จบลงไปแล้วอย่างงดงามกับงานมหกรรมดนตรี LEO PRESENTS Maho Rasop Festival 2019  ที่รวบรวมเอาศิลปินอินดี้ทั้งเทศและเทศไว้มากมายล้นทะลักจนต้องจัดกันสองวันตั้งแต่บ่ายยันเที่ยงคืน ดูกันจนจุกไปเลย  งานนี้นอกจากมีดนตรีดี ๆ ให้ได้ชมได้ฟังกันแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อีกมาก ทั้งเพนท์หน้า ตัดผม ขายของที่ระลึก เสื้อ โปสเตอร์  แผ่น CD และ ไวนิลจากศิลปิน รวมไปถึงอาหารอร่อย ๆ ที่ให้เลือกชิมกับชิล ๆ ถือได้ว่าเป็นงานที่เต็มอิ่มความสนุกจริง ๆ

การแสดงดนตรีถูกแบ่งออกเป็น 3 เวที คือ มโหฬาร คำราม และ ยกล้อ  มโหฬาร และ คำรามนี่คือเวทีกลางแจ้งสำหรับศิลปินอินดี้ไทยเทศหลากหลายแนว ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาโชว์สุดเหวี่ยงอย่างน้อยแต่ละวงไม่ต่ำกว่า 45 นาที เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนฟูลโชว์เลยล่ะ ส่วนเวที ยกล้อจะเป็นห้องเล็ก ๆ กระทัดรัดที่ยกให้กับสายตื๊ด สาย DJ ดนตรีอิเล็กทรอนิก ที่มาพร้อมแสง สี ที่ช่วยเพิ่มเสริมอารมณ์ดนตรีได้เป็นอย่างดี

การแสดงดนตรีในแต่ละวันจะเริ่มราว ๆ บ่ายสามโมงและ non stop กันไปจนถึงเกือบเที่ยงคืน ซึ่งเวลาอาจจะวางเหลื่อมกันบ้างทำให้ถ้าอยากดูให้ครบ อาจต้องดูวงนี้ 30 นาทีแล้วแว่บไปต่ออีกวงอะไรแบบนี้ แต่ก็ถือว่าได้สัมผัสอารมณ์เต็มที่ล่ะ

จากนี้ขอมารีวิววงแต่ละวงที่โชว์ในครั้งนี้ ต้องบอกว่าสายตื๊ดนี่เราไม่ค่อยได้เข้าไปตื๊ดด้วยเท่าไหร่ แต่ก็พอมีแว่บ ๆ ไปบ้าง ที่ได้ดูอิ่ม ๆ หน่อยก็ “DCNXTR” วงดูโออิเล็กทรอนิกซินธ์พอป ที่ดนตรีถูกหูมาก ทั้งล้ำและมีเมโลดี้ที่ไพเราะ พร้อมลีลาการโชว์สุดเร้าใจ รวมไปถึงแสงสีที่มาร่วมบิลท์อารมณ์ตื๊ดได้อย่างเพลิดเพลินใจ เห็นคนหลั่งไหลเข้ามาดูโชว์ในเวทีนี้กันแน่นตลอดเลย เชื่อแหละว่าไลน์อัปแต่ละคนนี่จัดมาสุดแน่ ๆ  คราวนี้เรามาที่เวทีกลางแจ้งกัน จะเล่าสลับกันไปกันมาระหว่างมโหฬารกับคำรามแล้วกัน เพราะตอนดูก็ก็วิ่งไปวิ่งมาแบบนี้ล่ะ สนุกดี (ฮา)

วันแรกเวทีคำราม เปิดฟลอร์กันด้วย “Supergoods” วงดนตรีอินดี้ที่มาพร้อมสไตล์ดนตรีนีโอโซลกับท่วงทำนองชวนเคลิบเคลิ้ม หวิวหวาน เซ็กซี่และมีความอินเตอร์จริง ๆ งานดีมาก

ส่วนวงเปิดเวทีมโหฬารคือ “Stoic” วงโฟล์กร็อกอินดี้ไทยสายลึก ที่มาพร้อมบทเพลงสุดลุ่มลึกที่กระตุ้นต่อมสมองให้ดำดิ่งไปกับท่วงทำนองล่องลอย เข้มข้น และเนื้อหาที่ชวนขบคิดเชิงปรัชญา ยิ่งรวมกับอากาศอันเร่าร้อนของบ้านเรา ยิ่งร้อนแรงไปกันใหญ่ (ฮา )แต่แฟน ๆ ก็ไม่หนีไปไหนตั้งใจดูโชว์ดี ๆ ของวงนี้กันเต็มที่

“FOLK9” นี่คืออีกหนึ่งวงอินดี้ดรีมพอปของไทยที่น่าจับตามอง น่าติดตามและน่ามาดูโชว์สด ๆ มาก เราเคยดู FOLK9 หลายครั้งแล้ว แต่ก็ประทับใจทุกครั้งกับซาวด์ดนตรีที่มีความหวานฟุ้ง ล่องลอย แต่ก็หนักแน่น เข้มข้นไปด้วยในที ทำให้เราทั้งเพลินและโยกมัน (เบาๆ) ไปในเวลาเดียวกัน

“No Party For Cao Dong” อินดี้ร็อกจากไต้หวัน ที่ซัดจัดเต็มกันไปแบบไม่มียั้ง ดุเดือดมาก ชาวร็อกจริง ๆ วงนี้เพิ่งเคยได้ชมเป็นครั้งแรก แต่เคยได้ฟังผลงานมาก่อนหน้านี้ พอได้มาดูสด ๆ ยิ่งมันส์สะใจเข้าไปใหญ่

“Benny Sings” ศิลปินพอปดัตช์ ที่มาพร้อมวงของเขาที่พร้อมจัดเต็มให้เราชุ่มไปด้วยดนตรีสดฉ่ำและสดชื่นสอดรับกับบรรยากาศคล้อยเย็นที่ชวนผ่อนคลายใจยิ่งนัก

“Phum Viphurit” นี่คือหนุ่มอินดี้สุดฮอตแห่ง พ.ศ.นี้ การแสดงท็อปฟอร์มมาก ทั้งภูมิ ทั้งวง ที่แต่ละคนมีลูกเล่นลีลาสุดยอดมาก งานนี้มีโชว์บีทบอกซ์กัน แถมสลับตำแหน่งกันเล่นอีก ภูมิก็สลับไปโชว์ลีลากลองบ้าง สนุกมาก โกยความนิยมชมชอบไปได้อีกเป็นกระบุง

“Ton Trakul” ต้น ต้นตระกูล แก้วหย่อง ศิลปินเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานที่ร่วมงานกับ Rasmee Isan Soul และมีวงของตัวเองอย่าง Asia 7 และ Nisatiwa เขาคือศิลปินไทยที่นำเอาดนตรีไทย ดนตรีอีสาน มาผสานให้เข้ากับท่วงทำนองอิเล็กทรอนิก จนออกมาเป็น “อีสานอิเล็กโทร” ที่มีความโก้ ความเท่ เก๋ และกลมกล่อมอย่างลงตัว บอกเลยสุดจริง

“The Horrors” เป็นอีกวงที่ทุกคนรอคอย กับวงการาจร็อกจากอังกฤษวงนี้ที่ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง จัดโชว์เต็มอิ่ม ด้วยความเท่ เก๋ ผนวกกับโปรดักชันแสงสีสวย ๆ บนเวทที่เพิ่มอรรถรสในการเสพโชว์นี้ได้อย่างถึงใจ

“Lite” เรากำลังสงสัยว่าคนญี่ปุ่นนี่สงสัยจะเก่งเลข ถึงได้ทำเพลงแนว math rock ออกมาได้เจ๋งถึงใจกันจริง ๆ หลายคนอาจจะรู้จักแต่ Toe (กำลังจะมีคอนเสิร์ตอีกครั้งในบ้านเรา ธ.ค.นี้) แต่จะบอกว่า Lite นี่ก็คืออีกวงที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ เล่นกันได้มันมาก ลูกเล่นรายละเอียดดนตรีนี่มีความเซอร์ไพรส์ ดูไปสนุกไปจริง ๆ

เวทีมโหฬารในค่ำคืนนี้ปิดท้ายด้วย “King Gizzard & The Lizard Wizard” วงอินดี้จากออสเตรเลีย ที่มาพร้อมโชว์สุดมันส์ระห่ำ ที่แทบจะทำให้แฟน ๆ ทิ้งร่างกันไว้ที่หน้าเวทีเลย โยกกันแข้งขาหลุด โชว์มันส์มากสุดจริง

ส่วนโชว์ปิดเวทีคำรามในคืนแรก ก็ฟินสมชื่อ “The fin.” จริง ๆ เคยดูโชว์ของวงครั้งหนึ่งเมื่อปีก่อน ยังรู้สึกประทับใจไม่หาย กับงานอินดี้ร็อก ซินธ์พอปของวงที่มาพร้อมซาวด์สวย ๆ ชวนล่องลอย เคลิ้มไหลไปกับท่วงทำนองและเสียงร้องพลิ้วหวานของนักร้องนำ ที่ชวนดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของค่ำคืน  คืนนี้ก็สนุกกันเต็มที่ปล่อยใจไปกับท่วงทำนองของวง เคลิ้มไปและรอที่จะสนุกต่อในวันต่อไป

วันที่สองเวทีคำรามเปิดกันด้วยวง “Khana Bierbood” (คณะเบียร์บูด) วงดนตรีอินดี้สุดม่วนจากบางแสนดินแดนแห่งทะเลและสายลม กับท่วงทำนองสุดสนุกล้ำที่มีกลิ่นอายของงานดนตรียุค 60 ไซคีเดลิก การาจและเซิร์ฟ ผสานไปกับความม่วนของดนตรีหมอลำ ไทยฟังก์ กลายเป็นดนตรีแสนอร่อยที่คลุกเคล้าความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างอร่อยเหาะ แถมเล่นโชว์ได้มันส์มาก โดยเฉพาะมือกีตาร์ที่ลีลาการโยกของพี่เค้านี่เร้าใจกว่าเพลงซะอีก

มโหฬารวันนี้เปิดกันที่ “Swim Deep” ที่สร้างปรากฏการณ์คนเต็มพื้นที่ตั้งแต่วงแรก แน่นขนัดเต็มไปหมด เชื่อเลยว่านี่คืออีกวงที่ทุกคนรอคอย กับอินดี้ร็อกจากอังกฤษ กับงานดนตรีที่มีความร่าเริง ปลุกเร้าพลังวัยรุ่น กับซาวด์ร็อกแนวฟุ้ง ละมุน ที่มีทั้งความไพเราะและสนุกสนาน กับการเล่นสุดมันส์จากวง สะกดคนดูให้อยู่หมัดสุดติ่งดิ่งลึกตามชื่อของวงเลย

“Say Sue Me” วงอินดี้ร็อกจากปูซานเกาหลีที่มาเล่นในไทยครั้งแรกในเวทีนี้ วงนี้พูดน้อย ไม่ค่อยโชว์ลีลาอะไร แต่ดนตรีนั้นโดนใจ สะใจ มันมีทั้งความกลมกล่อม เบิกบาน แต่ก็หนักแน่น หนักหน่วงในที เป็นอีกวงที่อยากดูสด ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ

“Never Young Beach” กับโชว์แรกในไทยของวงนี้ ที่บอกเลยว่าเราประทับใจจริง กับงานดนตรีที่มีบรรยากาศของหาดทราย สายลม สองเรา ที่ไม่เหงา แต่กลับสนุกสนาน ร่าเริงเบิกบาน งานดนตรีชวนชุ่มฉ่ำใจรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงวงนี้สุด ๆ รักเลย แนว ๆ นี้ก็มี Yogee New Waves นี่ล่ะ นี่ถ้ามาทั้งสองวงล่ะก็ ชิลเลยคร้าบบบ

“Summer Salt” ซัมเมอร์สมชื่อเลยวงนี้กับวงดนตรีอินดี้เล็ก ๆ จากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส อเมริกาที่มาพร้อมกับแนวเพลงร็อกแอนด์โรลผสมบอสซาโนวาที่ชวนขยับแข้งขยับขา แถมช่วงเวลาที่เล่นมันยังเหมาะเจาะเข้ากันได้กับบรรยากาศคล้อยเย็นที่ตะวันทอแสงอ่อน ชวนผ่อนคลาย ชิล ๆ สบายใจยิ่งนัก

“Badbadnotgood” โอ๊ย ! ดีงามมากสุดจริง นี่คืออีกวงที่รู้สึกเซอร์ไพรส์ เพราะไม่เคยรู้จักวงมาก่อนแต่พอได้ฟังแล้วก็ประทับใจ กับงานดนตรีบรรเลงกลิ่นอายแจ๊ส ที่ลื่นไหล พลิ้วไหว เร้าใจมาก งานดนตรีมีความไพเราะถึงแม้จะไม่ได้มีเนื้อร้องอะไรให้เราจับใจความ แต่ก็เข้าถึงเข้าใจในท่วงทำนอง

“Chai” นี่คือโชว์ที่เรายกให้เป็นที่สุดของงานนี้ กับสี่สาววง Chai ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “นีโอคาวาอี้” ความน่ารักแบบเฉพาะตัว ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ของสี่สาวที่สะกดใจสะกดจิตสะกดวิญญาณเราไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างไม่วอกแวก Chai รู้ดีว่าควรวางจังหวะของโชว์อย่างไร เพลงไหนต่อเพลงไหน ช่วงคั่นเพลงควรมีอะไรมาเล่น ไม่ว่าจะเป็นเอาผ้าคลุมมาคลุมตัวและมาเต้น ๆ น่ารักหน้าเวทีอะไรแบบนี้ หรือมาพูดเรื่องแนวคิด “นีโอคาวาอี้” ที่เราว่ามันก็สร้างแรงบันดาลใจได้ดีเลยนะ เพราะสิ่งที่เราเห็นในวันนี้มันเกิดมาจากความมั่นใจและความเชื่อมั่นของพวกเธอเลยจริง ๆ ไม่ได้สวยดูดีแบบพิมพ์นิยม แต่มีเสน่ห์และความสามารถในแบบของตัวเอง ซึ่งบอกเลยว่านี่แหละทำให้เรารู้สึกว่าพวกเธอมีเสน่ห์แบบสุด ๆ  ดีงามแบบนี้มีคอนเสิร์ตเดี่ยวในบ้านเราซักทีเถอะ !!

“The Drums” นี่ก็อีกวงที่มีแฟนคลับมารอกันอย่างคับคั่ง กับวงอินดี้ร็อกจากนิวยอร์ก ที่มาพร้อมงานดนตรีที่สนุกสนาน เหมาะแก่การเล่นโชว์ยิ่งนัก และก็เล่นไปได้อย่างสาแก่ใจแฟน ๆ แถมยังมี Chai มาแจมด้วยเฉยเลย มาเล่นในที่เดียวกันมันก็ดีแบบนี้ล่ะ

“Deafheaven” ระห่ำสุดในงานก็วงนี้แหละ นี่คือ วงที่เอาความเป็นแบล็กเมทัลกับโพสต์ร็อกมาเคล้าคลอกันไปได้อย่างลงตัว งานดนตรีของวงนี้เลยมีทั้งความเดือดดุระห่ำและก็ไพเราะงดงามในคราวเดียวกัน บอกเลยพอเห็นเค้ามอชพิท เซอร์เคิลพิทกันอย่างมันส์ก็อดใจเข้าไปบวกด้วยไม่ไหวเลย สะใจมากกก !!

“Bombay Bicycle Club” ปิดท้ายเวทีมโหฬารด้วยวงอินดี้ร็อกจากอังกฤษที่แฟนเพลงชาวไทยรอคอยมากว่า 10 ปี ที่ขนเพลงมาเล่นได้เต็มที่ มันส์อย่างดี สมศักดิ์ศรีวงปิดของเวทีนี้เลย ช่วงเวลากว่าชั่วโมงครึ่งที่วงกระหน่ำท่วงทำนองมา แทบทำเอาน้ำหูน้ำตาไหลด้วยความประทับใจ

“Youngohm & Young Bong” ใครที่ยังสะใจ อารมณ์ไม่จบก็มาต่อกันที่เวทีนี้ กับ ยังโอมและยังบอง ส่งท้ายอารมณ์ได้ถึงใจกับงานดนตรีฮิปฮอปร่วมสมัย ที่ชวนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับค่ำคืนสุดท้ายของงาน เอามันให้สุดไปเลยยย

ต้องบอกว่างานนี้จัดได้ดี ไลน์อัปศิลปินก็คัดมาได้หลากหลาย และก็ล้วนแล้วแต่เป็นวงที่เล่นโชว์สนุกทั้งนั้น ทำให้อารมณ์ไม่สะดุดเลย แถมบรรยากาศในงานก็มีกิจกรรม มีอาหารและเครื่องดื่ม พาดื่มด่ำอะไรไปเพลิน ๆ จะมีก็แต่ที่จอดรถที่อาจจะน้อยไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าโอเคเลยครับฟิน รอไปเฮต่อในปีหน้าเลย

 

Source

ภาพประกอบจาก Maho Rasop Festival 2019

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส