หลังประกาศ พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับที่ 7 (การผ่อนปรนระยะที่ 2) ที่ให้เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 17 พฤษภาคมเป็นต้นไป อันมีเนื้อหาสำคัญในกาารผ่อนปรนให้กิจการต่าง ๆ กลับมาเปิดทำการได้ตามกำหนด ในที่สุดกองถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ อันเป็นฟันเฟืองสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงบ้านเราจะมีโอกาสได้กลับมาเปิดกล้องถ่ายทำกันเสียที โดยมีเงื่อนไขและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนมากขึ้น และ WHAT THE FACT ก็จะขอสรุปแนวปฏิบัติต่าง ๆ โดยอ้างอิงทั้งข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษาฉบับล่าสุดและข้อมูลจาก กลุ่มสมาพันธ์ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์และดิจิทัลมีเดีย (ประเทศไทย) หรือ FDCA : Film & Digital Media Crew Association (Thailand) มาผนวกกันแต่ละข้อ จะมีอะไรบ้างนั้น เราลองมาดูกันทีละข้อเลย

1. ทีมงานรับผิดชอบตัวเอง

ในส่วนแรกแทบไม่ได้ต่างจากมาตรการของธุรกิจอื่น ๆ ที่จะต้องรับผิดชอบตัวเองเพื่อการป้องกันโรค โดยมีเนื้อหาจาก ราชกิจจานุเบกษา ดังนี้

ห้ผู้ร่วมงานทุกคน สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า นักแสดงให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ก่อนเข้าและออกจากหน้าฉาก

ซึ่งตรงนี้ถือเป็น ฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ที่น่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

2. ล้างมือ

ตรงนี้เชื่อเลยว่าจะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตคนกองถ่ายให้คำนึงถึงสุขลักษณะมากขึ้น โดยเนื้อหาของราชกิจจานุเบกษา ระบุไว้ชัดเจนว่า

ห้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

เรียกได้ว่าจะเป็นการเพิ่มในส่วนของงบประมาณที่กองถ่ายจะต้องใช้เงินเพิ่มในส่วนนี้แน่ ๆ เพื่อให้เกิดสุขอนามัยในกองถ่ายให้ได้มากที่สุด

3. การคัดกรองผู้ป่วย

หนึ่งในส่วนกิจกรรมที่ต้องเพิ่มมาสำหรับการออกกองถ่ายพ.ศ.นี้เลยคือการต้องผ่านด่านตรวจก่อนเข้าทำงาน ซึ่งข้อความในราชกิจจานุเบกษาระบุไว้ว่า

มาตรการคัดกรองไข้ และอาการไอ หอบเหนื่อยจาม หรือเป็นหวัด สำหรับผู้ร่วมงาน และนักแสดง
ตามขีดความสามารถ

ซึ่งก็แน่นอนว่าเครื่องมือวัดอุณหภูมิและ แอลกอฮอล์เจล จะกลายเป็นอาวุธด่านแรกที่ช่วยให้ทุกคนทำงานกันได้ปลอดภัยมากขึ้น

4. การเว้นระยะห่างและการจัดการพื้นที

ตรงนี้ในราชกิจจานุเบกษา เน้นเป็นพิเศษ โดยมีทั้งมาตรการหลักอย่าง

1. การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ ซึ่งเมื่อรวมคณะทำงานหน้าฉากและทุกแผนก

แล้วต้องมีจำนวนไม่เกิน 50 คน และต้องไม่มีผู้ชมเข้าร่วมรายการ

2. ให้เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย ๑ เมตร

3. ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมงาน มิให้แออัดและเป็นการรวมกลุ่ม ทั้งนี้โดยส่วนงานหน้าฉากมีการรวมกลุ่มได้
ไม่เกิน ๑๐ คน หรือเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนดและให้ออกนอกบริเวณถ่ายทำ
ทันทีเมื่อเสร็จภารกิจ

ส่วนมาตรการเสริมที่ได้ระบุไว้ในราชกิจจานุเบกษามีดังนี้

1. จัดให้มีการระบายอากาศที่ดีขณะถ่ายทำภายในอาคาร และเลี่ยงการถ่ายทำในบริเวณที่อับอากาศ

2. เลือกใช้พื้นที่ถ่ายทำที่มีบริเวณกว้างเพียงพอ เพื่อให้แบ่งพื้นที่ตามส่วนงานให้ชัดเจน

ในอัตราส่วน 1 คนต่อ 10 ตารางเมตร และแต่ละส่วนงานห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร

3. ให้มีการเว้นระยะห่าง ทั้งผู้ดำเนินรายการ ผู้ร่วมรายการ ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตต่างๆ และงด
รูปแบบกิจกรรมที่มีโอกาสใกล้ชิดกัน ทั้งนี้ให้งดผู้ร่วมชมการถ่ายทำ

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่ทาง สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยได้แนะนำได้แก่

  1. ให้จัดตารางการทำงานให้ทำงานหน้าเซ็ตฉากละไม่เกิน 1 ชั่วโมง
  2. ลงทะเบียนการถ่ายทำในแอป ไทยชนะ ล่วงหน้าก่อนถ่ายทำ 3 วัน
  3. จัดตารางการถ่ายทำไม่ให้เกินกำหนดเคอร์ฟิว
  4. ต้องมีการจัดทำทะเบียนรายชื่อทีมงาน พร้อมเบอร์ติดต่อและข้อมูลการเดินทางก่อนวันถ่ายทำ

ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นมาตรการที่รัดกุมพอสมควร แต่จะให้ดีอยากให้ทางกองถ่ายลองพิจารณาการแบ่งสถานีประจำการจากมาตรการของ Lionsgate เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยประกอบด้วยก็จะดีมากครับ

อ่านมาตรการความปลอดภัยของ Lionsgate ได้ที่นี่ https://www.beartai.com/lifestyle/432234

5. การทำความสะอาดอุปกรณ์

แน่นอนเลยว่า อุปกรณ์และพื้นที่ที่ใช้ในกองถ่ายมักถูกเปลี่ยนมือใช้งานอยู่บ่อยครั้งและในราชกิจจานุเบกษาก็ระบุมาตรการหลักไว้ว่า

ทำความสะอาดอุปกรณ์ พื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังทำงาน และกำจัดขยะมูลฝอย

ซึ่งตรงนี้ต่อไปอาจจะมีการลงรายละเอียดที่มากขึ้น เพราะจากมาตรการกองถ่ายของเมืองนอก ระบุไว้ถึงขนาดกำหนดให้ทำความสะอาดก่อนถ่ายทำกี่ชั่วโมง และต้องทิ้งห้องปิดล็อกไว้ไม่ให้ใครเข้าจนกว่าจะถึงเวลาที่ได้คัดกรองคนเข้าทำงานเลยทีเดียว

ภาพวีดีโอโฆษณาความใส่ใจในการทำความสะอาดอุปกรณ์ของ บริษัท FootGear

6. ให้คำแนะนำและทำความเข้าใจร่วมกันในทีมงาน

ตรงนี้หลายคนอ่านแล้วอาจจะสงสัยว่า มาตรการต่าง ๆ ก็ออกมาแล้วทุกคนพึงรู้และปฏิบัติกันได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่เพื่อความรัดกุม การกำหนดมาตรการรองให้มีการให้คำแนะนำถึงแนวปฏิบัติต่าง ๆ ก็ย่อมทำให้ทุกคนได้รับรู้และยอมรับในกติการร่วมกันได้ดีกว่าครับ และในราชกิจจานุเบกษาก็มาตรการรองออกมา ความว่า

ให้มีการให้คำแนะนำ ผู้ร่วมงาน นักแสดง และ Outsource ทุกคนก่อนเริ่มงาน พร้อมทั้งมี การตรวจตรา ควบคุม กำกับ การทำงาน ลดการรวมกลุ่ม ใกล้ชิดกันและพูดคุยเสียงดัง ตามมาตรการ ฯ อย่างเคร่งครัด

7. หน่วยงานรับผิดชอบ

ในราชกิจจานุเบกษาได้กำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบไว้ 3 หน่วยงานได้แก่

1) ก รุง เ ท พ ม ห า น ค ร ศปก.จังหวัด ศปก.อ ำเภอ ศปก.ตำบล และ อปท. มีหน้าที่กำกับดูแล
2) วธ. ออกคู่มือการปฏิบัติตามความเหมาะสมกับพื้นที่ และ กำกับดูแล ให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด
3) ศปม. จัดกำลังสายตรวจร่วม ตำรวจ ทหาร สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจการประกอบการ
ห รื อการจัด กิจกรรมให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด

โดยสรุปแล้วเป็นส่วนของการบอกหน่วยงานที่รับผิดชอบดังนี้เริ่มตั้งแต่ ศูนย์ปฏิบัติ (ศปก) ทั้ง จังหวัด อำเภอ ตำบล โดยมี องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท) ดูแล โดยทาง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง  (ศปม) จะจัดกำลังในการตรวจทั้ง ตำรวจ ทหาร และ สาธารณสุข (สธ) มาดูแลกำกับการดำเนินกิจการให้เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ และแน่นอน กระทรวงวัฒนธรรม (วธ) จะรับหน้าที่ในการออกคู่มือปฏิบัติงานแก่เหล่ากองถ่ายต่าง ๆ ซึ่งจากข่าวที่ได้รับมาตัวคู่มือจะออกมาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ครับ

อัปเดตล่าสุดจากรายการทางเพจ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ คือ กองถ่ายทำภาพยนตร์และรายการไม่ต้องขออนุญาติทางการแล้วนะครับ โดยทางการจะเช็คจากระบบของแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” เอาครับ

8. การจัดเตรียมอาหาร

อาหารถือเป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในการทำงานกองถ่ายและถือเป็นจุดเสี่ยงที่สุดในการแพร่เชื้อโรค โดยในราชกิจจานุเบกษาได้ให้มาตรการรองไว้ดังนี้

ให้มีการจัดอาหารและเครื่องดื่มเป็นส่วนบุคคล ไม่ให้ตักอาหารในภาชนะหรือใช้อุปกรณ์ร่วมกัน

ซึ่งก็ถือเป็นแนวปฏิบัติของหลาย ๆ กองถ่ายทั่วโลกอย่างของ Lionsgate ก่อนหน้านี้ก็ถึงกับมีแนะนำว่าควรจัดเป็นอาหารกล่องให้ทีมงาน นักแสดง แต่ละคนแยกกันไปทานส่วนตัวได้เลย และแน่นอนว่าการแยกภาชนะและเทรนด์ในการใช้ภาชนะและช้อน ส้อม พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งน่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการเสิร์ฟอาหารกองถ่ายเป็นแน่แท้

9. ระบบการลงทะเบียนออนไลน์

ในข้อความของราชกิจจานุเบกษาระบุไว้เพียงคร่าว ๆ ถึงการใช้แอปพลิเคชันในการลงทะเบียน และใช้ควบคุมความหนาแน่นของกลุ่มบุคคลไว้เพียงว่า

จัดให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้ากองถ่ายทำ และเพิ่มมาตรการใช้แอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์เคลื่อนที่
ตามที่ทางราชการกำหนด หรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานทดแทนด้วย

WHAT THE FACT ความคืบหน้ากองถ่ายไทย หลังได้รับการผ่อนปรน

ซึ่งแอปพลิเคชัน ที่ว่าก็คือแอป “ไทยชนะ” นั่นเองซึ่งหลักการทำงานคร่าว ๆ มีดังนี้

  1. เจ้าของกิจการ หรือ บริษัทโปรดักชัน จะต้องลงทะเบียนกิจการของตนในแอปก่อน เริ่มวันที่ 17 พฤษภาคม 2563
  2. รับ QR CODE จากเว็บไซต์ที่ให้ลงทะเบียน
  3. พิมพ์ QR CODE ติดหน้าร้าน หรือ สถานที่ถ่ายทำของตน โดยต้องระบุพื้นที่ที่จะใช้ทำงานให้ชัดเจนเพื่อคำนวนว่า พื้นที่ดังกล่าวรองรับทีมงานได้ประมาณกี่คน ไม่ให้หนาแน่นเกินไป
  4. ระบบจะให้คะแนนพื้นที่ของกิจการนั้น ๆ

แนวปฏิบัติของ กลุ่มสมาพันธ์ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์และดิจิทัลมีเดีย (ประเทศไทย)

ไม่เพียงแต่หน่วยงานราชการเท่านั้นแต่ด้านเอกชนเองก็มีความพยายามในการกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยที่เข้มข้นอีกระดับโดยจะขออนุญาติยกชุดภาพนำเสนอของคุณ ภควัต สุพรรณขันธ์ ในชื่อเฟซบุ๊ค Gong Suphanakhan เป็นผู้ริเริ่มการรวมกลุ่มคนกองถ่ายกลุ่มนี้ขึ้นมา มานำเสนอด้านล่างได้เลยครับ

ตัวเลขเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในงานถ่ายทำ

แผนภาพแสดงกิจกรรมกองถ่าย

นอกจากนี้ยังมีแผนผังที่รายการสดทางเพจ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์แห่งประเทศไทยได้ทำเป็น 3D Floorplan จำลองการวางผังทีมงานไว้คร่าว ๆ อีกด้วย

WHAT THE FACT ความคืบหน้ากองถ่ายไทย หลังได้รับการผ่อนปรน

ปิดท้ายกันที่วีดีโอบันทึกการถ่ายทอดสดวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ที่น่าจะตอบคำถามคาใจใครหลายคนทั้ง การลงทะเบียนแอป ไทยชนะ และ รูปแบบการถ่ายเททีมงานเข้ากองถ่ายได้เห็นภาพที่สุดแล้ว 

บันทึกรายการถ่ายทอดสดจากเพจ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

อ้างอิง