เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีข่าวว่าผู้กำกับเจ้าของฉายาพ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ได้ถ่ายมิวสิกวิดีโอตัวแรกในชีวิตด้วย iPhone 13 Pro ในบทเพลง “Cannibal” ผลงานเดี่ยวของ มาร์คัส มัมฟอร์ด (Marcus Mumford) จากวงอัลเทอร์เนทีฟโฟล์กชื่อดัง ‘Mumford and Sons’ ซึ่งสปีลเบิร์ก ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลังจริง ๆ

ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เราเกิดความสนใจว่างานมิวสิกวิดีโอจริง ๆ แล้วก็เป็นพื้นที่ในการแสดงฝีไม้ลายมือที่ดีของผู้กำกับภาพยนตร์ ในวันนี้ Beartai Buzz เลยขอรวบรวมงานเอ็มวีเจ๋ง ๆ ที่กำกับโดยผู้กำกับหนังชื่อดังมาฝากให้ได้ชมกัน

Cannibal” – Marcus Mumford กำกับโดย Steven Spielberg

ถ่ายหนังชวนว้าวมาหลายต่อหลายเรื่อง จนได้รับฉายาว่า ‘พ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด’ ไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Speilberg) ก็ไม่เคยถ่ายมิวสิกวิดีโอเลยสักครั้ง จนล่วงเลยมาสู่ยุคดิจิทัลที่มือถือเครื่องเล็ก  ๆ นั้นมีประสิทธิภาพไม่แพ้กล้องตัวใหญ่ ๆ ในการถ่ายทอดภาพที่ทรงพลังเลย

ด้วยเหตุนี้สปีลเบิร์กก็เลยหันมาจับ iPhone 13 Pro และลองถ่ายมิวสิกวิดีโอตัวแรกในชีวิตดูสักครั้ง โดยเป็นผลงานเพลง “Cannibal” ผลงานเดี่ยวของ มาร์คัส มัมฟอร์ด (Marcus Mumford) จากวงอัลเทอร์เนทีฟโฟล์กชื่อดัง ‘Mumford and Sons’

สปีลเบิร์กใช้เทคนิควิธีที่เรียกว่า ‘Oner’ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘Long Take’ อันเป็นเทคนิควิธีที่ขึ้นชื่อลือชาสำหรับสปีลเบิร์กมาเนิ่นนาน อันเราจะเห็นได้จากการควบคุมกล้องและการวางภาพอันแยบคายของเขา สปีลเบิร์กถ่ายทำมิวสิกวิดีโอตัวนี้กับ เคต แคปชอว์ (Kate Capshaw) ภรรยาของเขาที่ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ อาร์ตไดเร็กเตอร์และผู้ควบคุมดอลลี (ที่เป็นเพียงเก้าอี้เลื่อนเท่านั้น !) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเพราะในขณะที่หนังของสปีลเบิร์กส่วนใหญ่ใช้ทุนมหาศาลและมีสเปเชียลเอฟเฟกต์ตื่นใจมากมาย แต่ในมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ทุกอย่างกลับเรียบง่ายแต่ทว่ายังคงไว้ซึ่งพลังในแบบฉบับของสปีลเบิร์กอยู่ ทำให้ผลงานชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความสามารถของสปีลเบิร์กบนอุปกรณ์ที่เรียบง่ายแล้ว แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ได้ชมอยากลองหยิบจับไอโฟนของตัวเองมาทำอะไรแบบนี้ดูสักทีบ้างเหมือนกัน

Vogue” – Madonna กำกับโดย  David Fincher

เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) เป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ จากผลงานภาพยนตร์ชื่อดังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Alien 3 (1992), Fight Club (1999),Se7en (1995) หรือว่า Gone Girl (2014) ก่อนหน้าที่เขาจะสร้างชื่อจากงานภาพยนตร์ ฟินเชอร์ได้กำกับมิวสิกวิดีโอเอาไว้หลายสิบเพลงในยุค 80s และต้นยุค 90s ให้กับศิลปินชื่อดังอย่าง สติง (Sting), รอย ออร์ไบสัน (Roy Orbison), ริก สปริงฟิลด์ (Rick Springfield) และศิลปินตัวแม่อย่าง มาดอนน่า (Madonna)

“Vogue”  คือตัวอย่างที่ดีที่สุดงานหนึ่งในงานมิวสิกวิดีโอของฟินเชอร์ ด้วยความงามจากภาพขาวดำที่มีสไตล์และเท่เก๋เหมาะสมกับมาดอนน่า อีกทั้งยังมีเทคนิคการถ่ายทำและการตัดต่อที่แม่นยำ เฉียบคม ซึ่งได้แสดงออกมาให้เราได้ประจักษ์อย่างเต็มที่ในงานชิ้นนี้

“Under The Bridge” – Red Hot Chili Peppers กำกับโดย Gus Van Sant

กัส แวน แซงต์ (Gus Van Sant) ผู้กำกับสายอินดี้ชื่อดัง รู้จักกับ Flea มือเบสของวง Red Hot Chili Peppers ในตอนที่เขากำกับภาพยนตร์เรื่อง “My Own Private Idaho” ที่ Flea ร่วมแสดงด้วย ซึ่ง Flea ก็ประทับใจในฝีไม้ลายมือของแวน แซงต์ เลยเป็นที่มาของการได้กำกับมิวสิกวิดีโอเพลงดังเพลงนี้ของ RHCP จากอัลบั้ม ‘Blood Sugar Sex Magik’ ซึ่งทำออกมาได้เท่ แนว อินดี้ได้ใจมาก ๆ

แม้หลังจากที่โด่งดังมากแล้วแวน แซงต์ก็ยังคงรับงานกำกับมิวสิกวิดีโออยู่ และได้กลับมาทำให้กับ RHCP อีกครั้งในเพลง “Desecration” จากอัลบั้มคู่ ‘Stadium Arcadium’ ในปี 2007

Here With Me” – The Killers กำกับโดย Tim Burton

ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) เป็นผู้กำกับที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร งานของเขาผสานไว้ทั้งจินตนาการ ความเหนือจริง และความสมจริงในอารมณ์ความรู้สึก “Here With Me” เป็นอีกหนึ่งงานที่แสดงลายเซ็นของเบอร์ตันได้ดี ท่วงทำนองของเพลงบัลลาดที่ไพเราะเข้ากันได้ดีกับองค์ประกอบของความหลอนโรแมนติกแบบกอธิกจากเบอร์ตัน และมิวสิกวิดีโอที่มาพร้อมเรื่องราวชวนหลอนแต่สุดโรแมนติกนี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Mad Love ในปี 1935 และได้นักแสดงสาววิโนนา ไรเดอร์ (Winona Ryder) มาร่วมแสดงด้วย

“Dancing In The Dark” – Bruce Springsteen กำกับโดย Brian De Palma

สิ่งที่ทำให้มิวสิกวิดีโอเพลง “Dancing in the Dark” ของตัวพ่อแห่งวงการดนตรีอเมริกัน บรู๊ซ สปริงทีน (Bruce Springsteen) เป็นที่กล่าวขานถึงก็ด้วยเพราะการปรากฏตัวของนักแสดงสาว คอร์ตนีย์ ค็อกซ์ (Courtney Cox) ในตอนท้ายของเอ็มวีที่สปริงทีนชวนเธอขึ้นมาแดนซ์ไปด้วยกัน ผู้กำกับไบรอัน เดอ พัลมา (Brian De Palma) ใช้เวลาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอนี้ที่ St. Paul Civic Center ในมินนิโซตาเป็นเวลาสองคืน คืนแรกเป็นการถ่ายช็อตสวย ๆ ของเอ็มวีเพลงนี้โดยตรง ส่วนคืนที่สองเป็นภาพจากคืนเปิดตัวของทัวร์ “Born in the USA”

ในทุกวันนี้แฟน ๆ หลายคนก็ยังคิดว่าการปรากฏตัวของค็อกซ์นั้นเกิดขึ้นโดยบังเอิญ สปริงทีนคงเห็นว่าสาวสวยคนนี้หน้าตาน่ารักดีก็เลยชวนขึ้นมาเต้นกัน เพราะในขณะนั้นเธอยังไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเลย แต่จริง ๆ แล้วสปริงทีนกับเดอ พัลมาก็ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่าค็อกซ์นั้นได้รับการติดต่อให้บินตรงจากนิวยอร์กซิตี้ไปยังอารีนาแห่งนี้เพื่อรับบทสาวสวยที่ขึ้นมาเต้นกับสปริงทีนในมิวสิกวิดีโอเพลงนี้โดยเฉพาะ

“I Just Don’t Know What To Do With Myself” – The White Stripes กำกับโดย Sofia Coppola

เวอร์ชันคัฟเวอร์ของบทเพลงจากปี 1962 “I Just Don’t Know What To Do With Myself” โดยวง The White Stripes เป็นซิงเกิลจากอัลบั้มยอดนิยมของพวกเขา ‘Elephant’ ในปี 2003 ได้ผู้กำกับสาวฝีมือดี โซเฟีย คอปโปลา (Sofia Coppola) ทายาทผู้กำกับระดับตำนานแห่งวงการภาพยนตร์ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (Francis Ford Coppola) ได้คัดเลือกซูเปอร์โมเดลสาวชาวอังกฤษ เคต มอสส์ (Kate Moss) ให้มาโชว์ลีลาสุดเซ็กซี่ตราตรึงผ่านการเต้นโพลแดนซ์อันเย้ายวนในบรรยากาศของงานภาพแบบขาวดำที่มีแสงสลัวที่ให้ความรู้สึกทั้งคลาสสิกและร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน

Fast As You Can” – Fiona Apple กำกับโดย Paul Thomas Anderson

ผู้กำกับ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน (Paul Thomas Anderson) เคยออกเดทกับนักร้อง-นักแต่งเพลงสาว ฟีโอน่า แอปเปิล (Fiona Apple) ในช่วงปี 1997-2000 ในระหว่างนั้นเขาได้กำกับมิวสิกวิดีโอของเธอถึง 4 เพลงด้วยกัน และเพลงที่น่าจะเล่าความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาได้ชัดเจนที่สุดก็คือเพลง “Fast as You Can” ซึ่งในเอ็มวีเราจะเห็นฟิโอน่ามองตรงเข้าไปในกล้องตลอดเวลาเลย

เอ็มวีเพลงนี้มีความเป็นส่วนตัวและบ้าน ๆ คล้ายเสมือนเป็นโฮมวิดีโอที่แอนเดอร์สันบันทึกช่วงเวลาชีวิตของแฟนสาวเอาไว้ ซึ่งฟีโอน่าก็มาในลุคที่ดูสบาย ๆ เอ็มวีนี้ถ่ายภาพโดย โรเบิร์ต เอลสวิต (Robert Elswit) ตากล้องขาประจำของแอนเดอร์สัน โดยใช้กล้องมือหมุนในการถ่ายทำ และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปากของฟีโอน่าถึงไม่ตรงกับเสียงร้อง

Bad” – Michael Jackson กำกับโดย Martin Scorsese

สิ่งนี้น่าจะเรียกว่าหนังสั้นมากกว่ามิวสิกวิดีโอ เพราะว่ามิวสิกวิดีโอเพลง​ “Bad” ของ ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) นั้นมีความยาวกว่า 18 นาทีและต้องใช้เวลาในการถ่ายทำกว่า 6 สัปดาห์ เอ็มวีเพลงนี้นำแสดงโดยแจ็กสันเองและนักแสดง เวสลีย์ สไนป์ (Wesley Snipes) และได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง West Side Story

นอกจากมิวสิกวิดีโอแล้ว สกอร์เซซี่ยังกำกับและผลิตสารคดีเกี่ยวกับศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น บ็อบ ดีแลน (Bob Dylan), The Rolling Stones, The Band และ จอร์จ แฮร์ริสัน (George Harrison)

I’d Do Anything For Love” – Meat Loaf กำกับโดย Michael Bay

ถึงแม้จะเป็นมิวสิกวิดีโอแต่ก็แสดงลายเซ็นของผู้กำกับฟอร์มยักษ์ ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) อยู่ไม่น้อย สำหรับ “I’d Do Anything For Love” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Beauty and the Beast และ Phantom of the Opera โดย Meat Loaf แต่งหน้าแต่งตาให้อารมณ์เหมือนเป็น ‘เจ้าชายอสูร’ จาก Beauty and the Beast มาก ส่วนแม่ ‘โฉมงาม’ นั้นก็รับบทโดยนักแสดงสาว ดาน่า แพทริค (Dana Patrick) ถ่ายทำโดยผู้กำกับภาพ แดเนียล เพิร์ล (Daniel Pearl) ซึ่งเปิดตัวในวงการภาพยนตร์ด้วยการกำกับภาพครั้งแรกให้กับหนังเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre

Weapon Of Choice” – Fatboy Slim กำกับโดย Spike Jonze

นี่คือหนึ่งในมิวสิกวิดีโอที่โด่งดังที่สุดเท่าที่เคยมีมา “Weapon of Choice” ของ Fatboy Slim เป็นผลงานการกำกับของสไปค์ จอนซ์ (Spike Jonze) และนำแสดงโดย คริสโตเฟอร์ วอลเคน (Christopher Walken) ที่โชว์ลีลาการเต้นในล็อบบี้ของโรงแรมแมริออทในลอสแองเจลิสอย่างอยากที่จะเลียนแบบลีลาอันร้ายกาจนี้ได้

ในที่สุดเอ็มวีนี้ก็ได้รับรางวัล MTV Video Music Awards ถึง 6 รางวัล และแน่นอนว่ารวมถึงสาขาการออกแบบท่าเต้นยอดเยี่ยม (Best Choreography) ด้วย

Headlights” – Eminem กำกับโดย Spike Lee

“Headlights” เป็นเพลงของแรปเปอร์หนุ่ม Eminem จากอัลบั้มปี 2014 ของเขา ‘The Marshall Mathers LP 2’ เพลงนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นการขอโทษแม่ของเขาหลังจากความสัมพันธ์ที่ปั่นป่วนและเป็นพิษซึ่งย้อนกลับไปตั้งแต่ในวัยเด็กของ Eminem เนื้อเพลงเป็นสิ่งที่สื่อถึงการปรองดองและความสามัคคีในครอบครัว แถมยังออกในวันแม่ปี 2014 อีกด้วย

สไปค์ ลี (Spike Lee) ถ่ายทอดบทเพลงนี้ออกมาเป็นเรื่องราวได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวจากมุมมองของแม่และใช้มุมภาพแทนสายตาอยู่เกือบตลอดเอ็มวีทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ลีเคยกำกับมิวสิกวิดีโอให้กับ ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) และ Public Enemy รวมถึงภาพยนตร์คอนเสิร์ตหลายเรื่อง

ที่มา

screenrant

beartai

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส