[รีวิว]Friend Zone : ดราม่าเคลือบน้ำตาล
Our score
7.2

friend zone : ระวัง สิ้นสุดทางเพื่อน

จุดเด่น

  1. ฉลาดในการหยิบเรื่องราวใกล้ตัว ของเพื่อนรักเพื่อนมาเล่า
  2. ฝีมือการแสดงของใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ยังน่าดูเสมอ
  3. ภาพสวย เพลงเพราะ
  4. บทสนทนาที่ลื่นไหล สมจริง
  5. มุกที่ได้เสียงหัวเราะทุก 5 นาที

จุดสังเกต

  1. มุกตลกหลาย ๆ มุกที่ดูยัดเยียด
  2. ดราม่าไปไม่ถึงจุดเสียน้ำตา
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.0

  • ความสมบูรณ์ของงานสร้าง

    8.0

  • ความแปลกใหม่

    6.0

  • ความสนุก

    7.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    8.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย

หน้าหนังยังคงมาในสไตล์โรแมนติก-คอมมีดี้ แนวถนัดของ GDH แต่เมื่อได้ชมกับรู้สึกว่าชีวิตรักของตัวละครหลักทั้งปาล์ม และ กิ๊ง กลับไม่ได้ดำเนินมาบนเส้นทางที่พบกับความสุขหอมหวานเลยนะ ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยน้ำตา บทกิ๊งของใบเฟิร์น ร้องไห้แทบทั้งเรื่อง เริ่มตั้งแต่จับได้ว่าพ่อแอบมีเมียน้อย รู้สึกเก้อ ๆ เขิน ๆ เมื่อปาล์มเผยความรู้สึกกับกิ๊งว่าเป็นแค่เพื่อนตั้งแต่ในวัยมัธยม คบกับแฟนรุ่นพี่มา 10 ปีก็ไปมีกิ๊ก จนกระทั่งมาคบกับพี่เท็ด บทของเจสัน ยัง ก็เป็นความรักที่ดำเนิน ไปบนความหวาดระแวง วิตกกังวลตลอดเวลาว่าพี่เท็ดจะนอกใจ ต้องตามสืบอยู่ตลอดเวลา ส่วนปาล์มก็กลายเป็นสจ๊วตเจ้าเสน่ห์ มีสาว ๆ ไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่ได้มีความสุขสมหวังสักคน เพราะแม้แต่ปากจะบอกกับกิ๊งว่าเป็นเพื่อนแต่ก็แอบรักแอบหวัง อยู่เสมอ แค่กิ๊งโทรหาปาล์มก็รีบแจ้นไปหาทุกที่ทุกเวลา แม้จะอยู่ต่างประเทศ

เหมือนว่าโจทย์ถูกบังคับให้หนังจะต้องออกมาเป็นโรแมนติก-คอมมีดี้ แม้ว่าเนื้อหาบนชะตากรรมตัวละครจะเศร้าปานใด หนังก็เลยยัดเยียดมุกลงไปให้เกิดเสียงหัวเราะได้ทุก ๆ 5 นาที หลายมุกทีเล่นกับสถานการณ์กระอักกระอ่วน เก้อเขิน ก็ได้ผลดี มุกที่มากับบทสนทนาแซวจิกกัดก็ได้เสียงหัวเราะไปเสียทุกครั้ง แต่บางมุกก็ฝืนเกินไป เหมือนมุกในละครหัวค่ำ อย่างตอนปาล์มเอาช็อคโกแลตลาวามาทารอบปากแทนหนวดเคราเพื่อล้อเลียนพี่เท็ด มุกที่ปาล์มแต่งเนื้อร้องแซวกิ๊งใส่ทำนองเพลง “คิดมาก” ก็ไม่ได้รู้สึกขำตาม หรือมุกลิงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ก็ดูแล้วเหมาะกับหนังตลกสไตล์โก๊ะตี๋-น้าค่อมมากกว่านะ ถ้าไม่ต้องตั้งหน้าตั้งตาพยายามให้ตลก ลดระดับมุกต่าง ๆ ให้พอมีบ้าง แล้วไปขยี้เรื่องราวดราม่าของปาล์ม – กิ๊ง น่าจะพาไปถึงระดับน้ำตาแตกได้พอ ๆ กับ FANDAY เพราะตลอดเรื่องคนดูก็ได้รู้จักตัวตนของปาล์ม-กิ๊งมาพอดู ต่างก็ลุ้นให้คู่นี้ได้เปิดปากบอกความในใจกันเสียที ลุ้นให้ลงเอยกันเสียที

ซึ่งหนังก็เล่นกับเรื่องราวตรงนี้พอสมควร โดยเฉพาะฉากเปิดใจในห้องพักรีสอร์ท ทั้งใบเฟิร์นและนายต่างก็ทำหน้าที่ได้ดี กับฉากกดดันตึงเครียดทั้งบนจอทั้งในโรงที่ร่วมลุ้นว่าคู่นี้จะลงเอยกันอีท่าไหน สำหรับใบเฟิร์นนี่เก่งมากอยู่แล้วกับฉากอารมณ์แบบนี้ น้ำตาเหมือนสั่งได้เสมอ เป็นดาราสาวที่ร้องไห้แล้วดูน่าสงสารตลอด สำหรับนาย ณภัทร ที่เพิ่งรับงานแสดงเต็มตัวเรื่องแรกแล้วต้องมาเจอฉากอารมณ์แบบนี้ก็ถือว่าสอบผ่านนะครับ แม้ว่าหลาย ๆ ฉากจะโดนใบเฟิร์นดึงความสนใจไปหมด

หนังมีฉากที่เล่นกับอารมณ์ได้เยอะมาก ฉากนัดพบที่เจดีย์ชเวดากอง ฉากที่กิ๊งมาดักเจอปาล์มบนลู่จักรยาน แต่ทั้งหมดก็มาได้ในระดับอึน ๆ ตึง ๆ ยังไม่ถึงขั้นสะกิดต่อมน้ำตาได้ ถ้าผู้สร้างไม่ต้องห่วงว่าหนังจะต้องเป็นคอมมีดี้ แล้วจัดหนักกับฉากดราม่า เชื่อว่าองค์ประกอบของหนังที่ปูมาตั้งแต่ต้น กับความรักที่ไม่เจอกันสักทีของทั้งคู่ แล้วยิ่งเป็นเรื่องราวของเพื่อนรักเพื่อนที่เป็นประสบการณ์ใกล้ตัวหลาย ๆ คน ยิ่งเกินพอที่จะพาให้ฉากดราม่านี่ถึงขั้นน้ำตาแตกได้ง่าย ๆ แล้วหนังก็จะมีฉากจดจำได้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้

การเล่าเรื่องก็ถือว่าเล่าอย่างมีลูกเล่นชั้นเชิง ไมได้เดินเรื่องแบบเส้นตรงแต่ถูกเล่าผ่านตัวปาล์มถึงชีวิตรักของเขาและกิ๊งตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน มีการเล่าสลับไทม์ไลน์ไปมา แต่ก็ไม่ได้ชวนงง แถมมีลูกเล่นหักมุมตอนท้ายเล็ก ๆ กับบทสรุปความรักของทั้งคู่ สีสันอีกอย่างของหนังคือการใช้ประโยชน์จากอาชีพสจ๊วตของปาล์ม และการเดินสายบันทึกดนตรีนานาชาติของเท็ด เลยทำให้หนังออกแนวเยี่ยมเยียนประเทศเพื่อนบ้าน ก็เลยได้เห็นตัวละครบินไปบินมาในประเทศแถบนี้กันครบถ้วน พม่า ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ซึ่งทีมงานก็หามุมสวย ๆ ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้มาให้เราได้ดูกัน รวมไปถึงมุมสวย ๆ ในกระบี่ที่ดูแล้วก็อยากไปเที่ยวเหมือนกัน หนังอาจจะเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ในชัวโมงแรก ที่เน้นหนักไปวีรกรรมสะกดรอยตามพี่เท็ด ที่ต้องมีปาล์มติดสอยห้อยไปด้วย แต่พอเข้าช่วงท้ายที่ปาล์มตัดสินใจก้าวข้ามกำแพงความเป็นเพื่อนไปแล้ว โทนหนังก็หนักขึ้นทันที ยิ่งทำให้คนดูต้องลุ้นหนักว่าบทหนังจะลงเอยแบบไหน จะใจร้ายหรือใจดีกับตัวละคร

Friend Zone ก็ยังอยู่ในมาตรฐานของหนัง GDH และยังคงอยู่ในกลุ่มเดียวกับผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับหมู ชยนพ ที่เคยกำกับ เมย์ไหน…ไฟแรงเฟร่อ , Suck Seed ห่วยขั้นเทพ ซึ่งมีมุกให้ได้หัวเราะพอขำ ๆ คิก ๆ ได้ทั้งเรื่อง แต่ก็ไม่มีมุกถึงขั้นฮาแรง ๆ ชวนจดจำ เช่นเดียวกับพาร์ทดราม่าของหนังที่ก็ไมได้พาไปถึงขั้นเสียน้ำตา เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ได้ดูหนังที่มีภาพสวย ๆ เพลงเพราะ ได้สัมผัสเสน่ห์และความสามารถของใบเฟิร์น ที่ทำให้เราเดินยิ้มออกจากโรงได้ แม้จะไม่ได้เข้าคลาสเป็นหนังท็อป10 ของ GDH ก็ตาม

 

Play video