หนังเรื่องนี้พี่ดูระบบไหนดี Avengers Endgame ระบบ IMAX 3D
Our score
8.9

Avengers Endgame

จุดเด่น

  1. หนังยิ่งใหญ่มีฉากขยายทั้งเรื่องเหมาะกับจอ IMAX
  2. มีการแปลงภาพเป็น 3 มิติได้น่าพอใจมาก

จุดสังเกต

  1. ภาพเด้งทะลุจอน้อยไปหน่อย
  2. บางช่วงที่ฉากหลังมืดๆหรือแสงน้อยก็จะไม่เห็นมิติด้านลึกของภาพมากนัก
  • เหมาะมั้ยกับระบบ IMAX3D

    10.0

  • มิติภาพด้านลึก

    8.0

  • ภาพเด้งทะลุจอ

    7.0

  • ถอดแว่นมองภาพเบลอ

    9.5

  • ความปลอดภัยต่ออาการเวียนศีรษะ

    10.0

ก่อนปิดท้าย Infinity Saga หรือ มหากาพย์มณีอินฟินีตี้ ทางมาร์เวลสตูดิโอก็ขอส่ง Avengers Endgame มาเป็นบทสรุปสำหรับเหตุการณ์ใน Avengers Infinity War หนังภาคก่อนหน้า และแน่นอนทางมาร์เวลเองก็ยังคงเคลมว่านี่เป็นหนังยาวเรื่องที่ 2 ที่ถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX ทั้งเรื่องต่อจาก Infinity War เรียกได้ว่านำมาทำการตลาดกึ่งบังคับสาวกเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ กันเลยทีเดียว และด้วยความสงสัยและอยากพิสูจน์แบบละเอียดๆ หนังเรื่องนี้พี่ดูระบบไหนดี เลยขอตัดเกรดตามเกณฑ์ของเรา ไม่ใช่ประกอบการตัดสินใจดูครั้งแรกนะครับ แต่เผื่อใครปรารถนาจะดูซ้ำได้ตัดสินใจง่ายขึ้น 

Play video

เหมาะมั้ยกับระบบ IMAX3D

จากข้อมูลเทคนิคที่ทางเว็บไซต์ IMDB ระบุว่าหนังใช้กล้อง Arri Alexa 65 IMAX กล้องดิจิตอลลาร์จฟอร์แมตของทาง ARRI ที่สามารถถ่ายภาพสำหรับฉายไอแมกซ์ได้เหมือนภาค Infinity War แถมยังระบุด้วยว่าหนังจะฉายใน 2 อัตราส่วนคือ 2.39:1 ในโรงธรรมดา และ 1.90:1 สำหรับโรงไอแมกซ์ ไม่เทานั้นหนังยังมิกซ์เสียงแบบ 6 แทร็กตามมาตรฐานไอแมกซ์จนได้เสียงกระหึ่มสมจริงอย่างที่สุด ปิดท้ายด้วยการใช้บริษัท Company3 ที่เชี่ยวชาญการแปลงภาพ 3 มิติที่สุด ในหมวดนี้เลยต้องให้คะแนนเต็ม 10 อย่างหมดข้อโต้แย้งครับ. 

มิติภาพด้านลึก

การที่หนังจะฉายเป็น 3 มิติ แน่นอนว่าพื้นฐานที่สุดคือการทำให้ภาพด้านลึก โดยส่วนมากเราจะต้องเห็นฉากหลังมีความลึกแยกจากเลเยอร์ของนักแสดง หรือ ซับเจคต์ – จุดสนใจของภาพ และสำหรับ Avengers Endgame ก็ถือว่าตัวหนังส่วนใหญ่มีการจัดการให้ภาพมีมิติด้านลึกได้ดีทีเดียว แต่จะมาเสียคะแนนตรงภาพขนาดใกล้ที่หนังมันถ่ายแบบชัดตื้น ซึ่งมีให้เห็นเป็นระยะโดยเฉพาะการปูดราม่าใน องก์แรกของหนังที่ทำให้ภาพแทบไม่มีความต่างจากภาพ 2 มิติธรรมดาเท่าไหร่นัก เอาไป 8 คะแนนแล้วกัน 

ภาพเด้งทะลุจอ

 

และมาถึงจุดที่เราคาดหวังกับการดูหนัง 3 มิติกันบ้าง นั่นคือการได้เห็นตัวละครหรือมีอะไรพุ่งทะลุจอมาหาคนดู สำหรับ Avengers Endgame ต้องบอกว่า ช่วงที่เราจะเห็นภาพพุ่งออกมามากที่สุดหนีไม่พ้น ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่เป็นฉากแอ็คชั่น และตัวละครมีการเหาะเหินเดินอากาศกันเป็นว่าเล่นนั่นละ ถึงจะเห็นได้ชัด ผิดกับช่วงองก์แรกและช่วงต้นองก์สองที่แทบไม่เห็นความพุ่งเท่าใดนัก ตรงนี้ขอให้คะแนนที่ 7 คะแนน เนื่องจากมีโมเมนต์ที่ภาพทะลุจอ แต่เทียบทั้งเรื่องแล้ว เราว่ายังน้อยไปหน่อย 

ถอดแว่นมองภาพเบลอ

การพิสูจน์หนังสักเรื่องว่าเป็น 3 มิติแท้หรือไม่เราจำเป็นถอดแว่นมองพิสูจน์. จากการถอดแว่นซีนละ 3 ครั้งช่วงต้น กลาง และปลายซีน แล้วต้องบอกว่า 99% ของหนังมีการแปลงภาพแทบทั้งหมด จะมีการแทรกภาพ2มิติอยู่ประมาณ 3 เฟรมเท่านั้นในฉากดราม่า ซึ่งก็ถือว่าให้ผลลัพธ์น่าพอใจ ขอให้คะแนนสัก 9.5 คะแนน 

ความปลอดภัยต่ออาการคลื่นไส้

ใช่ว่าหนัง 3 มิติจะเหมาะกับทุกคน บางคนไม่สามารถทดภาพที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วหรือกล้องมีการเคลื่อนไหวแบบวูบวาบไม่อยู่นิ่ง แต่สำหรับ Avengers Endgame ต้องบอกว่าหนังค่อนข้างปลอดภัยไร้ภาพเคลื่อนไหวแบบวูบวาบ หรือภาพส่ายไปส่ายมา ถึงหนังจะมีฉากแอ็คชั่นที่มีการตัดภาพเร็ว และมีการเหวี่ยงกล้อง สวิตช์แพนบ้าง แต่ก็มีการวางจังหวะที่ดี ให้ความสำคัญกับการรับรู้ภาพของผู้ชมส่วนใหญ่ จึงเบาใจได้ว่าดูแล้วไม่ปวดหัวแน่นอน. ตรงนี้ขอให้ 10 คะแนนเต็มเลยครับ 

สรุปเลย คุ้มไม่คุ้ม

สิ่งที่ผู้ชมต้องเตรียมใจไว้เลยคือราคาค่าตั๋วมหาโหด โดยสาขาถูกที่สุดคือที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขา เซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่เริ่มที่นั่งละ 300 บาท สาขาเวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ เริ่มต้นที่ 350 บาท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ สาขา รัชโยธิน เริ่มต้นที่ 400 บาท ส่วนสาขาไอคอนซีเนคอนิคและควอเทียร์ซีนีอาร์ตเริ่มต้นที่ 500 บาท ส่วนสาขาแพงสุดอย่าง พารากอนซีนีเพล็กซ์เริ่มต้นที่ 550 บาทเลยทีเดียว ซึ่งผู้ชมอาจต้องคำนวนค่าใช้จ่ายส่วนอื่นประกอบทั้งค่าเดินทางและค่าอาหารที่อาจทำให้การมาดูหนัง 1 เรื่องอาจต้องเสียเงินหลักพัน เพื่อแลกกับอรรถรสการชม ซึ่งต้องใช้วิจารณญานส่วนบุคคลว่าคุ้มค่าคุ้มราคาค่าตั๋วและค่าใช้จ่ายส่วนอื่นหรือไม่  ซึ่งหากผู้ชมไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายก็แนะนำให้ชมในระบบ IMAX3D ครับ