เรียกว่าเป็นความประทับใจอีกครั้งของแฟนไตรภาคหนังไซไฟ ‘Back to the Future’ เลยก็ว่าได้ เมื่อสองคู่หูนักแสดงนำอย่าง คริสโตเฟอร์ ลอยด์ (Christopher Lloyd) เจ้าของบทบาทนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง “ด็อก” ดร.เอ็มเมตต์ บราวน์ (Dr. Emmett Brown) วัย 83 ปี และ ไมเคิล เจ ฟอกซ์ (Michael J. Fox) เจ้าของบทหนุ่มน้อย มาร์ตี้ แม็กฟลาย (Marty McFly) วัย 61 ปี ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี

Back to the Future

โดยทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งบนเวทีในงาน The New York Comic Convention หรือ New York Comic Con เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งคู่ได้เดินเข้าไปสวมกอดกัน เรียกเสียงปรบมือและสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ นับพันคนภายในงานได้อย่างท่วมท้น

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้มีโอกาสพูดคุยรำลึกบรรยากาศเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ ‘Back to the Future’ โดยเฉพาะภาคแรกที่ออกฉายในปี 1985 และประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งพวกเขาก็ได้เล่าถึงเรื่องต่าง ๆ รวมถึงความรู้สึกของทั้งคู่ตอนเจอกันในกองถ่ายครั้งแรกด้วย

Back to the Future

ลอยด์ได้มีโอกาสเล่าถึนักแสดงหนุ่มในเวลานั้นอย่างฟอกซ์ว่า “ผมไม่รู้จักไมเคิลเท่าไหร่ นอกจากที่เคยได้ยินชื่อเขา ผมรู้สึกว่าตัวผมเองเกือบจะทำได้ (ปรับตัวเข้ากับนักแสดงร่วม) มาตลอดหกสัปดาห์ แต่ผมก็ต้องมาปรับตัวกันใหม่อีกแล้ว แต่พอได้ทำงานร่วมกันจริง ๆ เคมีของเราเข้ากันมากอย่างที่เขาพูด ๆ กัน”

ซึ่งการปรับจูนที่ว่านั้นหมายถึงการปรับจูนกับฟอกซ์ นักแสดงคนใหม่ที่เข้ามารับบท มาร์ตี้ แม็กฟลาย แทนที่ อีริก สตอลต์ซ (Eric Stoltz) นักแสดงคนเดิมที่ถูกสับเปลี่ยนออกไปหลังจากถ่ายทำมาได้ 6 สัปดาห์ และต้องมีการถ่ายซ่อมใหม่ทั้งหมด เพราะทีมงานเห็นตรงกันว่าเขาดูซีเรียสเกินไปสำหรับตัวหนัง

ในขณะที่ลอยด์กล่าวถึงฟอกซ์ว่าเป็น ‘จ้าวแห่งนักแสดงออก’ “ไม่มีใครกล้าแสดงออกนักหรอกเพราะว่ามันน่าเบื่อ แล้วที่ประหลาดคือ คุณก็เก็บงำไว้กับตัวจนได้ เพราะเขาเป็นคนที่กล้าแสดงออก และสนุกสนานอย่างยอดเยี่ยมมาก ผมนี่ต้องระวังตัวไว้เลย เพราะเดี๋ยวผู้ชายคนนี้จะพาผมเตลิด” และยังกล่าวอีกว่า “ส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้สำหรับผมคือการร่วมงานกับไมค์นี่แหละครับ เพราะเขาเป็นอัจฉริยะ”

Back to the Future

ภาพยนตร์ ‘Back to the Future’ กำกับโดย โรเบิร์ต เซเม็กคิส (Robert Zemeckis) และอำนวยการสร้างโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ตัวหนังภาคแรกที่ออกฉายในปี 1985 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และคว้ารางวัลออสการ์สาขาเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม รวมทั้งบทที่เขียนโดยเซเม็กคิสและ บ็อบ เกล (Bob Gale) ได้เข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย จนทำให้มีการสร้างภาคต่ออกมาในปี 1989 และ 1990

ลอยด์กับฟอกซ์นั้นเคยเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 ในงานงานการกุศลเพื่อระดมทุนให้กับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน เนื่องจากฟอกซ์ในขณะนี้กำลังเผชิญกับโรคพาร์กินสันมาตั้งแต่ปี 1991 จนไม่สามารถรับงานแสดงหนังที่มีคิวถ่ายนาน ๆ ได้อีกต่อไป และตัวเขาเองก็เดินเหินไม่สะดวกเหมือนอย่างที่เห็นในคลิป แต่ถึงกระนั้น เขาเองก็ยังเปิดตัว มูลนิธิไมเคิล เจ ฟอกซ์ (Michael J. Fox Foundation) ในปี 2000 เพื่อระดมทุนสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ซึ่งมูลนิธินี้สามารถระดมทุนได้มากถึง 1,000 ล้านเหรียญ

Back to the Future

“สิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผมคือสิ่งนี้แหละครับ โรคพาร์กินสันคือของขวัญที่ผมได้รับ ผมบอกกับคนคนหนึ่งแบบนี้ เขาเลยพูดว่า ‘คุณบ้าหรือเปล่า’ ผมเลยตอบว่า ใช่ แต่มันเป็นของขวัญที่ได้รับอย่างยาวนานนั่นแหละ และผมก็จะไม่เปลี่ยนมันเพื่ออะไรก็ตาม”

“พวกคุณให้ชีวิตกับผม มีคนแบบคริสมากมายสำหรับผม และพวกคุณทุกคนก็มี มันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่ผมมี แต่เป็นสิ่งที่ผมได้รับ นั่นก็คือเสียงในการที่จะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ นั่นก็คือการช่วยเหลือผู้คน”


ที่มา: Daily Mail, AVClub, NME, Rolling Stone

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส