ก่อนดูก็สงสัยนะ ว่าพล็อตเพียงแค่การพบปะกันของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่จากโลกบันเทิงและโลกการเมือง ที่ไม่เคยมีการเปิดเผยว่าทั้ง 2 คนนี้คุยอะไรกัน จะหยิบมาขยายเป็นหนังยาวเรื่องหนึ่งได้อย่างไร แต่เมื่อได้ดูก็ชื่นชมกับทีมเขียนบท ที่เอาพล็อตสั้น ๆ มาขยายเป็นเรื่องราวได้อย่างลื่นไหล ดูสนุกและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน แต่กระนั้นทางผู้สร้างก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปิดตัวหนังในวงกว้างเพราะเป็นหนังที่ไม่ใช่แนวตลาด เลยเลือกเปิดตัวในเทศกาลหนัง แล้วก็ขายสิทธิ์ให้กับ Amazon.com ที่นำหนังออกฉายแบบจำกัดโรงเมื่อเมษายนแล้ว Amazon ก็เลือกทำตลาดออนไลน์และดีวีดีแทน

elvis_and_nixon_H_0116.f902e4e5ffcffb0dfac14894b2536e4b

ถึงแม้เป็นหนังฟอร์มเล็ก ที่สร้างโดยสตูดิโอเล็ก ๆ แต่หนังก็ได้ดารามีชื่อมาร่วมงานกันเพียบทั้ง เควิน สเปซีย์ และ ไมเคิล แชนนอน 2 ดารานำที่อดีตต่างก็เคยเป็นตัวร้ายของ ซูเปอร์แมนกันมาแล้วทั้งคู่ เควิน เคยเป็นเล็กซ์ ลูเธอร์ ใน Superman Return (2006) และไมเคิล แชนนอน เป็นนายพลซอด จาก Man Of Steel (2013) แล้วก็ยังมีโคลิน แฮงค์ , จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์ , อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์ และ อีวาน ปีเตอร์ ที่รู้จักกันจากบท ควิก ซิลเวอร์ ที่เพิ่งโชว์เท่ไปใน X-Men:Apoccalypse เรื่องราวของ เอลวิส พบ นิกสัน นั้นเคยสร้างมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นหนังฉายทีวีชื่อ Elvis Meets Nixon ออกฉายเมื่อปี 1997 รอบนั้นได้บ๊อบ กันตัน มารับบท นิกสัน พอมาเป็น เควิน สเปซีย์ ผมว่าเป็นนิกสัน เวอร์ชั่นที่ดูละม้ายตัวจริงสุดแล้ว ทั้งการเมคอัพและการทำการบ้านมาอย่างดีด้วยการเลียนบุคลิกการเคลื่อนไหวและการพูด เป็นนิกสันที่ผมว่าเหมือนกว่า แฟรงค์ แลงเจลา ใน Frost/Nixon (2008) เสียอีก นับว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ เควิน สวมบทเป็นประธานาธิบดี จากที่เขาเคยรับบทประธานาธิบดี ฟรานซิส อันเดอร์วูด ในซีรีส์ House Of Cards ที่ลากยาวมาถึงซีซัน 4 แล้ว ส่วนไมเคิล แชนนอน เป็นตัวเลือกที่ 2 หลังจากทีมงานพลาดจากอีริค บาน่า ที่เป็นตัวเลือกแรก ไมเคิล เป็นเอลวิส ที่น่าจะดูขัดตาสำหรับแฟน ๆ เอลวิส เพราะไมเคิล แก่กว่าเอลวิสในวันนั้นถึง 7 ปีและภาพลักษณ์ของไมเคิล ภายใต้ทรงผมและชุดของเอลวิสดูไม่ขึ้นกล้อง ไม่ใช่เอลวิสที่หล่อและมีเสน่ห์เลย ยิ่งเห็นภาพเปรียบเทียบกับตัวจริงยิ่งเห็นความแตกต่างได้ชัด แต่ด้วยบทที่คอยพยุงให้เขาเป็นเอลวิสที่มีสีสันและเป็นตัวปล่อยมุกก็ เลยพาเรื่องราวให้น่าติดตามไปได้ตลอดรอดฝั่ง

elvis and nixon

ส่วนที่ทำให้หนังออกมาดูสนุกต้องยกให้ 3 นักแสดง แครี เอลเวส,โจอี้ และ ฮานาลา ซากาล คู่หลังเป็นผัวเมียที่หย่ากันตั้งแต่ปี 2012 แต่ก็ยังทำงานร่วมกันรวมถึงเขียนบทเรื่องนี้ด้วย ฮานาลา เขียนบทหนังมาหลายเรื่องแล้ว แต่ทั้งแครี และ โจอี้ เขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็คงจะมีมุกสดใหม่อัดแน่นจากประสบการณ์ทำงานปล่อยมาเพียบในบทหนัง ทำให้หนังมีเสียงหัวเราะได้แบบไม่ขาดช่วง หนังฉลาดที่เลือกปูแนะนำตัวนิกสันไม่นาน แล้วหันไปเล่าทางฝั่งเอลวิสเสียมากกว่า ในเรื่องนี้เอลวิสอยู่ในวัย 35 แต่งงานและมีลูกสาวแล้ว เป็นเอลวิส ยุคที่ดังที่สุด บทหนังค่อนข้างยกย่องมาก ตัวละครในเรื่องเรียกเอลวิสว่า “The King”เสมอ และใช้คำว่า “เอนเตอร์เทนเนอร์ระดับโลก” เอลวิส เกิดผุดความคิดขึ้นมาว่ารู้สึกห่วงใยเยาวชนของอเมริกาและอยากทำประโยชน์ให้ประเทศชาติด้วยการเสนอตัวเป็น สายลับนอกเครื่องแบบของ FBI คอยทำหน้าที่ชักจูงแฟนเพลงของเขาให้ห่างไกลยาเสพติด และจะหาเบาะแสเรื่องพ่อค้ายาให้ แต่ระดับเอลวิส จะให้ดุ่ม ๆ ไปสมัครไม่ได้เลยต้องขอเสนอตัวกับนิกสันเองเลย เริ่มด้วยการร่างจดหมายด้วยลายมือแล้วไปส่งกับป้อมยามทำเนียบขาว เลยกลายเป็นเรื่องราวแตกตื่นในทำเนียบขาวว่า เดอะคิง มาขอพบนิกสัน ทั้งทีมงานต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้พบเดอะคิง เรื่องสนุกตรงที่ทีมงานทำเนียบขาวและผู้ช่วยของเอลวิสต่างก็ลุ้นกันวางแผนกันว่าจะทำอย่างไรให้นิกสันยอมพบเอลวิส รวมถึงมุกที่เล่นเกี่ยวกับความดังของเอลวิส ที่ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนกรี๊ดกร๊าดแตกตื่น และใช้ความเป็นเอลวิส เอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เสมอ จนถึง 20 นาทีสุดท้ายที่เป็นหัวใจของเรื่อง ที่เอลวิส และ นิกสัน ได้พบหน้ากัน ก็ได้หัวเราะไปกับความกวนของเอลวิส ที่คอยป่วนประสาทนิกสันและทีมงานกลายเป็นมุกที่ฮาได้ดัง ๆ บวกกับหัวข้อการสนทนาที่จิกกัด เดอะ บีทเทิลส์ แบบตรง ๆ

elvis_nixon_3-large_trans++OfbQuL7vt0ioTIEx8Tqi0FgQYydLoD49TznpdCvx63E

หนังจบแบบหนังประวัติศาสตร์ทั่วไป ด้วยการโชว์ภาพจริงของเอลวิส และ นิกสัน และความเป็นไปของบรรดาตัวละครหลัก ๆ ในเรื่อง  ที่ทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกา เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในสัปดาห์ที่กระแสฝูงชนต่างแห่กันไปดู ID4:Resurgence ถึงแม้หนังจะสั้นเพียงแค่ 1ชั่วโมง 20 นาที แต่ก็เป็นหนังที่ดูแล้วผ่อนคลาย ได้หัวเราะเกินคาด สมกับที่นักวิจารณ์ต่างประเทศต่างเทคะแนนบวกให้มากมาย

Play video