เป็นเวลาหลายปี ที่เราไม่ได้ฟังงานเพลงจาก  โดม ปกรณ์ ลัม เลย กลับมาคราวนี้โดมสลัดคราบความเป็น NOLOGO และดนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ออกไปหมดสิ้น แล้วพาพวกเราย้อนกลับไปในยุคสุดคลาสสิคอันรุ่งเรืองนั่นคือยุคเก้าศูนย์ทั้งตัวงานเพลงและเอ็มวีต่างคารวะงานเพลงในยุคนั้น สำหรับในตัวเพลงนั้น “เสียงขอร้องของคนเสียใจ” มีความเป็นเพลงรักและอารมณ์ในแบบที่พวกเราเติบโตมากับเพลงยุค 90 รวมไปถึงเพลงของโดมเองในช่วงที่เป็นศิลปินในสังกัดของอาร์เอส โปรโมชั่น

“เสียงขอร้องของคนเสียใจ”  เป็นบทเพลงรักซึ้งๆใสๆเรียบง่ายสไตล์ 90 ด้วยความโหยหาความรู้สึกและบรรยากาศในการทำงานในยุคนั้น โดมจึงชักชวนพี่ๆโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกันในสมัยเกือบ 20 ปีที่แล้วกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งโดยได้ เผ่าพันธ์ อมตะ มาเขียนเนื้อร้องให้ ส่วนทำนองโดย ณรงค์ เดชะ และ เรียบเรียงโดย สมพร โชคดีมีบุญ

เนื้อหาของเพลง“เสียงขอร้องของคนเสียใจ” เป็นการขอร้องคนรักให้กลับมาคืนดีกันและกลับมารักกันใหม่ ซึ่งเพลงนี้โดม ตั้งใจที่จะทำเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง ที่ฟังง่าย ไม่มีความซับซ้อน จริงใจด้วยภาษาและดนตรี ภายใต้แนวคิดที่ว่า Simple is the best

เสียงขอร้องของคนเสียใจ รับฟังฉันได้ไหมเธอ

กลับมาได้มั้ย เสียงร้องขอลึกจากหัวใจ

ขอมีเธอเหมือนเก่า กลับคืนมาเพื่อรักกันได้มั้ย

และที่พิเศษเลยก็คือท่อนร้องแร็ปที่แต่งโดย Neykofear  ที่ทำให้เราคิดถึงท่อนแร็ปในเพลง “คิดถึงเธอ”  ของแร็พเตอร์  ที่ขึ้นต้นว่า “คิดเอาไว้ ว่าใช่ ต้องใช่แน่แน่ มันเป็นอะไรที่พูดยาก ต้องให้เธอแก้”

 

“คิดเอาไว้ว่าใช่ แต่ทำไมวันนี้มันแย่ ที่ทำลงไปมันบ้ามาก นิสัยก็ไม่เคยแก้..

รู้ก็รู้เธอไม่ชอบ แต่ก็ทำมันลงไปได้ ถ้าฉันเห็นคุณค่า ของเธอบ้าง อะไรมันก็คงไม่แย่…

 

ที่ฉันผลักไสและไล่เธอไปตอนแรกก็บอกว่าดี ไปๆมาๆลองถามหัวใจ ทำไมความสุขไม่มี….

วันนี้ฉันจะเปลี่ยนคำพูด ฉันจะเปลี่ยนความคิด ฉันจะเปลี่ยนวิธี

ได้โปรดกลับมานะคนดี นี้คือเสียงขอร้องของคนที่กำลังเสียใจ….”

 

ซึ่งตอนที่เราฟังแล้วท่อนนี้ขึ้นมา รู้สึกเลยว่า 90 มาจริง แบบได้อารมณ์เพลงในยุคนั้นจริงๆ แถมมี tribute งานเพลงของเพื่อนร่วมยุคอีกต่างหาก

ส่วนเอ็มวีที่กำกับโดย ณัฐชนน วะนา ผู้กำกับหนุ่มผู้มีสไตล์เป็นของตนเอง  ก็เล่าเรื่องโดยดำเนินตามขนบของเพลงรักยุคเก้าศูนย์ที่มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัยรุ่นวัยรักวัยเรียนที่รักกันเลิกกัน หรือแอบรักแอบชอบปิ๊งปั๊งกันในโรงเรียนและก็มักจะมีอะไรเกี่ยวกับตู้ล็อกเกอร์เสมอ (เพราะว่าน่าจะเป็นช่องทางสื่อสารที่ดีในการแอบมอบอะไรให้กับคนที่เราชอบหรือเอาไว้ใช้เก็บของที่เราได้รับจากคนที่เราชอบ ซึ่งเราจะเห็นได้จากในหนังอเมริกันวัยรุ่นหลายต่อหลายเรื่อง) นอกจากนี้ยังได้ เนย BNK 48 มารับบทนักเรียนซึ่งชื่นชอบกีฬาฟันดาบและพบรักผ่านสื่อรักคือตู้ล็อกเกอร์ของชมรมฟันดาบนั่นเอง ซึ่งทั้งการใช้สมาชิกวงไอดอล BNK48 เป็นนางเอก MV การมีกิมมิคเป็นตู้ล็อกเกอร์ รวมไปถึงบรรยากาศของงาน MV และงานเพลงที่เป็นยุค 90  ได้ชวนให้เราคิดถึงอีกงานที่มีความคล้ายคลึงกันนั่นคือ เพลง “ติดตลก” ของ โอ๊ต ปราโมทย์ ที่มีเจน BNK48 เป็นนางเอก MV นั่นเอง ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เพราะเราจะเห็นได้ว่า อิทธิพลจากยุค 80,90 นี่ส่งผลต่องานในยุคนี้มากๆเลย

 

MV ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่ายผ่านภาพหวานใสในโทนสีพาสเทล บอกเล่าเรื่องราวความรักของหนุ่มสาววัยเรียน และการสื่อสารความร็สึกในใจผ่านช่องทางที่ต้องใช้เวลา การรอคอย และจังหวะที่เหมาะสม ไม่ได้เร็วด่วนทันใจเหมือนในยุคนี้ ถึงอย่างนั้นมันกลับให้ความรู้สึกอิ่มเอมเป็นอย่างยิ่ง ในด้านงานภาพมีการใช้ขนาดภาพแบบ 4:3 เพื่อให้ได้อารมณ์ของยุคนั้นที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคของ widescreen

การได้ฟังเพลงหรือดู MV ที่มีกลิ่นอายของยุค 90 ได้ทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาแห่งอดีตอันงดงามที่เราเติบโตมามากๆเลย และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าศิลปินในยุคนั้นก็ต่างกลับมามีผลงานให้ได้เห็นกันอยู่บ้าง อย่างแร็พเตอร์เองที่กำลังจะมีคอนเสิร์ตครบรอบ 25 ปีในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ รวมไปถึงโดม ปกรณ์ ลัมที่อยู่ในวงการนี้มากว่า 23 ปีและมีผลงานมาแล้วกว่า 10 อัลบั้มก็ได้กลับมาออกผลงานซิงเกิ้ลใหม่ในสไตล์ 90 เพลงนี้ ที่เราจะได้ฟังได้ชมกัน ก็น่าลุ้นต่อไปนะครับว่าจะมีศิลปินคนไหนที่ห่างหายไปได้กลับมาออกผลงานใหม่ให้พวกเราได้ฟังกันอีกบ้าง

ขอเชิญสัมผัสห้วงบรรยากาศแห่งยุค 90 ที่เราคิดถึงผ่านบทเพลง “เสียงขอร้องของคนเสียใจ” ได้เลยครับ

Play video