The Hollywood Reporter ได้รายงานว่า เอ็ดดี เมอร์ฟี (Eddie Murphy) นักแสดงตลกรุ่นใหญ่วัย 62 ปี กำลังเจรจาเพื่อรับบทสารวัตร ฌาคส์ คลูโซ (Jacques Clouseau) ตัวละครหลักในภาพยนตร์ ‘Pink Panther’ เวอร์ชันรีเมก ที่ MGM กำลังเดินหน้าพัฒนาอยู่ในขณะนี้

‘Pink Panther’ เวอร์ชันรีเมกนี้ จะกำกับโดย เจฟฟ์ ฟาวเลอร์ (Jeff Fowler) จาก ‘Sonic the Hedgehog’ (2020) และ ‘Sonic the Hedgehog 2’ (2022) จากบทของ คริสา เบรมเนอร์ (Chris Bremner) จาก ‘Bad Boys for Life’ (2020)

ภาพยนตร์ดังกล่าวจะแหวงขนบแบบเดิมของภาพยนตร์ต้นฉบับ โดยจะเป็นภาพยนตร์ที่ผสานตัวละครแอนิเมชันเข้าด้วยกัน โดยจะใช้ตัวละครเสือสีชมพู Pink Panther ที่ปรากฏตัวสั้น ๆ ในฉากไตเติลของภาพยนตร์ต้นฉบับ และมีบทบาทเป็นตัวละครหลักในซีรีส์แอนิเมชันขนาดสั้นของตนเอง โดยจะเล่าเรื่องของเจ้า Pink Panther ที่แหกคุกออกมาเพื่อปล้นเพชรในโลกจริง

Pink Panther

‘Pink Panther’ เป็นภาพยนตร์คอมเมดี้คลาสสิกจากการสร้างสรรค์ของนักแสดงระดับตำนานอย่าง ปีเตอร์ เซลเลอส์ (Peter Sellers) เมื่อปี 1963 ว่่าด้วยเรื่องราวของสารวัตรคลูโซที่ออกตามหาเพชรสีชมพูที่เรียกว่า Pink Panther ที่ถูกขโมยไป

‘Pink Panther’ ประสบความสำเร็จด้านรายได้ และได้มีการสร้างภาคต่ออีกหลายภาค ได้แก่

  • The Return of the Pink Panther (1975)
  • The Pink Panther Strikes Again (1976)
  • Revenge of the Pink Panther (1978)
  • Trail of the Pink Panther (1982)
  • Curse of the Pink Panther (1983)
  • Son of the Pink Panther (1993)

นอกจากนี้ยังมีการนำไปสร้างเป็นซีรีส์แอนิเมชันขนาดสั้นในชื่อง ‘The Pink Panther Show’ ระหว่างปี 1969 – 1978 โดยนำตัวละครเสือสีชมพูมาเป็นตัวละครหลัก รวมถึงไดัรับการรีบูตในชื่อ ‘Pink Panther’ (2006) และ ‘Pink Panther 2’ (2009) ซึ่งได้นักแสดงตลกชื่อดังอย่าง สตีฟ มาร์ติน (Steve Martin) มารับบทนำ

Pink Panther

สำหรับเมอร์ฟี นั้น ถือได้ว่าเป็นนักแสดงตลกที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง โดยเคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วจาก ‘Dreamgirls’ (2006) และสร้างสีสันให้แก่แอนิเมชัน ‘Shrek’ ทุกภาคได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขากลับได้รับคำวิจารณ์ไม่ดีนักจากการแสดงในภาพยนตร์รีเมก เช่น ‘The Nutty Professor’ (1996) และ ‘Dr. Dolittle’ (1998) แม้ว่าจะประสบความสำเร็จด้านราได้ก็ตาม

แต่ถึงกระนั้น ภาพยนตร์ในช่วงหลังของเมอร์ฟีเริ่มไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ เช่น ‘I-Spy’ (2002) ที่ทำรายได้ไปเพียง 60 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้ชื่อของเมอร์ฟีเริ่มจางหายไป แต่เขาก็ยังพอมีผลงานคอมเมดี้ที่น่าสนใจอย่าง ‘Tower Heist’ (2011) และ ‘Dolemite is My Name’ (2019) รวมถึงกำลังพัฒนา ‘Beverly Hills Cop 4’ อยู่ในขณะนี้ด้วย

ที่มา : ScreenRant, Deadline

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส