‘World War Z’ (2013) ภาพยนตร์แอ็กชันสยองขวัญเรื่องดัง ที่นำแสดงโดย แบรด พิตต์ (Brad Pitt) ที่กลายเป็นอีกหนึ่งหนังซอมบี้ระดับขึ้นหิ้งที่ประสบความสำเร็จตอนฉายอย่างมาก จน Paramount Pictures ตัดสินใจลุยสร้างภาคต่อแบบไม่รอช้า แต่สุดท้ายก็เป็นการดับฝัน เพราะในที่สุด Paramount เองก็ตัดสินใจพับโปรเจกต์นี้ไปอย่างถาวร สร้างความเสียดายสำหรับแฟน ๆ ที่รอภาคต่อไม่น้อย
แต่หนึ่งคนที่ดูจะดีใจในการตัดสินใจยกเลิกภาคต่อ ‘World War Z’ นั่นก็คือ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ผู้กำกับมากฝีมือเจ้าของผลงานกำกับตั้งแต่ ‘Fight Club’ (1999), ‘The Social Network (2010)’, ‘Gone Girl’ (2014), ‘Mank’ (2020) และกำลังจะมีผลงานกำกับหนังภาพยนตร์ดราม่าอาชญากรรมเรื่องใหม่ ‘The Killer’ ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้กำกับที่ถูกวางตัวจะให้มากำกับภาคต่อหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้
โดยฟินเชอร์ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับนิตยสาร GQ ถึงความโล่งใจที่โปรเจกต์ ‘World War Z’ เป็นหมัน และดีใจที่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีโอกาสกำกับหนังเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลเพราะว่าไอเดียพล็อตเรื่องของภาคต่อ ดันมีความคล้ายคลึงกับเรื่องราวในซีรีส์ ‘The Last of Us’ ทีวีซีรีส์สุดฮิตดัดแปลงจากเกมของ HBO ที่สร้างกระแสฟีเวอร์เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา และได้รับการยืนยันว่าจะมีซีซันที่ 2 ออกมาแล้วอย่างแน่นอน
![World War Z Brad Pitt](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/World-War-Z-Brad-Pitt-Marc-Forster-2-1024x683.jpg)
“คือผมว่ามันเหมือนกับ ‘The Last of Us’ นิดหน่อยน่ะ ซึ่งผมดีใจมากที่เราไม่ได้ทำสิ่งที่เรากำลังจะทำกัน เพราะ ‘The Last of Us’ นั้นมีขุมทรัพย์ล้ำค่าที่มีเรื่องราวให้สำรวจได้อีกมากมาย ในไตเติลเปิดเรื่องเราจะใช้ปรสิตตัวเล็ก ๆ ใส่เข้าไป…ใช้มันเป็นไตเติลเปิดชื่อหนัง และมีช็อตรายการทอล์กโชว์ที่ยอดเยี่ยมที่เปิดตัว ดิก คาเวตต์ (Dick Cavett – พิธีกรทอล์กโชว์) ในรายการทอล์กโชว์สไตล์ เดวิด ฟรอสต์ (David Frost – อดีตพิธีกรทอล์กโชว์) ด้วย”
แม้ฟินเชอร์จะบอกว่าไอเดียนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ‘นิดหน่อย’ แต่สิ่งที่เขาเล่าก็ดูเหมือนว่าไอเดียหลายอย่างจะคล้ายกับซีรีส์ซอมบี้เรื่องดังอยู่พอสมควร ทั้งไตเติลชื่อหนัง (Opening Title Sequence) ที่มีการใช้ปรสิตมาเป็นไอเดีย โดยเฉพาะไอเดียการเปิดเรื่องด้วยรายการทอล์กโชว์ ที่ก็มีความคล้ายคลึงกับช็อตเปิดเรื่องด้วยรายการทอล์กโชว์ ที่ใช้ปูพื้นถึงถึงความน่ากลัวของเชื้อรากลายพันธุ์ใน Ep.1 ของซีรีส์ ‘The Last of Us’ อยู่เหมือนกัน
![World War Z Brad Pitt Marc Forster](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/World-War-Z-Brad-Pitt-Marc-Forster11.jpg)
‘World War Z’ เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายเล่มเดียวกันของ แม็กซ์ บรูกส์ (Max Brooks) กำกับโดย มาร์ก ฟอร์สเตอร์ (Marc Forster) เล่าถึงช่วงเวลาภัยพิบัติซอมบี้ที่ระบาดไปทั่วโลก ผู้ที่ถูกซอมบี้กัดจะกลายเป็นซอมบี้ภายใน 12 ชั่วโมง ทำให้ผู้คนกลายเป็นซอมบี้ จนทำให้เมือง กองทัพ รัฐบาลต้องล่มสลาย ส่วนผู้รอดชีวิตต้องเอาตัวรอดด้วยวิถีแบบเก่า เจอร์รี เลน (พิตต์) อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนของสหประชาชาติ กับภรรยาและลูกสาว 2 คน ต้องเอาตัวรอดเพื่อหลบหนีเอาตัวรอด และค้นหาวิธีการหยุดยั้งการแพร่ระบาดที่กำลังแพร่เชื้อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
ตัวหนังใช้ทุนสร้างมากถึง 190 ล้านเหรียญ เข้าฉายในช่วงฤดูร้อนปี 2013 แม้จะได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่หนังสามารถทำรายได้ Box Office สูงถึง 540.5 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ Paramount Pictures และบริษัท Plan B Entertainment ของพิตต์ จึงต้องเร่งมือสร้างภาคต่อโดยทันที แต่ด้วยปัญหาบางอย่าง ก็ทำให้ฟอร์สเตอร์ถอนตัวออกจากโปรเจกต์ไป และวางตัวให้ เจ เอ บาโยนา (J. A. Bayona) มากำกับ แต่ก็ขอถอนตัวไปเพราะตารางงานชนกัน
จนสุดท้าย พิตต์ในฐานะโปรดิวเซอร์ ได้เรียกให้ฟินเชอร์ ผู้กำกับที่ทำงานร่วมกันกับพิตต์มายาวนาน มาเซ็นสัญญารับหน้าที่กำกับภาคต่อของหนังเรื่องนี้ แต่ในท้ายที่สุด Paramount ก็สั่งทำแท้งโปรเจกต์นี้ไปอย่างถาวร ด้วยสาเหตุที่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะงบประมาณที่สูงเกินไป แม้ฟินเชอร์เองจะยินดีที่จะกำกับหนังเรื่องนี้ในงบที่ต่ำกว่า 190 ล้านเหรียญจากภาคแรก แต่ Paramount เองมองว่าวิสัยทัศน์ของเขาก็ยังใช้งบประมาณที่สูงจนเกินไป นำไปสู่การยกเลิกโปรเจกต์นี้ไปอย่างถาวร
ฟินเชอร์ทิ้งท้ายการสนทนาด้วยการตอบคำถามของผู้สัมภาษณ์ที่สงสัยว่า หากหนังภาคต่อ ‘World War Z’ มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง เขาจะดัดแปลงบทให้มีความใกล้เคียงกับหนังสือต้นฉบับมากขึ้นแค่ไหน เขาทิ้งท้ายสั้น ๆ เพียงแค่ว่า “ไม่ ๆๆ แต่อาจจะแค่มีการพูดถึงบ้าง แค่นั้นแหละ”
ที่มา: GQ, Variety, Entertainment Weekly
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส