม ไรมี (Sam Raimi) หมายตาแมไกวร์เป็นตัวเลือกแรกให้มารับบทปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่อง ‘The Cider House Rules’ แต่สตูดิโอโซนีคิดว่าแมไกวร์เป็นนักแสดงแนวอาร์ต/อินดี ไม่เหมาะที่จะมาสวมบทเป็นซูเปอร์ฮีโร “พวกเขาบอกว่า เราชอบเขานะในฐานะนักแสดง แต่เราไม่แน่ใจว่าเขาเหมาะกับบทนี้” แมไกวร์เล่า “แซม ไรมี ต่อสู้เพื่อผม และมันก็ยาก ผมเลยต้องสู้เพื่อเขา แต่เขาก็ช่วยผลักดันและเอาจริงเอาจังมากที่จะให้ผมเล่น” ตอนนั้นโซนีวางตัว จู้ด ลอว์ (Jude Law) และเฟรดดี พรินซ์ จูเนียร์ (Freddie Prinze Jr.) ให้มารับบทสไปเดอร์แมน

“เราทดสอบบทในห้องเล็ก ๆ ถ่ายวิดีโอเทปไว้ แล้วเขาก็ขอเวลาสองอาทิตย์ในการตัดสินใจ” หลังจากที่สตูดิโอได้ดูเทปก็เริ่มเห็นด้วยว่าแมไกวร์แสดงได้ดี แต่ก็อยากเห็นการเล่นฉากแอ็กชัน “เราเลยถ่ายสกรีนเทสต์กันแบบจริงจัง ผมใส่ชุดรัดรูปสีน้ำเงิน เพื่อให้เห็นรูปร่างผมได้ชัดเจน แล้วผมก็ถลกชุดท่อนบนลง และต่อสู้ในแบบเปลือยอก” แมไกวร์เล่า

สุดท้ายสตูดิโอตอบตกลงและให้แมไกรว์เซ็นสัญญารับบทปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หรือสไปเดอร์แมน ด้วยค่าตัว 4 ล้านเหรียญ และหลังจากที่หนังกวาดรายได้ถล่มทลายถึง 825 ล้านเหรียญ แมไกวร์ก็ได้ส่วนแบ่งจากหนังไปอีก 15 ล้านเหรียญ รวมทั้งได้รับการเสนอให้เล่นภาคต่อ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ทั้งภาค 2 ในปี 2004 และภาค 3 ในปี 2007 สรุปหนัง ‘Spider-Man’ ที่โทบีย์ แมไกวร์ แสดงนำสามารถทำเงินทั้งสามภาครวมไปถึง 2,500 ล้านเหรียญ

อ้างอิง:
https://rb.gy/5gjjsf
https://rb.gy/wfdd7v

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส