ในงาน D23 Expo เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีกระแสอะไรที่กลายมาเป็นที่ถกเถียงมากไปกว่าทีเซอร์ตัวแรกจากภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชัน ‘The Little Mermaid’ ที่ Disney ได้ปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก ซึ่งในทีเซอร์นี้เราจะได้เห็นเจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียล (Ariel) ที่รับบทโดย ฮัลลี เบลีย์ (Halle Bailey) ขับขานเพลง “Part of Your World” (อยู่ในโลกงาม) ให้ฟังแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งก็ถือว่าไพเราะทรงพลังน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย

แต่หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์ Disney ในการแคสต์เธอมารับบทนี้ ตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวเธอและทีมนักแสดงคนอื่น ๆ มาตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากการแคสติงที่ดูจะไม่ตรงกับเทพนิยายต้นฉบับแบบแทบจะคนละเรื่อง จนทำให้ทีเซอร์ตัวนี้ใน YouTube โดนกระหน่ำกด Dislike จนทะลุ 1.5 ล้านครั้งไปแล้ว

จนกว่าจะถึงวันกำหนดเข้าโรงฉายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2023 เราคงต้องเฝ้ารอดูกันต่อไปว่า มนต์เสน่ห์เสียงใสและการแสดงของศิลปินหญิงดีกรีศิษย์บียอนเซ (Beyoncé) คนนี้จะประทับใจแฟน ๆ และพิสูจน์ตัวเอง สร้างภาพจำใหม่ให้กับเจ้าหญิงดิสนีย์ได้หรือไม่ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราขอแนะนำให้รู้จักกับนักร้องสาวน้อยผิวดำวัย 22 ปี ดีกรีไม่ธรรมดาคนนี้กัน


เรียนรู้ด้านดนตรีมาตั้งแต่เล็ก ๆ

Halle Bailey The Little Mermaid

ฮัลลี ลินน์ เบลีย์ (Halle Lynn Bailey) เป็นศิลปินแนวอาร์แอนด์บี (R&B) และนักแสดงชาวอเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ปี 2000 เธอเกิดในชุมชนมาเบิลตัน (Mableton) เมืองแอตแลนตา (Atlanta) รัฐจอร์เจีย (Georgia) สหรัฐอเมริกา เธอมีพี่สาวหนึ่งคน ชื่อว่า โคลอี เบลีย์ (Chlöe Bailey) ที่เกิดเมื่อปี 1998 มีอายุห่างจากฮัลลี 2 ปี และ แบรนสัน เบลีย์ (Branson Bailey) น้องชายคนเล็ก

ทั้งฮัลลีและโคลอีเริ่มฉายแววศิลปินตั้งแต่ยังเด็ก เพราะพี่น้องทั้งสองคนมักจะชอบร้องเพลงเล่นในบ้านตอนที่ คอร์ทนีย์ เบลีย์ (Courtney Bailey) แม่ของพวกเธอกำลังทำงานบ้าน เพลงโปรดที่พวกเธอชอบร้องก็คือเพลง “Mary Had a Little Lamb” เมื่อโตขึ้น เธอก็เริ่มศึกษาเรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีผ่านคลิปวิดีโอใน YouTube

Halle Bailey The Little Mermaid

และแน่นอนว่าเมื่อเธอทั้งคู่ฉายแววด้านดนตรี ดั๊ก เบลีย์ (Doug Bailey) พ่อของพวกเธอจีงเริ่มสอนวิธีการแต่งเพลงตั้งแต่ตอนที่โคลอีอายุได้ 10 ขวบ และฮัลลีอายุได้ 8 ขวบ และต่อมาเมื่อทั้งคู่ได้กลายมาเป็นศิลปินในนาม ‘Chloe x Halle’ ก็ได้พ่อของเธอนี่แหละที่มาดูแลเป็นผู้จัดการส่วนตัวของศิลปินให้

ส่วนอิทธิพลทางดนตรีของเบลีย์ เธอเล่าว่า เธอโปรดปรานการฟังดนตรีแจ๊ส และเธอยังชอบฟังเพลงของ บิลลี ฮอลีเดย์ (Billie Holiday) ตั้งแต่ที่เธอยังเด็ก ซึ่งเธอมองว่าเสียงร้องของเธอเองนั้นน่าจะได้อิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากศิลปินหญิงแนวแจ๊สและบลูส์ระดับตำนาน


Halle Bailey The Little Mermaid

“พ่อแม่ของพวกเรามักจะสอนตั้งแต่เด็กว่า เราสามารถทำทุกอย่างที่เราตั้งใจได้ และอย่ากลัวที่จะทุ่มเทเพื่อทำบางสิ่งที่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่าจะทำไม่ได้ พี่สาวของฉันเป็นแรงบันดาลใจอย่างมากตอนที่เริ่มทำเพลง เราทั้งคู่มักจะนั่งเขียนเพลงที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนุกกันมาก”

“สำหรับฉัน ฉันมองว่า คนรุ่นของเรานั้นอยู่ในกระแสแห่งการเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ และเรียนรู้วิธีที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา”


เปิดช่องยูทูบ ‘Chloe x Halle’ ตั้งแต่อายุ 11 ปี

Halle Bailey The Little Mermaid

จุดเริ่มต้นการเป็นศิลปินของฮัลลีและโคลอีนั้นเริ่มต้นมาจากพรสวรรค์อย่างแท้จริง เพราะเมื่อตอนที่โคลอีอายุได้ 13 ปี และฮัลลีอายุ 11 ปี พ่อของเธอตัดสินใจเปิดช่อง YouTube ขึ้นมาในชื่อว่า ‘Chloe x Halle’ ตามชื่อของทั้งคู่ ซึ่งเป็นช่องที่เน้นปล่อยผลงานเพลงคัฟเวอร์เพลงของศิลปินชั้นนำ โคลอีและฮัลลีทั้งร้องเพลง ประสานเสียง และเล่นดนตรีในแบบฉบับของทั้งคู่


ฮัลลี กับบียอนเซ เคยแสดงหนังด้วยกันมาแล้ว

Halle Bailey The Little Mermaid

ในระหว่างนั้น เธอก็ได้ไปร่วมแสดงในบทสมทบเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ‘Last Holiday’ (2006), ‘Let It Shine’ และ ‘Joyful Noise’ (2012) และหนึ่งในภาพยนตร์ที่เธอได้แสดงก็คือ ‘The Fighting Temptations’ (2003) ที่มี บียอนเซ โนวส์ (Beyoncé Knowles) แสดงนำนั่นเอง จะถือว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกของเธอกับดีวาตัวแม่เลยก็ว่าได้


เดบิวต์อย่างเต็มตัวในค่ายของ ‘Beyoncé’

Halle Bailey The Little Mermaid

จนกระทั่งเมื่อปี 2011 เธอได้มีโอกาสคัฟเวอร์เพลง “Best Thing I Never Had” ผลงานเพลงต้นฉบับของบียอนเซ (Beyoncé) ในรูปแบบประสานเสียงที่ทรงพลัง ทำให้ทั้งคู่ได้ไปปรากฏตัวในรายการ ‘The Ellen Show’ ทั้งคู่จึงเริ่มมีคนรู้จักและติดตามช่องของพวกเธออมากขึ้น (ปัจจุบันช่อง Chloe x Halle มีผู้ติดตาม 1.85 ล้านคน)

ผลงานคัฟเวอร์ของทั้งคู่ไปเตะหูเจ้าของเพลงต้นฉบับอย่างบียอนเซ ทำให้ในปี 2016 ทั้งคู่ได้เข้าไปเซ็นสัญญาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด ‘Parkwood Entertainment’ ที่บียอนเซเป็นเจ้าของ โดยทั้งคู่จะออกอัลบั้มในนามศิลปินดูโอแนวเพลง R&B ในนาม ‘Chloe x Halle’ ภายในระยะเวลา 5 ปี และผลิตผลงาน 6 อัลบั้ม ทำให้ครอบครัวของเธอต้องย้ายบ้านมาอยู่ที่ลอสแองเจลิสในช่วงกลางปี 2012


ผลงาน EP แรกของ ‘Chloe x Halle’

Halle Bailey The Little Mermaid

จริง ๆ แล้วก่อนที่จะมีผลงานอัลบั้มภายใต้สังกัด ‘Parkwood Entertainment’ ทั้งคู่ได้ปล่อย EP ออกมาแล้วในชื่อ ‘Uncovered’ (2013) ซึ่งเป็นผลงานรวมเพลงคัฟเวอร์ 4 เพลง จนกระทั่งเมื่อทั้งคู่ได้เข้ามา Debut เป็นศิลปินเต็มตัว ผลงานแรกของพวกเธอภายใต้สังกัดนั่นก็คือ EP ที่มีชื่อว่า ‘Sugar Symphony’ (2016)

โดยซิงเกิลแรกของพวกเธอคือเพลง “Drop” จากอีพีนี้นั่นเอง เพียงแค่อีพีแรกก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาแล้ว เพราะขนาด มิเชล โอบามา (Michelle Obama) สุภาพสตรีหมายเลข 1 ในเวลานั้นก็ยังแนะนำเพลงของพวกเธอในทำเนียบขาว และยังกลายมาเป็นแฟนเพลงตัวยงของคู่ดูโอสาวน้อยวงนี้ด้วย

ต่อมาอีกหนึ่งปี ทั้งคู่ได้ปล่อยอัลบั้มรวมเพลงที่มีชื่อว่า ‘The Two of Us’ ในปี 2017 ซึ่งเป็นอัลนั้มรวมเพลงแรกที่ทั้งคู่ทำหน้าที่ทั้งร้อง แต่งเนื้อเพลง แต่งพาร์ตทำนอง และเล่นดนตรีด้วยตัวเองในเกือบทุกเพลง อัลบั้มนี้ยังติดอันดับที่ 17 จาก รายชื่อ 20 อัลบั้มแนว R&B ที่ดีที่สุดของนิตยสาร Rolling Stone ในปีนั้นด้วย


ได้แสดงนำและร้องเพลงประกอบในซีรีส์ ‘Grown-ish’

Halle Bailey The Little Mermaid

นอกจากฝีมือด้านการร้องเพลงแล้ว ทั้งคู่ยังได้มีโอกาสโชว์ฝีไม้ลายมือด้านการแสดงในทีวีซีรีส์ ‘Grown-ish’ (2018-2022) ซีรีส์สปินออฟของซีรีส์แนวครอบครัวชาวผิวดำ ‘Black-ish’ ของสถานีโทรทัศน์ ABC ที่มีมาแล้วทั้งฟหมด 4 ซีซันอีกด้วย โดยโคลอีรับบทเป็น แจ๊ส ฟรอสเตอร์ (Jazz Forster) และฮัลลีรับบทเป็น สกาย ฟรอสเตอร์ (Sky Forster) ฝาแฝดนักกีฬาวิ่งประจำมหาวิทยาลัย

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังโชว์ฝีมือร้องเพลงประกอบซีรีส์ในชื่อเพลง “Grown” อีกด้วย ส่วนฮัลลีเองก็ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวที ‘NAACP Image Awards’ ในปี 2020 ด้วย แต่น่าเสียดาย ด้วยความที่ฮัลลีก็ติดรับบทเจ้าหญิงแอเรียลไปแล้ว ทำให้เธอไม่ได้ร่วมเล่นซีรีส์เรื่องนี้ในซีซันที่ 5


ได้เป็นนางแบบ ถ่ายแบบแฟชันแบรนด์หรู

Halle Bailey The Little Mermaid

นอกจากที่เธอจะได้ออกอัลบั้ม แสดงในภาพยนตร์และซีรีส์แล้ว เธอยังได้รับโอกาสในการเป็นนางแบบด้วย เพราะเธอได้เป็นส่วนหนึ่งของเซ็ตแฟชันให้กับแบรนด์แฟชันสุดหรู โรดาร์เต (Rodarte) ในคอลเล็กชัน Fall/Winter ปี 2018


2 ผลงานสตูดิโออัลบั้มของ ‘Chloe x Halle’

Halle Bailey The Little Mermaid
Halle Bailey The Little Mermaid

จนถึงปี 2018 Chloe x Halle ก็ได้ออกสตูดิโออัลบั้มแรกในชื่อว่า ‘The Kids Are Alright’ เป็นอัลบั้มเพลงแนว R&B และโซลที่ทั้งคู่ยังคงแต่งเพลง และเป็นโปรดิวเซอร์เป็นส่วนใหญ๋ ซึ่งคอนเซปต์ของชื่ออัลบั้ม ‘The Kids Are Alright’ โคลอีได้เปิดเผยว่าหมายถึงตัวเธอทั้งคู่ที่กำลังจะเติบโตเป็นหญิงสาว ที่จะต้องเจอกับอุปสรรคและความผิดพลาดในโลกที่บ้าคลั่งที่มีแต่เรื่องบ้า ๆ แต่เด็กสาวอย่างเธอจะไม่เป็นไร อัลบั้มนี้ประกอบไปด้วย 16 แทร็ก และ Bonus Track อีก 2 แทร็ก ซึ่งรวมไปถึง “Grown” เพลงประกอบจากซีรีส์ ‘Grown-ish’ และเพลง “Warrior” Original Soundtrack จากภาพยนตร์ ‘A Wrinkle in Time’ (2018)

ส่วนสตูดิโออัลบั้มที่ 2 ของเธอ ‘Ungodly Hour’ ที่วางแผงในปี 2020 นั้นเป็นอัลบั้มที่เธอทั้งสองคนต้องการจะสื่อถึงความเติบโตทางศิลปะ และวุฒิภาวะของพวกเธอที่มีมากขึ้น ตลอดทั้ง 13 เพลงแนว R&B, ป๊อป และโซลฮิปฮอป ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์ในแง่ของตัวเพลงและฝีไม้ลายมือการร้อง และการทำดนตรีของเธอที่เติบโตขึ้นตามวัย อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จ สามารถติดชาร์ต Billboard 200 ในอันดับที่ 16 และติดอันดับ 11 ในชาร์ตอัลบั้ม R&B/Hip-Hop ยอดนิยมของ Billboard และมีการออกอัลบั้มเวอร์ชันพิเศษในชื่อ ‘Ungodly Hour Chrome Edition’ ที่เพิ่มเพลงใหม่อีก 2 เพลงในปี 2021


ผลงานทั้ง 2 อัลบั้มเคยเข้าชิงรางวัล ‘Grammy Awards’ รวม 5 รางวัล

Halle Bailey The Little Mermaid

ผลงานสตูดิโออัลบั้มของทั้งคู่ในนาม ‘Chloe x Halle’ นอกจากจะการันตีด้วยคำวิจารณ์ของนักวิจารณ์ที่ต่างก็ชื่นชมให้คะแนนไปในทางบวกแล้ว ความยอดเยี่ยมของอัลบั้มยังพิสูจน์ตัวเองจนไปถึงรางวัลใหญ่ระดับโลกของวงการดนตรีอย่าง ‘Grammy Awards’ มาแล้ว

โดยอัลบั้มแรก ‘The Kids Are Alright’ (2018) ได้เข้าชิงรางวัล ‘Grammy Awards’ ถึง 2 สาขา ได้แก่ สาขาศิลปินหน้าใหม่ (Best New Artist) และรางวัล ‘Best Urban Contemporary Album’ แม้ว่าจะไม่ได้มีโอกาสคว้ารางวัล แต่ซีนที่น่าจดจำหนึ่งในงานก็คือการแสดงโชว์คัฟเวอร์เพลง “Where Is the Love” เพลงโซลระดับตำนานของ โรเบอร์ตา แฟล็ก (Roberta Flack)และ ดอนนี แฮธทาเวย์ (Donny Hathaway) ซึ่งพวกเธอได้โชว์ไลน์ประสานเสียงระดับดีวา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ชมในวันนั้นได้เป็นอย่างมาก

ส่วนอัลบั้มที่ 2 ‘Ungodly Hour’ (2020) ก็ได้เข้าชิงรางวัล ‘Grammy Awards’ อีกครั้ง โดยคราวนี้เข้าชิงรางวัลมากถึง 3 สาขา ได้แก่รางวัล ‘Best Progressive R&B Album’ รางวัล ‘Best R&B Song’ จากเพลง “Do It” และรางวัล ‘Best Traditional R&B Performance’ จากเพลง “Wonder What She Thinks of Me” แม้จะยังไม่สามารถคว้ารางวัลมาได้ แต่ก็ถือเป็นการตอกย้ำถึงฝีไม้ลายมือการร้องของทั้งคู่ที่มีพัฒนาการทางดนตรีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


Beyoncé เป็นขุ่นแม่คอยผลักดันทั้งคู่อย่างเต็มที่

Halle Bailey The Little Mermaid

หลังจากที่ ‘Chloe x Halle’ ได้เซ็นสัญญาภายใต้สังกัด ‘Parkwood Entertainment’ ก็ต้องเรียกได้ว่าทั้งคู่โชคดีจริง ๆ เพราะ บียอนเซ หรือแม่บีนั้นไม่ได้แค่ให้โอกาสพวกเธอในการเป็นศิลปินออกอัลบั้ม และให้โอกาสทั้งคู่ในการดูแลการผลิตตั้งแต่แต่งเพลง โปรดิวซ์อัลบั้มด้วยตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว แต่แม่ยังให้โอกาสกับทั้งคู่อย่างเต็มที่ในหลาย ๆ โอกาสด้วย

โอกาสแรกที่แม่บีให้ก็คือ การให้ทั้งคู่ได้ร่วมแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง “All Night” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชวลอัลบัม ‘Lemonade’ (2016) ของคุณแม่บีนั่นเอง โดยทั้งคู่ได้ร่วมแสดงกับนักแสดงวัยรุ่นทั้ง อแมนด์ลา สเตนเบิร์ก (Amandla Stenberg) และนักร้อง-นักแสดงสาวชื่อดังอย่าง เซนดายา (Zendaya)

ตอนปี 2016 ช่วงที่ทั้งคู่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้าค่ายใหม่ ๆ ขุ่นแม่บีก็ได้พาทั้งคู่ไปแสดงเป็นวงเปิด (Opening Act) ให้กับทัวร์คอนเสิร์ต ‘The Formation World Tour’ ในยุโรป หลังจากนั้นในปี 2018 หลังออกอัลบั้ม ‘The Kids Are Alright’ ขุ่นแม่บีก็ได้ให้โอกาสให้ทั้งคู่ได้แสดงเป็นวงเปิดในทัวร์คอนเสิร์ต ‘On the Run II Tour’ ของบียอนเซ, เจย์-ซี (Jay-Z) และ ดีเจคาเลด (DJ Khaled)

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 ทั้งคู่ได้มีโอกาสร้องเพลงเพลงปลุกใจ “America the Beautiful” ก่อนเปิดเกม (Pre-Game) การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลซูเปอร์โบวล์ ปี 2019 และทั้งคู่ได้รับโอกาสในการขับขานเพลงชาติสหรัฐอเมริกาก่อนการเริ่มการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล (NFL) ในปี 2020 ด้วยอีกต่างหาก

ฮัลลีเคยให้สัมภาษณ์กล่าวถึงบียอนเซ ผู้ให้โอกาสแก่เธอในวงการดนตรีว่า เป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง เป็นศิลปินและนักธุรกิจหญิงที่มีความสามารถสูงและจิตใจดี

“การอยู่ท่ามกลางการมีผู้ให้คำปรึกษาที่ดีเช่นเธอ ทำให้เราได้สำรวจความคิดสร้างสรรค์ของเราเอง และพวกเรารู้สึกขอบคุณเธอมาก ๆ ที่ได้มอบโอกาสให้เรายืนอยู่บนเวทีเดียวกับเธอ และคอยเตือนเราเสมอว่า ต้องไม่ทำงานศิลปะแย่ ๆ ออกมาสู่โลก คุณต้องหมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ แล้วปล่อยให้โลกวิ่งตามคุณ”


ในอนาคต ฮัลลีอยากเรียนทางด้านดนตรีอย่างจริงจัง

Halle Bailey The Little Mermaid

ทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2018 ว่า แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้เรียนในวิทยาลัยตามแบบวัยรุ่นปกติ แต่พวกเธอเองก็ยังชื่นชอบในการเรียนรู้ และตั้งใจที่จะหาโอกาสเรียนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะฮัลลีที่ได้เล่าว่า เธอ (ณ ตอนนั้น) อยู่ในระดับมัธยมปลายและกำลังจะจบการศึกษา

และด้วยความที่เธอเองก็เป็นนักร้อง เธอมีความตั้งใจว่า ในระดับมหาวิทยาลัย เธออยากจะเรียนด้านทฤษฏีดนตรีให้ลึกซึ้งกว่าเดิมเพื่อพัฒนาทักษะของตัวเองในด้านดนตรีให้มากขึ้น ส่วนโคลอีอยากเรียนต่อทางด้านการเงินและธุรกิจ


ก่อนที่จะได้เป็นเจ้าหญิงแอเรียล เคยร่วมงานกับ Disney มาก่อนแล้ว

Halle Bailey The Little Mermaid

ก่อนที่ฮัลลีจะได้รับเลือกเป็นนักแสดงในบทเจ้าหญิงแอเรียล ในภาพยนตร์ ‘The Little Mermaid’ จริง ๆ แล้วทั้งคู่เคยวนเวียนในบ้าน Disney อยู่หลาย ๆ ครั้ง

ครั้งแรก Chloe x Halle ได้ไปเป็น Cameo แสดงบทบาทของเธอเองในซีรีส์ของ Disney ‘Austin & Ally’ ซีซัน 2 ตอนที่ 24 ในปี 2013 ซึ่งเธอได้ไปขับร้องเพลง “Unstoppable” ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงประกอบของซีรีส์เรื่องนี้ด้วย (สามารถหาชมได้ที่ Disney+)

.ต่อมา ทั้งคู่ก็ได้มีโอกาสร้องเพลง “Warrior” ซึ่งเป็น Original Soundtrack ประกอบภาพยนตร์ของ Disney เรื่อง ‘A Wrinkle in Time’ (2018) ซึ่งเพลงนี้ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้มแรกของเธอ ‘The Kids Are Alright’ ด้วย

และล่าสุดในปี 2021 หลังจากที่ Disney ได้เปิดเผยว่าเธอได้รับบทเจ้าหญิงแอเรียลแล้ว เธอก็มีโอกาสได้ฉายเดี่ยวในฐานะนักแสดงของ Disney ด้วยการไปร่วมร้องเพลง “Can You Feel the Love Tonight” เพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘The Lion King’ (1994) ต้นฉบับขับร้องโดย เอลตัน จอห์น (Elton John) ในรายการพิเศษ ‘The Most Magical Story on Earth: 50 Years of Walt Disney World’ รายการพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี วอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต (Walt Disney World Resort) (สามารถหาชมได้ที่ Disney+)

https://www.youtube.com/watch?v=vXctZ7RRpWA

“ฮัลลี คือเจ้าหญิงแอเรียลที่ผมชอบมาก ๆ “

Halle Bailey The Little Mermaid

อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อปี 2019 Disney ได้ประกาศสร้าง ‘The Little Mermaid’ ภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันเรื่องใหม่ที่จะอ้างอิงจากเวอร์ชันแอนิเมชันฉบับดั้งเดิม และมีการประกาศทีมนักแสดงออกมา แต่สิ่งที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ ดิสนีย์ และแฟนหนังทั่วโลกก็คือ การเปิดตัวนักแสดงที่จะมารับบทเจ้าหญิงแอเรียล (Ariel) ซึ่งนั่นก็คือ ฮัลลี เบลีย์ นั่นเอง ซึ่งเธอก็ได้โพสต์ภาพของแอเรียลจากฉบับการ์ตูน (ที่เปลี่ยนสีผิวเป็นสีเข้ม) เพื่อแสดงความยินดี

ขนาดมีการปล่อยตัวอย่างออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยังมีการถกเถียงกันไม่จบว่า Disney ไม่หรือไม่ที่ให้นักแสดงแอฟริกัน-อเมริกันแบบฮัลลีมาแสดงเป็นแอเรียล เพราะในฉบับแอนิเมชันปี 1989 หรือแม้แต่ฉบับนวนิยายฉบับของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Anderson) ที่ตีพิมพ์ในปี 1839 ก็เขียนระบุไว้ว่าแอเรียลนั้น “เป็นเจ้าหญิงคนสุดท้องจากพี่น้อง 6 คน ผิวของเธอใสละเอียดราวกับกลีบกุหลาบ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าราวกับห้วงทะเลที่ลึกที่สุด” แต่ก็มีกระแสอีกส่วนที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงแอเรียลจากผิวขาวเป็นผิวสีก็ถือว่าน่าสนใจ

ทางด้านผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่าง ร็อบ มาร์แชลล์ (Rob Marshall) ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงฮัลลีในฐานะนักแสดงเจ้าของบทแอเรียลว่า “หลังจากที่พวกเราออกตามหานักแสดงอย่างหนักหน่วง ผมค้นพบว่า ฮัลลี เบลีย์ คือเจ้าหญิงแอเรียลที่ผมชอบมาก ๆ เธอมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ลงตัวและหาได้ยากยิ่ง ทั้งความมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ความไร้เดียงสา ความใสซื่อบริสุทธิ์ ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่แท้จริงที่เหมาะควรกับการรับบทบาทที่โดดเด่นนี้”

ส่วน โจดี เบนสัน (Jodi Benson) ผู้ให้เสียงพากย์เจ้าหญิงแอเรียลในฉบับภาพยนตร์แอนิเมชัน ก็ได้ชื่นชมฮัลลีด้วยเช่นกันว่า “ฮัลลี เธอคือความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง ฉันภูมิใจในตัวของเธอ และการแสดงที่แสนจะงดงามของคุณในฐานะแอเรียล”

https://twitter.com/chloexhalle/status/1146509551497170944

ชอบที่จะดูแลตัวเอง แต่ก็รักร่างกายของตัวเองในแบบที่เป็น

Halle Bailey The Little Mermaid

คู่พี่น้องโคลอีและฮัลลีมีไลฟ์สไตล์ที่คล้าย ๆ กัน นั่นก็คือชอบดูแลตัวเอง ทั้งคู่จะชอบวิ่งออกกำลังกายด้วยการวิ่ง และด้วยความที่ทั้งคู่ชื่นชอบการฟังเพลง พวกเธอก็เลยมักจะฟังเพลงของ ‘The Weeknd’, ‘Kanye West’, ‘Twenty One Pilots’, ‘Bruno Mars’ และแน่นอนว่าต้องฟังเพลงของขุ่นแม่ ‘Beyonce’ ในระหว่างวิ่งด้วย นอกจากนี้ พวกเธอยังเป็นวีแกน ชอบรับประทานอาหารมังสวิรัติ ตอนเช้าทั้งคู่จะกินข้าวโอ๊ด รับประทานไส้กรอกผักและมันฝรั่ง และรับประทานลูกชิ้นที่ทำจากผัก ผักโขม และข้าวกล้องในมื้ออาหารเย็น

แต่แม้ทั้งคู่จะชอบดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด แต่พวกเธอก็มีมุมมองในการยอมรับตัวเอง โดยพวกเธอได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรจะทำก็คือ การเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะว่าเราทุกคนล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามและโดดเด่น นั่นคือสิ่งที่ทำให้คนเราทุกคนมีความพิเศษ แทนที่จะชี้จุดในร่างกายที่คุณไม่ชอบ ลองพยายามชี้จุดที่คุณรู้สึกดีกับร่างกายตัวเองดูบ้าง เช่น ‘ฉันชอบรูปร่างฉันในชุดนี้’ หรือ ‘ฉันชอบริมฝีปากที่ทาด้วยลิปสติกแท่งนี้’ มันเป็นการเพิ่มความมั่นใจที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้มาก”


ชื่อคล้ายกับ Halle Berry แถมอยากแสดงเป็น Storm ใน ‘X-Men’ เหมือนกันอีก

Halle Bailey The Little Mermaid

นับตั้งแต่ที่ Disney ได้ประกาศสร้าง ‘The Little Mermaid’ และประกาศว่า ฮัลลี เบลีย์ จะได้รับบทเป็นเจ้าหญิงแอเรียล คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นนักแสดงสาวรุ่นขุ่นแม่อีกคนอย่าง ฮัลลี แบร์รี (Halle Berry) นักแสดงวัย 56 ปี นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม อดีตสาวบอนด์ใน ‘Die Another Day’ (2002) และเจ้าของบทสตอร์ม (Storm) ใน ‘X-Men’ (2000)

เพราะด้วยชื่อที่คล้ายกันมาก (ชื่อฮัลลีเหมือนกัน แต่นามสกุลไม่เหมือนกัน) ก็เลยทำให้หลายคนเผลอเข้าใจผิดตั้งแต่เปิดตัวว่า นักแสดงสาวรุ่นใหญ่อย่างแบร์รี ไม่น่าจะเหมาะสมกับบทเงือกสาวแรกแย้มอย่างแอเรียลสักเท่าไหร่ แถมยิ่งมีกระแสพูดถึงนางเงือกผิวดำ ก็ยิ่งมีกระแสโจมตีแบบผิด ๆ หนักเข้าไปอีก แต่ถึงกระนั้นเอง นักแสดงรุ่นใหญ่เองก็ดูจะเชียร์นักแสดงรุ่นลูกที่ชื่อคล้ายเธออยู่ไม่ใช่น้อย

และไหน ๆ เธอได้เข้ามาอยู่ในชายคา Disney แล้ว ก็เลยมีข่าวลือออกมาเนือง ๆ ว่าเธอกำลังคัดเลือกเป็นนักแสดงภายใต้จักรวาล MCU ของ Marvel เหมือนกัน แต่ถึงแม้ข่าวนี้จะยังไม่มีมูล แต่ก็มีหลายคนสงสัยว่า ถ้าเกิดว่าวันนั้นเป็นจริง เธออยากรับบทไหน

ซึ่งไม่รู้เป็นเพราะว่าชื่อคล้ายกันหรือไม่อย่างไร เพราะนักร้องสาวเจ้าของบทตัวจริงอย่างเบลีย์ ได้เปิดเผยว่า เธอนั้นอยากรับบทเป็น สตอร์ม (Storm) ใน ‘X-Men’ บทบาทเดียวกับที่แบร์รีเคยรับบทไว้ใน ‘X-Men’ เวอร์ชันของ 20th Century Fox นั่นเอง “ฉันมองว่า ซูเปอร์ฮีโรของ Marvel ทุกตัวน่าทึ่งหมดเลยนะคะ แต่ถ้าให้เลือก ฉันเลือกสตอร์มค่ะ ฉันรักมาก ๆ ฉันว่ามันคงจะเท่ดีไม่ใช่น้อย”


ที่มา: PopBuzz, The Famous People, Cosmopolitan, Wikipedia-Halle Bailey, Wikipedia-Chloe x Halle

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส