9 ศาสตรา กลายเป็นแอนิเมชั่นที่ถูกใจและเป็นกระแสมากเรื่องหนึ่งไปแล้ว นับเป็นปรากฏการ์ในฝั่งแอนิเมชั่นไทยที่ซบเซามานานเลยทีเดียว หลายคนอาจได้ชมแล้วและอาจยังสงสัยในหลาย ๆ ประเด็นที่หนังได้พูดเพียงคร่าว ๆ วันนี้เราจึงขอสรุปเรื่องราวจากฉบับการ์ตูนคอมมิกทั้ง 8 ตอน ที่ลงในเพจทางการของหนังมาสรุปให้ฟังครับ และหลาย ๆ ตัวละครที่ปรากฏในหนังก็มีชะตาชีวิตที่ดราม่ามากกว่าที่คิดทีเดียว

เท้าความกลับไป โลกใน 9 ศาสตรา นั้นมีมนุษย์อยู่ร่วมกับเผ่ายักษ์ เผ่าวานร และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย ต่างอยู่กันคนละดินแดน เผ่ายักษ์ อยู่เมืองทางตอนเหนือที่ราบภูเขาไฟนามว่า คิริกัณฑ์ มีวัฒนธรรมแบบผู้แข็งแกร่งคือผู้นำ ราชาที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้ปกครองเมืองยักษ์ทั้ง 12 เมืองซึ่งรวมเป็นอาณาจักรยักษ์ โดยรอบเมืองเหล่านั้นจะมีนิคมเชลยมนุษย์เป็นโล่กันด้านนอก

ล่างลงมาจากอาณาจักรยักษ์คือเมือง มะนีโคด ของ เผ่าวานร ซึ่งปกครองในระบบสายเลือด ราชาจะต้องสืบสายแห่งพระพายจึงจะสามารถดึงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนาม เกราะแขนกลเทวะ ในการปกปักรักษาประชาวานรทั้งหลายออกมาได้สูงสุด

และล่างลงมาสุดคือ เผ่ามนุษย์ มีเมืองหลวงนามว่า รามเทพนคร ซึ่งทิศใต้สุดของนครคือดินแดนทะเลใต้อันห่างไกล รามเทพนครใช้ระบบสืบสันติวงศ์ทางสายเลือดเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างยันอำนาจไม่ข้องเกี่ยวรุกรานกันมายาวนาน จนเกิดความเปลี่ยนแปลงหนึ่งขึ้นในเมืองยักษ์

เผ่ายักษ์

ก่อนเรื่องราวในหนังนั้น เจ้าครองนครยักษ์มีนามว่า อนันตยักษา มีนิสัยโหดร้ายมาก ทั้งยังมีโอรสสองพระองค์คือองค์รัชทายาทนาม ทารคา ผู้เก่งฉกาจดั่งเทพสงครามจนได้รับฉายา เทหะยักษา กับอีกหนึ่งคือพระราชโอรสองค์รองที่ยังทรงพระเยาว์

คืนหนึ่งได้เกิดกบฏขึ้นโดยอุปราชยักษ์นาม กาฬสูร เจ้าเมืองนรกัณฑ์ มันครอบครองอาวุธเพลิงชื่อ กระบองบรรลัยจักร อันทรงพลานุภาพ และได้ใช้ทาสมนุษย์เป็นสายลับพาลอบเร้นสู่ห้องของอนันตยักษาแล้วสังหารราชายักษ์อย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าของทารคา เจ้าชายยักษ์หลังปะมือแล้วพ่ายกำลังกาฬสูรจึงทำได้เพียงหนีโดยอุ้มพาน้องชายออกจากเมืองมาด้วย และใช้เวลาหลายต่อหลายปีเอาตัวรอดท่ามกลางภยันตราย ทั้งจากเหล่าสมุนของกาฬสูร และสัตว์ร้ายในพงไพร ตลอดจนเชลยมนุษย์ที่ผูกใจแค้นพวกยักษ์ ซึ่งทารคาก็มักสังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยมทุกครั้ง โดยเฉพาะพวกมนุษย์ที่เป็นเศษชีวิตในสายตา ทั้งยังเป็นเผ่าที่ทรยศพากบฏมาฆ่าบิดาของตนด้วย

เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มทารคาได้เข้าไปท้าหัวหน้ากองโจรยักษ์ ที่มีรังอยู่บนหุบเขาสูงและสามารถเอาชนะยึดตำแหน่งมาได้อย่างไม่ยากเย็น แม้จะมีชีวิตที่ไม่ลำบากแล้วแต่ในใจทารคาก็ยังไม่อาจสงบ แล้ววันหนึ่งโอกาสล้างแค้นของเขาก็มาถึง เมื่อแม่มดยักษานาม การ์ณีชา ได้หลบหนีจากเมืองนรกัณฑ์เพื่อมาสวามิภักดิ์ต่อทารคา

ด้วยมนตร์ของนางจึงพรางกายของทารคาให้เป็นทหารยักษ์และเข้าสู่วังของกาฬสูรได้โดยทัพยักษ์ไม่อาจล่วงรู้ ทารคาในครานี้มีฝีมือเหนือกว่ากาฬสูรแล้ว กาฬสูรเสียทีจึงนำกระบองบรรลัยจักรออกมาหมายพิฆาตทารคา แต่กลับผิดคาดบัดนี้กระบองได้เลือกนายใหม่ผู้แข็งแกร่งกว่าอย่างทารคาเสียแล้ว ทารคาจึงใช้กระบองฟาดใส่กาฬสูรจนถึงแก่ความตาย และขึ้นปกครองเผ่ายักษ์ในนาม เทหะยักษา และเมื่อเติบใหญ่ขึ้นก็หมายมั่นจะครอบครองแผ่นดินอื่น ๆ ให้หมดสิ้นด้วย

เผ่าวานร

เมื่อยักษ์มีราชาใหม่อันแกร่งกล้าและส่งท่าทีจะแผ่ขยายอำนาจลงมาด้านล่าง เมืองมะนีโคดของเผ่าวานรจึงเป็นเป้าหมายแรกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยยักษ์และวานรเปรียบเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนั้นรามเทพนครได้ส่งตัวแทนมนุษย์คือ จมื่นพันธ์วรเดช ขึ้นมาเพื่อขอยื่นข้อตกลงผูกมิตรร่วมต่อต้านเผ่ายักษ์ แต่ด้วยความลำพองใจในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ราชาวานร ท้าววานรา วาโย แห่งราชวงศ์พายะจึงได้ปฏิเสธกลับไป

แต่จริงแล้วถึงแม้จะเชื่อในพลังของอาวุธ ท้าววาโยก็มีความกังวลใจหนึ่ง คือตนเองแก่เกินจะปกป้องเมืองเสียแล้ว ถึงเวลาต้องส่งต่ออาวุธแก่รัชทายาทนาม เจ้าชายวานรา วาตะ เสียที แต่วาตะนั้นหลงใหลในการเที่ยวเล่นขาดบารมีและความสามารถ ท้าววาโยจึงจำใจส่งมอบอาวุธให้คนนอกสายเลือดพระพายที่มีความสามารถสูงอย่าง วิชชุ บุตรแห่งบ้านสลาตันแทน

วาตะนั้นแม้จะเสียใจอย่างมากแต่ก็กลบเกลื่อนทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรเพราะก็ยอมรับในความไม่เอาไหนของตน ส่วนวิชชุนั้นก็จำใจต้องยอมรับอาวุธเพราะภัยยักษ์กำลังคืบคลานมา ทั้งที่เขาเองไม่ได้อยากขึ้นเป็นราชาแต่อย่างใด

ในวันทำพิธีส่งต่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์ วาตะไม่อาจทำใจได้จึงออกไปนอกเมืองเที่ยวเล่นอย่างเคย ในเวลานั้นเองที่เทหะยักษายกกำลังมาบุกเมืองมะนีโคด วิชชุจึงใช้พลังของเกราะแขนกลเทวะด้วยทักษะที่ช่ำชองเข้าสังหารเทหะยักษา แต่ก็ทำได้เพียงสร้างบาดแผลขึ้นที่แขนของราชายักษ์เท่านั้นเพราะวิชชุไม่ใช่ผู้สืบสายเลือดพระพายที่แท้จริง วาตะที่เห็นเมืองของตนย่อยยับ ทั้งบิดาและเพื่อนพ้องทั้งหลายก็ตายสิ้นลงต่อหน้าก็เจ็บแค้นแสนสาหัส และได้บังเอิญพบกองทัพยักษ์จึงหมายเข้าไปล้างแค้น โชคดีที่พวกมันไม่รู้ว่านี่คือเจ้าชายวานรจึงเพียงรุมซ้อมจนวาตะปางตายเท่านั้น

วาตะพาร่างอันบอบช้ำมาถึงเมือง นาคาวรรณ อันเป็นเมืองท่าสำคัญของรามเทพนคร ด้วยความมุ่งมั่นล้างแค้นวาตะจึงยอมลดศักดิ์ศรีเจ้าชายขโมยของกินเพื่อมีชีวิตต่อไป

ในวันหนึ่งพ่อค้ายักษ์ได้นำเกราะแขนกลเทวะที่ยึดมาได้จากมะนีโคดมาวางขายกลางเมือง วาตะจึงพุ่งเข้าไปเพื่อหวังช่วงชิงกลับคืน แต่ก่อนจะปะทะกับทหารยักษ์ที่รายรอบก็มียักษ์สีแดงตนหนึ่งกระชากวาตะออกมาเตือนสติไม่ให้ทำการเหมือนฆ่าตัวตายเสียก่อน วาตะคับแค้นใจยักษ์เป็นทุนเดิมจึงจะทำร้ายยักษ์แดง เมื่อยักษ์แดงรู้ถึงชะตากรรมของวาตะก็เพียงนั่งลงนิ่ง ๆ ให้วาตะซ้อมให้สบายใจ แต่วาตะก็ยั้งมือเพราะรู้ว่าไม่อาจทำให้สิ่งที่สูญเสียไปกลับมาได้อยู่ดี ยักษ์แดงจึงเสนอตัวเป็นคนช่วยล่อยักษ์อื่น เพื่อให้วาตะลอบเข้าไปขโมยเพราะแขนเทวะคืนมาแทน

แต่แผนการครั้งนี้ก็ล้มไม่เป็นท่า เพราะพ่อค้ายักษ์เกิดจำได้ว่ายักษ์แดงคือยักษ์ทรยศที่มีประกาศจับ ด้านวาตะก็โดนจับได้อย่างรวดเร็ว ยักษ์แดงจึงรีบวิ่งมาช่วยแต่ก็โดนกลุ่มยักษ์เข้ารุมสะกัด ตอนนั้นวาตะโกรธแค้นที่สหายต่างเผ่าพันธุ์ถูกทำร้ายแทนตนจึงกระโจนเข้าช่วยยักษ์แดง แต่ก็ถูกซัดจนกระเด็นออกมา

ระหว่างที่วาตะแค้นในความไร้พลังของตนเองนั้น เกราะแขนเทวะก็มีปฏิกิริยาเรืองแสงพร้อมพายุพัดรุนแรงขึ้น วาตะที่ได้รับพลังจากอาวุธวิเศษก็เข้าปราบเหล่ายักษ์จนพินาศ แล้วสองสหายใหม่ก็ร่วมกันเดินทางสู่ภารกิจกู้เมืองมะนีโคดต่อไป

เผ่าทมิฬ

ทมิฬเป็นเผ่าป่าเถื่อนไร้อารยธรรมที่มีร่างกายดุจอสูรกายอาศัยอยู่ในป่าลึก แต่ด้วยความสามารถในการล่าที่หาเผ่าอื่นเทียบเทียมยาก จึงเป็นเป้าหมายของมนุษย์ในการล่าทั้งเพื่อนำศีรษะมาสะสม และนำพวกเด็กทมิฬมาฝึกเลี้ยงเป็นทาสช่วยล่าสัตว์ร้าย ไอ้บาก คือเด็กชาวทมิฬที่ถูกมนุษย์มาจับขังไว้ใช้งาน มันจำแม่ของมันไม่ได้แล้ว มีเพียงความทรงจำในฝันถึงอ้อมกอดแม่และเสียงกระดิ่งสร้อยคอของแม่เท่านั้น ไอ้บากถูกโจรนาม เสือทิว เจอสลบในป่าจึงนำมาเลี้ยงใช้ล่าสัตว์เยี่ยงสุนัขล่าเนื้อ โดยเนื้อสด ๆ ของสัตว์นั้นจะเป็นรางวัลให้แก่ไอ้บาก ในขณะที่เสือทิวจะตัดเฉพาะอวัยวะส่วนที่มีราคาไปขายต่อให้โจรสลัดจีนชื่อ อู่เผิง

ในครั้งหนึ่งอู่เผิงเกิดอยากได้ตัวไอ้บากไปใช้งาน จึงแสร้งหาเรื่องเสือทิวและกดดันให้มอบไอ้บากเป็นค่าชดเชย เสือทิวจำใจต้องมอบไอ้บากให้เพราะไม่อาจต้านกำลังของกองทัพโจรสลัดอู่เผิง เมื่ออยู่กับอู่เผิง ไอ้บากก็ไม่ได้ล่าสัตว์อีกต่อไป แต่กลายเป็นอาวุธสังหารหมู่ตามคำสั่งของอู่เผิงเพื่อใช้ปล้นชิงสิ่งของมีค่าตามหมู่บ้านต่าง ๆ จนมันได้รับการยอมรับยำเกรงจากสมุนของอู่เผิง

แต่แล้วชะตาของไอ้บากก็พลิกผันไปอีก เมื่อกองทัพยักษ์จู่โจมปล้นฆ่าเรือบินของอู่เผิง ตัวอู่เผิงเห็นท่าไม่ดีจึงหนีเข้าห้องเก็บสมบัติส่วนตัว หมายขนของมีค่าสำคัญเอาตัวรอดลำพัง แต่ไอ้บากที่วิ่งตามมาหมายคุ้มครองก็ได้พบภาพที่สะเทือนจิตใจอย่างยิ่ง เพราะในห้องสมบัติที่มันไม่เคยรู้นั้นมีศีรษะของสตรีเผ่าทมิฬซึ่งสวมสร้อยกระดิ่งอยู่ด้วย

ตอนนั้นเองที่ไอ้บากจดจำอดีตในวันที่หมู่บ้านมันถูกโจรสลัดเข้าทำลาย แม่ของไอ้บากถูกเชือกรัดคอเพื่อจับจนตายต่อหน้ามันนั่นเอง กลับมาปัจจุบันไอ้บากโกรธแค้นจนเสียสติไร้ฆ่าโจรสลัดทุกคนบนเรือ และหมายจะล้างแค้นมนุษย์ทุกคนในฐานะศัตรูของเผ่าพันธุ์ กองทัพยักษ์เห็นเข้าก็นึกสนุกจึงได้เกลี้ยกล่อมให้มาเป็นพวก ซึ่งต่อมาได้รู้จักไอ้บากกันในฐานะทหารเอกของเทหะทักษานามว่า พรานทมิฬ

เผ่ามนุษย์

หลังจากการสร้างพันธมิตรกับเผ่าวานรล้มเหลว เหล่าขุนนางและทหารหาญของรามเทพนครก็ต้องตั้งรับรอการบุกของเหล่ายักษ์เพียงลำพัง แต่นอกจากทหารของราชาแล้ว ระหว่างทางสู่รามเทพนครนั้นยังมีหมู่บ้านสิงห์ดำ ซึ่งมีครูมวยไทยเฒ่าชื่อ นายขนมต้ม ได้รวบรวมเหล่าศิษย์เอกผู้ช่ำชองในวิชามวยแขนงต่าง ๆ ของตนเข้าเป็นหน่วยรบกองโจรคอยตัดทอนกำลังกองทัพยักษ์จนเป็นที่หวั่นเกรงของยักษาทั้งหลายด้วย

แต่แม้จะมีฝีมืออย่างไรกำลังคนเพียงหยิบมือก็อาจพลาดพลั้งบาดเจ็บล้มตายจากระลอกคลื่นทัพย่อยพวกยักษ์ที่เข้ามาไม่หยุดหย่อนจนได้ ครูเฒ่าผู้ร่าเริงก็เปลี่ยนเป็นเงียบขรึมเมื่อมองเห็นลูกศิษย์คนแล้วคนเล่าตายลง จนในที่สุดก็เหลือศิษย์ยอดฝีมือเพียง 5 คน คือ เดช ผู้แตกฉานแม่ไม้มวย แดง เอกอุเข่าแข้ง เที่ยง ครูท่าศอก จ่อย ยอดลูกล่อลูกไม้ และโชติ จอมหมัดทรงพลัง แม้ตอนนั้น ขุนศรีธรเทพ จากรามเทพนครจะมาชวนให้ครูเฒ่าหนีลงไปตั้งหลักยังแดนใต้ตามทัพทหารส่วนใหญ่ แต่ครูเฒ่าก็ยืนยันจะสู้จนตัวตายที่นี่ เหล่าลูกศิษย์ก็ทำได้แต่หวั่นใจในความหัวรั้นของครู

ครั้นเมื่อทัพใหญ่ของเทหะยักษามาถึง ด้วยกำลังที่ต่างจากทุกครั้งอย่างมากมายมหาศาล เหล่าศิษย์จึงนัดประชุมลับและตัดสินใจเข้าไปยกสุรากราบขอขมาครูเฒ่าเพื่อขออำลา ครูเฒ่ายกดื่มไหสุราจนหมดและฝากฝังวิชามวยไทยให้แก่ศิษย์แต่ละคนช่วยสืบทอดต่อไปไม่ให้สูญหายในวันที่ตนสละชีพ

แล้วตอนนั้นเองที่สติของครูเฒ่าก็เริ่มหลุดเลือนจากยาที่อยู่ในเหล้า เหล่าศิษย์ต่างเข้ารุมมัดจับครูเฒ่าไปล่ามโซ่ขังไว้ในบ่อน้ำ และออกไปต่อกรกับกองทัพยักษ์เพียงลำพังเพื่อรักษาชีวิตของครูผู้มีพระคุณไว้ ท่ามกลางเสียงรบสู้อย่างไม่กลัวตายของเหล่าศิษย์ที่ล้มหายไปทีละคน ครูเฒ่าที่เริ่มฟื้นสติทำได้เพียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งราวกับจะสิ้นใจ จนในที่สุดก็ไม่เหลือเสียงใดออกมาอีก

เวลาผ่านไปตั้งแต่นั้นครูเฒ่าก็ไม่เคยถอดห่วงโซ่ที่ขาของตนออกราวกับเป็นของดูต่างหน้าศิษย์ทั้ง 5 คนของตน แล้วเวลาก็ผ่านไปจนกระทั่ง หลวงพ่อ ที่กำลังนำชาวบ้านอพยพลงแดนใต้ผ่านมาพบเข้า จึงได้ชวนครูเฒ่าที่หมดอาลัยตายอยากเป็นไอ้บ้าใบ้ด้วยความรู้สึกผิดที่ลูกศิษย์ต่างมาตายเพราะความรั้นของตนคนเดียวลงสู่เกาะแดนใต้

เมื่อกองทัพยักษ์ได้ผ่านหมู่บ้านสิงห์ดำล่วงเข้าบุกยึดเมืองรามเทพนครสำเร็จ โหรหลวง แห่งรามเทพนครก็ได้ประกาศคำทำนายต่อหน้า เทหะยักษา ว่าเด็กชายที่เกิดในราชาฤกษ์ดาวสิงห์จะใช้วิชามวยไทยที่สาบสูญกับ 9 ศาสตรา อาวุธคู่เมืองกลับมาปราบเทหะยักษาลงได้

คืนนั้นเองหลังโหรหลวงได้ทำนายจนเป็นเสียงลือไปทั่วเหล่าเชลยมนุษย์ องค์รัชทายาทนามว่า ไชยราเมศ ผู้เกิดในฤกษ์ตามคำนายพร้อมพระราชมารดาก็ได้ถูกช่วยออกจากท้องพระโรงไปแฝงตัวอยู่กับเหล่าเชลยในวัง จนเมื่อพระโอรสเติบใหญ่ขึ้นก็ได้แอบฝึกวิชามวยในคุกนั้นเพื่อวันหนึ่งจะได้กลับไปกู้บ้านเมือง

อีกด้านเหล่าทหารแห่งเมืองมนุษย์ได้แตกออกเป็นหลายฝ่าย พวกหนึ่งคือ ขุนศรีธรเทพ รวมถึง จมื่นรงค์ และ หลวงเรือง คิดการทิ้งพระนครไปตั้งหลักทางแดนใต้ ส่วน จมื่นพันธ์วรเดช ที่ไปเจรจาเหล่าวานรไม่สำเร็จก็ขอสละชีพนำทหารคนสนิท 5 คนเข้าไปขโมย 9 ศาสตราอาวุธเหล็กไหลตามคำนายในท้องพระคลังผ่านทางอุโมงก์ลับที่เชื่อมกับบ้านฆ้องเหล็กที่ชานพระนคร ก่อนที่เทหะยักษาจะทำลายมันทิ้ง โดยยังได้ฝากฝัง แสง บุตรชายของตนให้หนีไปกับหลวงเรืองด้วย

แต่เมื่อมาถึงท้องพระคลัง ที่นั่นแม่มด การ์ณีชา กับ พรานทมิฬ ได้รออยู่ก่อนแล้ว เหล่าทหารคนสนิทต่างถูกพรานทมิฬฆ่าอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจมื่นพันธ์วรเดชจะเสียท่า แสงบุตรชายที่จมื่นพันธ์วรเดชมีคำสั่งให้เป็นไม้ตายลับลวงว่าหนีเผื่อมีไส้ศึกจะล่วงรู้แผนการก็เข้ามาช่วยได้ทัน

จังหวะนั้นจมื่นพันธ์วรเดชก็ได้รับพลังบางส่วนจาก 9 ศาสตราถือดาบสองมือแหวกวงล้อมจนถึงทางหนีอุโมงก์ลับได้ ทว่าแสงที่วิ่งตามมากลับถูกพรานทมิฬไล่ทันและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ด้วยการถ่วงเวลาของแสงทำให้จมื่นพันธ์วรเดชหนีพ้นมาถึงบ้านฆ้องเหล็กได้สำเร็จ และที่นั่นเองที่เขาได้พบกับครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านฆ้องเหล็กที่ช่วยเขาหลบหนี

เวลานั้นอีกด้านหนึ่งห่างออกไปจากรามเทพนคร ก็เกิดการทรยศกันขึ้นในหมู่โจรสลัดจีน โดยสมุนโจรชั่วนาม อี้ถง ได้ร่วมมือกับพวกยักษ์ ทำลายกองโจรของหัวหน้าตนนาม หยางกุ้ย สำเร็จ แล้วตั้งตัวเป็นพ่อค้าของเถื่อนใต้การสนับสนุนของเผ่ายักษ์

ครอบครัวหยางกุ้ยตอนนั้นมีผู้รอดชีวิตเพียงสองคน หนึ่งคือลูกชายคนโตนามว่า ฟง ได้ถูกพวกยักษ์จับไปเป็นเชลยที่รามเทพนคร ส่วนลูกสาวคนเล็กนามว่า เสี่ยวหลาน ได้รับการช่วยเหลือจากลูกสมุนโจรสลัดคนอื่นพาหนีการโจมตีไปได้

ภายหลังผ่านไป 13 ปี เสี่ยวหลานได้กลับมาล้างแค้น และซ้อนแผนปลอมตัวเป็นสมุนของ สุไลมาน โจรตานีแดนใต้พันธมิตรการค้าของอี้ถง เพื่อฆ่าอี้ถงล้างแค้นให้พ่อกับแม่ และชิงเอาแผนที่ฐานเรือเหาะของพวกยักษ์มาสืบเส้นทางสาวไปถึงที่คุมขังพี่ชายของตน โดยจุดหมายที่เสี่ยวหลานจะสืบหาฐานลับเรือเหาะพวกยักษ์ต่อไปนั่นก็คือเมืองนาคาวรรณนั่นเอง

กลับมาที่องค์รัชทายาทไชยราเมศซึ่งบัดนี้เติบใหญ่เป็นหนุ่มแล้ว ก็ได้ถูกเกณฑ์ให้ต่อสู้กับฝูงยักษ์ในสนามประลองเพื่อความบันเทิง ขณะที่พลาดท่าจะถูกฆ่านั้นเององค์รัชทายาทก็พบความสามารถในการระเบิดจิตสะกดยักษ์ให้หยุดชะงักได้ด้วยบารมีกษัตริย์ เปิดช่องให้เชลยหนุ่มนามว่า ฟง เข้าแทงจนฆ่ายักษ์ได้สำเร็จ และนั่นก็คือการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ด้วย

สุดท้าย จมื่นพันธ์วรเดชที่หลบหนีมาถึงยังเกาะนกแอ่น ณ แดนใต้เพื่อซ่อน 9 ศาสตราจากฝูงยักษ์ ก็ได้ฝึกฝนเด็กน้อยที่ตนช่วยชีวิตไว้ระหว่างการหลบหนีมาได้ นามว่า อ๊อด โดยอาศัยความช่วยเหลือของครูมวยไทยเฒ่าใบ้ช่วยสอนวิชามวย และหลวงพ่อในการสอนฝึกจิต เพื่อหมายมั่นให้เป็นตัวตายตัวแทนของจมื่นพันธ์วรเดชทำภารกิจนำคืน 9 ศาสตราแก่องค์รัชทายาทต่อไปในภายหน้า

และเรื่องราวหลังจากนี้เราจะได้รับชมกันในโรงภาพยนตร์นั่นเองครับ กับ 9 ศาสตรา แอนิเมชั่นไทยที่มันที่สุดในยุคนี้ ห้ามพลาดทีเดียว

อ่านการ์ตูนฉบับเต็มได้ที่แฟนเพจของหนัง 9 ศาสตรา หรือกดจากลิงค์นี้ได้เลยครับ
1. ตอนเทหะยักษา 2. ตอนวาตะ 3. ตอนพรานทมิฬ 4. ตอนเฒ่าใบ้ 5. ตอนจมื่นพันธ์วรเดช 6. ตอนองค์ชายรัชทายาทแห่งรามเทพนคร 7. ตอนเสี่ยวหลาน 8. ตอนอ๊อด