ประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์สำหรับคอหนังหลายคน นอกจากจะเข้าไปตื่นตาตื่นใจกับแสง สี เสียง สุดบันเทิงและแสนตื่นเต้น เรื่องราวของภาพยนตร์ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้หนังโด่งดังและถูกจดจำ หนังอีกประเภทหนึ่งที่จะถูกทำให้จดจำได้ หากเล่าเรื่องและกำกับออกมาได้ดี ก็คือหนังเนื้อเรื่อง “หักมุม” (Plot Twists) ที่เหล่าคนดูจะจดจำได้ว่าเคยโดนหลอกเข้าอย่างจัง เมื่อสิ่งคนดูเข้าใจหรือจดจำได้ก่อนจะถึงจุดหักมุมนั้น แทบเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่หนังเฉลยในตอนเกือบท้ายเรื่อง

วันนี้ What the Fact ขอนำเสนอ 12 หนังหักมุมเรื่องเยี่ยมที่ถูกจดจำตลอดกาลตามทรรศนะของเว็บไซต์หนัง Screenrant และ Screencrush แน่นอนว่า ยังมีหนังหักมุมอีกมากที่เล่นเอาคนดูอย่างเรา ๆ เสียหลัก แต่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในลิสต์นี้ที่ถ้ามีโอกาสก็จะเอามานำเสนอต่อไป แต่เอาแค่ว่า ถ้า 12 เรื่องนี้ยังดูไม่ครบ ก็อยากให้ลองไปตามหามาดูกัน แล้วสุดยอดหนังหักมุมในใจคุณอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

(ในย่อหน้าสุดท้ายของแต่ละเรื่อง จะมีการชวนคุย สปอยล์ถึงจุดหักเหสำคัญของแต่ละเรื่อง ถ้ายังไม่ได้ดูหรือไม่อยากรู้ แนะนำให้ข้ามย่อหน้านั้นไป)

Murder On The Orient Express (2017)

  • นักแสดง: Kenneth Branagh, Johnny Depp, Daisy Ridley, Michelle Pfeiffer, Judi Dench, Penélope Cruz, Willem Dafoe, Olivia Colman
  • ผู้กำกับ: Kenneth Branagh (Thor, Cinderella, Hamlet)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 55/352 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 61% / 6.5/10
  • เรื่องย่อ: เรื่องราวคดีฆาตกรรมบนรถไฟสายด่วนพิเศษเส้นทางจากอิสตันบูลไปยังท่ากาเลส์ของฝรั่งเศส ซึ่งเกิดเหตุฆาตกรรมปริศนาขึ้นในรถไฟขบวนหรูดังกล่าว โดยมียอดนักสืบ Hercule Poirot ที่บังเอิญร่วมเดินทางมาด้วยพอดี และพบว่าการคือฆาตกรรมครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสะเทือนขวัญที่มีเด็กถูกลักพาตัวและฆาตกรรมอำพรางก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้น โจทย์สำคัญคือ Poirot จะต้องพยายามสืบหาตัวคนร้ายที่อยู่ท่ามกลางผู้โดยสารร่วมขบวนทั้ง 13 รายนี้ให้ได้ก่อนที่รถด่วนขบวนนี้จะเดินทางถึงฝรั่งเศส (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
Murder on the Orient Express (2017)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: นิยายฆาตกรรมของ Agatha Christie นั้นขึ้นชื่อเรื่องการเฉลยปมปริศนาในคดีต่าง ๆ อย่างหักมุม ชวนช็อกเป็นปกติอยู่แล้ว แต่กับเรื่องนี้ที่เป็นหนึ่งในนิยายที่โด่งดังที่สุดของเธอ ถูกเขียนมาตั้งแต่ 100 ปีก่อน ถูกนำมาสร้างเป็นหนังมาแล้วเวอร์ชันปี 1974 และเป็นซีรีส์อีกหลายครั้ง ไม่ได้เฉลยเพียงแค่ว่า ฆาตกรเป็นใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนบนขบวนรถด่วนต่างเป็นผู้ร่วมฆาตกรรมเหยื่อรายเดียวที่สมควรตายด้วยประการทั้งปวง ถึงขนาดที่ตัวละคร Poirot กล่าวในเรื่องว่า เขาไม่สามารถตัดสินความถูกผิดในคดีนี้ จากเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ได้ เพราะทุกคนต่างได้รับบาดแผลฉกรรจ์จากผู้ตายทั้งสิ้น

Harry Potter And The Deathly Hallows Part Two (2011)

  • นักแสดง: Daniel Radcliffe, Emma Watson, Gary Oldman, Ralph Fiennes, Alan Rickman, Helena Bonham Carter, John Hurt, Michael Gambon, Domhnall Gleeson, Helena Bonham Carter
  • ผู้กำกับ: David Yates (Haryy Potter 5-7, Fantastic Beasts 1-2, The Legend of Tarzan)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 125/1,361 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 96% / 8.1/10
  • เรื่องย่อ: บทสรุปตลอดหนังสือทั้ง 7 เล่มของวรรณกรรมเยาวชนที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 21 อย่างพ่อมดน้อย Harry Potter ที่แบ่งเรื่องราวของหนังสือเล่มที่ 7 The Deadly Hallows ออกเป็น 2 ตอน มาถึงในนี้ Part 2 หลังจาก Harry, Ron และ Hermione ออกตระเวนทำลายฮอร์ครักซ์ทั้งหมด 7 ชิ้นที่จอมมาร Lord Voldemort ถอดบางส่วนของจิตแยกเก็บไว้เพื่อไม่ให้ใครทำลายเขาลงได้ แต่สุดท้าย ฮอร์ครักซ์ชิ้นที่ 7 ก็คือตัว Harry เอง พวกเขาจึงต้องกลับไปรอเผชิญหน้ากับจอมมารและลูกสมุนที่เตรียมบุกโรงเรียนฮอว์กวอร์ตร่วมกับเพื่อนทั้งโรงเรียนและพันธมิตร อันจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของธรรมะและอธรรม
Harry Potter shock: 'Snape did NOT die at the Battle of Hogwarts ...

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: จุดหักมุมสุดแสนสะเทือนใจนี่ปรากฏตั้งแต่ในเวอร์ชันหนังสือ เมื่อแท้จริงแล้วตัวละคร Severus Snape ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาและไม่ชอบขี้หน้า Harry Potter มาตั้งแต่ภาคแรก คือคนที่คอยปกป้อง Harry มาตลอดจาก Lord Voldemort ด้วยการทำตัวเป็นสายลับสองหน้า ยอมรับเป็นสายให้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดแล้วก็หักหลัง มาเข้าแผนกับ Dumbledore อีกที

ซึ่งขนาด Dumbledore เองที่คอยปกป้อง Harry และขัดขวางการกลับมามีอำนาจของ Voldemort ในหลาย ๆ ครั้งก็ยังเลือกไม่เสี่ยง และยอมจะสละชีวิต Harry ก่อนถ้าจำเป็น ต่างจาก Snape ที่ยอมสละชีวิตตัวเองเหนือการมหาศึกทั้งหมด เหตุผลก็เป็นเพราะเขาหลงรัก Lily แม่ของ Harry มาตลอดแม่เธอจะตายจากไปแล้ว Harry (และคนดู) มารู้ความจริงจากหยดน้ำตาสุดท้ายในวาระสุดท้ายของ Snape ที่บรรจุความทรงจำของเขาเอาไว้

The Prestige (2006)

  • นักแสดง: Hugh Jackman, Christian Bale, Michael Caine, Scarlett Johansson, Rebecca Hall, David Bowie
  • ผู้กำกับ: Christopher Nolan (Inception, Interstellar, Insomnia)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/109 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 76% / 8.5/10
  • เรื่องย่อ: สองนักมายากลที่เคยเป็นเพื่อนกันอย่าง Alfred Borden และ Robert Angier เกิดต้องมาแตกหักกัน เมื่ออัลเฟรดทำให้คนรักของ Robert ต้องจบชีวิตอย่างไม่ตั้งใจ Robert จึงหาทางล้างแค้นทำลายการแสดงของ Alfred ก่อเกิดเป็นการจองเวรทำลายการแสดงของอีกฝั่งกันไปกันมา ทั้งด้วยเล่กลมนตร์คาถาชนิดที่เกทับบลัฟแหลก จนกลายเป็นสู้กันด้วยวิธีสกปรกไปในที่สุด

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังของ Christopher Nolan ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ในเรื่องของพล็อตที่ไม่ธรรมดา ทั้งการเปิดโอกาสให้คนดูต้องคาดเดาถาม หรือการหลอกให้เชื่อว่าเป็นแบบหนึ่ง แต่ความจริงเป็นอีกแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับ The Prestige ที่เป็นหนังหักมุมซ้อนหักมุมอีกที เมื่อเรื่องในองก์หลังเป็นการแข่งกันของสองนักมายากลที่เล่นกลเกี่ยวกับการปรากฎตัวสองคนในเวลาเดียวกัน

ก่อนที่หนังจะเฉลยว่า Alfred Borden มีพี่น้องฝาแฝดอีกคนถึงทำได้แบบนั้น หนังก็หักมุมไปอีกชั้น (ซึ่งแฟนตาซีหลุดความจริงไปแล้วล่ะนะ) เมื่อ Robert Angier ค้นพบวิธีการโคลนนิงตัวเองได้ (จากความช่วยเหลือจาก Nikola Tesla) ด้วยตู้ไฟฟ้าที่ก็อปปี้ร่างมนุษย์ได้ ความน่าสะพรึงก็คือ เมื่อร่างก็อปปี้เกิดขึ้น ร่างจริงจะต้องถูกกำจัดให้ตายไปเรื่อย ๆ โดยให้หล่นลงไปในตู้กระจกที่เติมน้ำไว้เต็ม

The Others (2001)

  • นักแสดง: Nicole Kidman, Fionnula Flanagan, Christopher Eccleston, Alakina Mann, James Bentley
  • ผู้กำกับ: Alejandro Amenábar (The Sea Inside, Agora)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 17 / 209 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 83% / 7.6/10
  • เรื่องย่อ: ณ เกาะชาเนลที่ตั้งอยู่ระหว่างประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศส ในปี 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคฤหาสน์ทรงวิคตอเรียนเก่าแก่หลังใหญ่อยู่หลังหนึ่ง เจ้าของคฤหาสน์เป็นหญิงสาวชื่อ Grace เธออาศัยอยู่ที่นี่พร้อมกับ Anne ลูกสาว และ Nicolas ลูกชาย ตามลำพัง ขณะที่สามีของเธอไปรบในสงครามและไม่มีข่าวคราวใด ๆ ส่งมา ลูก ๆ ของเธอทั้งสองเป็นโรคแพ้แสงแดดอย่างรุนแรง ดังนั้นแสงสว่างในบ้านจะมีได้ก็จากตะเกียงเท่านั้น ส่วน Grace เองไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมานานแล้ว
  • ต่อมาไม่นาน ได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้นภายในบ้าน เช่น เปียโนบรรเลงโดยไม่มีคนเล่น, ประตูหรือผ้าม่านเปิดปิดได้เอง และมีเสียงคนแปลก ๆ บนชั้นบนของบ้าน เธอเพิ่งนึกได้ว่าที่แท้แล้วเธอไม่ได้ลงประกาศใด ๆ ในหนังสือพิมพ์ แต่หนึ่งในนั้น บอกว่า พวกตนเคยมาทำงานที่นี่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ปริศนาต่าง ๆ นำไปสู่เรื่องราวชวนขนหัวลุก

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: ตั้งแต่อ่านเรื่องย่อ หลายคนอาจจะรู้สึกทะแม่ง ๆ และพอเดาได้ว่าหนังมาในมุกคนเป็นผีสลับกับผีเป็นคน จริง ๆ แล้ว คนที่เห็นในเรื่องทั้งหมดคือผี และอะไรที่ดูจะเป็นผีในเรื่องก็คือ สิ่งที่เกิดจากการกระทำของคนที่อีกด้านของมิติวิญญาณ ซึ่งความหักมุมก็มาปรากฎในฉากสุดท้ายของเรื่องเลย มีคนเอาไปเปรียบเทียบกับ The Sixth Sense (1999) ที่ออกฉายก่อนหน้า 2 ปีที่เล่นมุกนี้เหมือนกันกัน รวมถึงก็ทำให้นึกถึงหนังไทยอย่าง เป็นชู้กับผี (พ.ศ. 2549) ของผู้กำกับวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง หนังแนวนี้ถ้าเฉลยแล้วก็จะไม่หักมุมอีก แต่ความเป็นตำนานก็เกิดจากบรรยากาศสุดสะพรึงที่หนังทำได้ดีด้วย

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Memento (2000)

  • นักแสดง: Guy Pearce, Carrie-Anne Moss, Joe Pantoliano
  • ผู้กำกับ: Christopher Nolan (Inception, Interstellar, Insomnia)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 9 / 39 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 93% / 8.4/10
  • เรื่องย่อ: Leonard ชายหนุ่มความจำสั้น เขาต้องประสบกับเหตุคนร้ายบุกมาข่มขืนภรรยาตัวเอง และใช้ไม้ทุบหัวทำให้เขาความจำเสื่อม เป็นเหตุให้เขาสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ขึ้นมาไม่ได้ ภาพจำสุดท้ายของเขาก็คือ ฉากที่เห็นภรรยาของตัวเองกำลังโดนโจรทำร้าย Leonard จึงต้องใช้การถ่ายภาพ และรอยสักเป็นตัวเตือนความจำว่าตัวเองคือใคร กำลังทำอะไรอยู่ โดยมีเป้าหมายสำคัญก็คือ สืบหาตัวคนร้ายที่ฆ่าภรรยาเขาให้ได้
Guy Pearce in Memento (2000)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังอลังการตั้งแต่วิธีการเล่าเรื่อง “จากท้ายมาต้น” สุดล้ำที่ทำให้ Christopher Nolan ที่ยังไม่มีชื่อเสียงในเวลานั้นถูกจับตามองในวงการหนังขึ้นมาทันที และด้วยการเล่าเรื่องรูปแบบนี้ ก็ทำให้หนังหลอกคนดูสำเร็จจากส่วนของเนื้อเรื่องที่ยังไม่ได้ถูกบอกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะปะติดปะต่อข้อมูลได้ว่า คนดูก็โดนหลอกไปถึงไคลแม็กซ์แล้ว คอหนังถูกตบหน้าด้วยความจริงที่ว่า ภรรยาของ Leonard นั้นตายไปนานแล้ว เธอขอให้เขาฉีดอินซูลินให้จนเกินขนาดและ Leonard ก็จำอะไรไม่ได้ พอเมียตายเลยเสียใจจนสร้างความทรงจำปลอมว่าเธอถูกโจรทำร้าย แถมหนังก็ยังตลกร้ายอีกขั้นตรงที่มีตัวละคร Teddy ตำรวจที่รู้ว่า Leonard ป่วยโดยโรคนี้ จึงฉวยโอกาสยืมมือ Leonard ไปฆ่าคนที่ตัวเองอยากให้ตาย

Fight Club (1999)

  • นักแสดง: Edward Norton, Brad Pitt, Helena Bonham Carter, Meat Loaf, Richmond Arquette
  • ผู้กำกับ: David Fincher (Se7en, Gone Girl, The Game)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 63/103 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 79% / 8.8/10
  • เรื่องย่อ: ชายหนุ่มนิรนามพนักงานออฟฟิศชนชั้นกลางที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองแสนน่าเบื่อ ต้องทำงานซ้ำ ๆ ไร้ความท้าทาย ถูกตีกรอบให้ต้องเป็นหรือต้องมีเหมือนคนอื่น ๆ จนวันหนึ่งเกิดเหตุให้ชีวิตของเขาไม่เหลืออะไรสักอย่าง และได้เจอกับ Tyler Durden ชายหนุ่มหล่อเท่ผู้ไม่ยึดติดกับวัตถุใด ๆ สักอย่าง ชวนมาแลกหมัด ได้เห็นเลือดสด ๆ ไหลออกมาจากปาก ได้รับการปลดปล่อย ผ่อนคลายสบายใจ เขาจึงชวนกันก่อตั้ง Fight Club ชมรมมวยใต้ดินที่เปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าที่รู้สึกถูกกดขี่และมีชีวิตแสนจำเจได้มาปลดปล่อย จนภายหลังขยายตัวเป็นแก๊งอาชญากรรมที่วางแผนทำลายระบบทุนนิยม สถาบันการเงิน และธนาคารยักษ์ใหญ่ให้พังทลายเพื่อรีเซตให้ทุกคนในสังคมเท่ากันหมด
Brad Pitt and Edward Norton in Fight Club (1999)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังเป็นผลงานของผู้กำกับจอมทำหนังหักมุมและมีสไตล์อีกคนของวงการอย่าง David Fincher หนึ่งในหนังบุคคลสองบุคคลิกที่เริ่มมีให้คอหนังได้ชมกันก็ในยุค 90s นี้เอง ที่ก็ต้องยอมรับว่าในหนังเกือบทุกเรื่องที่เฉลยมาถึงจุดที่ว่า คนหนึ่งคนที่ได้เห็นมาตลอดทั้งเรื่องมีบุคคลิกหนึ่งซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกภายใน

เรื่องนี้ต่างออกไปหน่อยตรงที่คนสองคนที่ได้เห็น ทั้ง Tylor Durden และชายหนุ่มนิรนามที่เป็นผู้บรรยายของเรื่องนั้นเป็นคนเดียวกัน ตัวเขาในช่วงกลางวันคือคนธรรมดาที่มีชีวิตตามปกติ แต่เมื่อตกกลางคืนเขาคุยกับตัวเองและสร้างภาพ Tylor ในมุมมืดขึ้นมา ทำเรื่องต่างตามที่จิตใต้สำนึกของตนเองคิด ที่ผ่านมาสิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำร่วมกับ Tylor คือเขาทำมันเพียงคนเดียว ถ้าใครชอบแนวนี้ ต้องไปดูหนังอย่าง Primal Fear (1996), Identity (2002) หรือหนังแนวนี้เรื่องล่า ๆ อย่าง Split (2016)

The Sixth Sense (1999)

  • นักแสดง: Bruce Willis, Haley Joel Osment, Toni Collette, Olivia Williams, Trevor Morgan
  • ผู้กำกับ: M. Night Shyamalan (Glass, Sign, The Village)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/672 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 86% / 8.1/10
  • เรื่องย่อ: Malcolm Crowe จิตแพทย์เด็กชื่อดังของเมืองฟิลาเดลเฟีย อาศัยอยู่กับภรรยาเพียงสองคน คืนหนึ่ง มีผู้บุกรุกเข้าบ้านของเขา ปรากฏว่าเป็นอดีตคนไข้ของมัลคอล์มและได้ยิงมัลคอล์มด้วยปืนเข้าหนึ่งนัด หนึ่งปีผ่านไป ในฤดูใบไม้ร่วง Malcolm ก็ได้พบกับ Cole Sear เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครและดูเหมือนว่ามีความลับอะไรเก็บงำอยู่ โดย Cole อยู่กับ Lynn แม่ของเขาเพียงสองคน ตามร่างกายของ Cole มักมีบาดแผลปรากฏเสมอ Mulcolm เชื่อว่าคงเกิดจากการทุบตีของแม่ แต่เมื่อ Cole ได้บอกความจริงให้ฟัง Mulcolm ก็ยังไม่เชื่อจนเมื่อเขาได้เจอกับเหตุการณ์ลี้ลับนี้กับตัวเอง
Bruce Willis and Olivia Williams in The Sixth Sense (1999)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: ถ้าให้ลิสต์รายชื่อหนังหักมุมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตลอดกาล จะไม่มีเรื่องนี้อยู่ไม่ได้เด็ดขาด เพราะการหักมุมคือกุญแจของความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และรายได้ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ และขณะเดียวกันถ้าใครมาเล่าหรือสปอยล์ให้ฟังว่า Mulcolm จริง ๆ แล้วไม่ใช่คนแต่เป็นผีมาตลอดทั้งเรื่อง ตอนที่ยังไม่ได้ดูและกำลังจะไปดู คงจะโกรธเพื่อนคนนั้นไปอีกนาน ความเด็ดของหนังก็คือ การซ่อนนัยหรือสัญญะต่าง ๆ ให้คนดูเห็นหลายที่ตลอดเรื่องว่าเขาตายไปแล้ว (เมื่อกลับมาย้อนดูก็จะเห็น) แต่คนดูดันไม่เห็นเองนี่สิ The Sixth Sense แจ้งเกิดผู้กำกับเชื้อสายอินเดีย M. Night Shyamalan ให้ได้ทำหนังดัง ๆ ทั้งรุ่งบ้างร่วงบ้างอีกมากมาย

The Usual Suspects (1995)

  • นักแสดง: Kevin Spacey, Benicio Del Toro, Kevin Pollak, Gabriel Byrne, Stephen Baldwin
  • ผู้กำกับ: Bryan Singer (X-Men, Valkyrie, Bohemian Rhapsody)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 6/23 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.5/10
  • เรื่องย่อ: เรื่องราวหลังเหตุการณ์ระเบิดบนเรือลำหนึ่งที่ท่าเรือซานเปโตร มีผู้เสียชีวิต 27 คน เหลือรอดอยู่เพียง 2 คน คนหนึ่งคือ Verbal ผู้เป็นคนเล่าเรื่องนี้ อีกคนเป็นคนฮังกาเรียนถูกไฟคลอกเสียจนเกรียมไปทั้งตัว จนพูดหรือทำอะไรไม่ได้ เอาแต่ร้องเสียงหลงว่า Keyser Söze ทำให้ตำรวจอย่างเจ้าหน้าที่พิเศษ Dave Kujan แห่งกรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่ FBI Jack Baer ที่ติดตามคดีนี้ อยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่า Keyser Söze คือใครกันแน่? เพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ตามคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิต และ Kujan ก็มั่นใจว่า คนร้ายน่าจะเป็น Keaton ตัวละครที่จัดฉากเหตุการณ์ระเบิดทั้งหมดในเรื่อง
Kevin Spacey in The Usual Suspects (1995)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: ฉากชวนช็อกก็มาเปิดเผยตอนที่ Verbal เดินออกจากห้องสอบสวนไป แล้ว Kujan ถึงมารู้ว่า สารพัดชื่อและสถานที่ต่าง ๆ ที่เล่าเป็นฉาก ๆ นั้นมาจากข่าวต่าง ๆ ที่ Kujan แปะไว้ด้านหลังโต๊ะทำงานที่ใช้สอบสวน Verbal นั่นเอง และจากที่บอกว่าตัวเองขาเป๋และมือพิการ มาถึงตอนนี้ก็กลายเป็นคนขาปกติ มือปกติแถมจุดบุหรี่สูบได้อีกต่างหาก คนดูก็เดาไม่ยากแล้วว่า Verbal ก็คือ Keyser Söze ตัวจริง ซึ่งก็มีคอหนังบางส่วนบอกว่า รู้ปมเฉลยนี้ตั้งแต่ 30 นาทีแรกของเรื่องแล้ว

แต่สิ่งที่น่าสนใจและเอาไปคิดต่อกันได้อีกหลายตลบคือ ส่วนไหนในเรื่องที่ Verbal เล่าบ้างที่เป็นจริง? และก็อาจมีบางส่วนที่รู้สึกว่า โดนหลอกมาทั้งเรื่องเพื่อฟังคนบ้านี่พูดอยู่คนเดียวเนี่ยนะ? (รับบทอย่างยอดเยี่ยมโดย Kevin Spacey ที่คว้าออสการ์ไปเลย และอีกรางวัลคือบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดย Christopher McQuarrie)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Star Wars V: The Empire Strikes Back (1980)

  • นักแสดง: Mark Hamill, Harrison Ford, Carrie Fisher, Alec Guinness, Billy Dee Williams
  • ผู้กำกับ: Irvin Kershner (007: Never Say Never Again, RoboCop 2, Eyes of Laura Mars)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 18 / 547 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 94 / 8.7/10
  • เรื่องย่อ: แม้ดาวมรณะจะถูกทำลายลง ทหารของจักรวรรดิก็ได้ต้อนกบฏจากฐานลับและตามล่าพวกเขาไปสุดขอบจักรวาล ในการหลบหลีกกองทัพจักรวรรดิ กลุ่มกบฏนำโดย Luke Skywalker ได้สร้างฐานลับขึ้นใหม่บนดาวน้ำแข็ง Darth Vader ผู้ชั่วร้ายซึ่งมุ่งมั่นที่จะหาตัวสกายวอล์คเกอร์ ได้ส่งหุ่นสอดแนมนับพันไปในห้วงอวกาศ เมื่อหาพบก็ได้ส่งกองกำลังโจมตีจนฝ่ายกบฏต้องหลบหนีไป Luke ก็ได้แยกตัวออกไปตามหาปรมาจารย์เจไดโยดา บนดาวเดโกบาห์ ตามคำบอกของ Obi-Wan ส่วน Han Solo ต้องพาเจ้าหญิง Leia หนีการตามล่าของยาน Star Destroyer ของฝ่ายจักรวรรดิ จนเกิดความเสียหายกับยานมิลเลเนียมฟอลคอน ทำให้ไม่สามารถใช้ Hyper Space (อุปกรณ์เร่งความเร็วสู่ความเร็วแสง) ได้ จึงไปพักซ่อมยานที่ นครเมฆา ที่มีเพื่อนเก่าของฮัน โซโล คือ Lando Calrissian อยู่ โดยหารู้ไม่ว่าที่นี่ได้ถูก Darth Vaderควบคุมไว้เรียบร้อยแล้ว
David Prowse in Star Wars: Episode V - The Empire Strikes Back (1980)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: คงไม่ต้องบอกอะไรกันให้มากสำหรับจุดหักมุมในหนังไซไฟสงครามดวงดาวที่คลาสสิกตลอดกาลอย่าง Star Wars ภาคแรกก็ดังมากและมาเสริมความดังไปอีกด้วยภาคนี้ ซึ่งหลายคนยกย่องให้เป็นภาคที่ดีที่สุด George Lucas ผู้อำนวยการสร้างก็อยากทำให้ภาคนี้ออกมามืดหม่นที่สุดด้วย และที่ทำอย่างนั้นได้ จุดหักมุมจากประโยค ๆ เดียวของตัวร้าย Darth Vader ก็ทำให้หนักดาร์กสมใจกับประโยคที่เขาพูดกับ Luke ว่า “I am Your Father” พอผ่านมาจนถึงวันนี้ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่า Luke คือลูกของ Anakin Skywalker ที่กลายเป็น Darth Vader จากเรื่องราวในไตรภาคเรื่องราวแรกที่นำมาสร้างช่วง 1999-2005 แต่ลองนึกย้อนไปว่า คนที่ดู The Empires Strikes Back ครั้งแรกจะช็อกแค่ไหน อารมณ์เหมือนเฉลยว่า Harry Potter เป็นลูก Lord Voldermot ประมาณนั้นเลย

Soylent Green (1973)

  • นักแสดง: Charlton Heston, Edward G. Robinson, Leigh Taylor-Young, Chuck Connors, Joseph Cotten
  • ผู้กำกับ: Richard Fleischer (20,000 Leagues Under the Sea, Tora! Tora! Tora!, The Vikings)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: (ไม่มีการบันทึกไว้)
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 71% / 7.1/ 10
  • เรื่องย่อ: ตามท้องเรื่องบอกว่าเมื่อถึงปี ค.ศ 2022 โลกจะสูญสิ้นทรัพยากรธรรมชาติไปทั้งหมด แผ่นดิน แผ่นน้ำจะเป็นพิษ ไม่สามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์และเพาะเลี้ยงสัตว์ อากาศและท้องฟ้าจะเต็มด้วยผงฝุ่นพิษ ทั้งโลกไม่มีป่าไม้ให้เห็น จะมีต้นไม้เหลืออยู่เพียงต้นเดียวหย่อมเดียว ถูกปิดล้อมครอบคลุมไว้ด้วยโดมขนาดใหญ่ ภายในทำเป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในมหานครนิวยอร์ก บรรดามวลมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องต่อสู้ ดิ้นรน ไปกับบรรยากาศอันน่าสยดสยอง จนสุดท้ายต้องหันมาปรับทัศนะคติหรือปรับพฤติกรรมทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการหันมากินเนื้อคนด้วยกันเอง นอกจากนั้นยังเกิดพฤติกรรม Euthanasia หรือพฤติกรรมของการฆ่าตัวตายด้วยความสมัครใจ

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: จากจินตนาการในนิยายวิทยาศาสตร์ เรื่อง “Make Room! Make Room! ของ นักเขียนอเมริกัน Harry Harrison บทเฉลยของหนังในตอนจบเรื่องที่พระเอกตะโกนออกมาจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ตัวเขาถูกจับยัดเข้าไปอยู่ร่วมกับมนุษย์ที่กลายเป็น“เหยื่อ” คนอื่น ๆ คนดูต้องต้องมีเสียววาบเข้าไปในใจกันหลายคน อาหารเม็ดชั้นเลิศของคนในหนังก็คือ Soylent Green นักสืบ Thorn (รับบทโดยนักแสดงดัง Charlton Heston ตามสืบเสาะไขความด้วยความสงสัยว่า Soylent Green ที่โฆษณาว่าทำจากสาหร่ายน้ำลึกในมหาสมุทรบางชนิดนั้น ที่จริงแล้วทำจากวัตถุดิบอะไร ก่อนความจริงจะกระจ่างในฉากสุดท้ายของเรื่องที่เขาบอกว่า “บอกพวกเขาด้วย Soylent Green ทำจากเนื้อมนุษย์!!”

Psycho (1960)

  • นักแสดง: Janet Leigh, Anthony Perkins, Vera Miles, John Gavin
  • ผู้กำกับ: Alfred Hitchcock (Virtigo, North by Northwest, Rope)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 806,947 เหรียญฯ / 32 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 96% / 8.5/10
  • เรื่องย่อ: หนังสยองขวัญในตำนานเกี่ยวกับเลขาสาวที่ขโมยเงินจากบริษัท และหอบเงินหนีไปหาชู้รัก ระหว่างทางเกิดฝนตกหนัก เธอจึงตัดสินใจแวะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นที่โรงแรงลึกลับสยองขวัญแห่งนี้
Anthony Perkins in Psycho (1960)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังสยองขวัญที่ยากจะได้เข้าชิงออสการ์ แต่ด้วยฝีมือระดับพระกาฬก็ทำให้หนังได้เข้าชิงถึง 4 รางวัล เช่น ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Janet Leigh) และก็เป็นหนังที่ทำให้คนในยุคหลังรู้จัก Alfred Hitchcock มากที่สุดด้วย จุดหักมุมแรกคือ ตัวละครที่คนดูคิดว่า น่าจะเป็นนางเอกของเรื่องถูกฆ่าตายตั้งแต่ตอนต้นของหนัง จากนั้นหนังก็เดินเรื่องต่อด้วย Lila Crane ที่ออกตามหาพี่สาวซึ่งโดนประกาศจับเรื่องขโมยเงินด้วย แต่เมื่อพบว่า Marion Crane อาจเคยพักที่โรงแรมของ Norman Bates เธอจึงร่วมมือกับคนอื่น ๆ ตามหาความจริง แต่แม่ของ Norman ก็ฆ่าคนที่มาสืบคดีไปจำนวนหนึ่ง สุดท้ายเรื่องราวก็เฉลยออกมาว่า แท้จริงแล้วฆาตกรคือ Norman ผู้มีอาการทางจิต ใส่เสื้อผ้าของแม่แล้วออกไล่ฆ่าคนนั่นเอง

Citizen Kane (1941)

  • นักแสดง: Joseph Cotten, Dorothy Comingore, Agnes Moorehead, Agnes Moorehead, Ray Collins
  • ผู้กำกับ: Orson Welles (Touch of Evil, The Lade from Shanghai, The Trial)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 839,727 เหรียญฯ / 1,594,107 เหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 100% / 8.3/10
  • เรื่องย่อ: หนังเปิดเรื่องมาด้วยฉากที่นาย Charles Foster Kane ผู้ที่ชราภาพมากแล้ว สิ้นใจลงบนเตียงในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตของตนเอง โดยทิ้งคำพูดสั้น ๆ สุดท้ายที่เป็นปริศนาว่า “Rosebud” เขาเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลมากในสหรัฐยุคนั้น ช่วงบั้นปลายชีวิตเขาสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Xanadu) และกว้านซื้อสมบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรืองานศิลป์หลากหลายเพื่อนำมาเป็นของสะสมส่วนตัว หลังจากการจากไปของ Kane สำนักข่าวแห่งหนึ่งสงสัยว่า คำพูด Rosebud นั้น มีความหมายถึงอะไร หลายคนเดาว่า อาจหมายถึงผู้หญิง เพราะความรักไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ท้ายที่สุดหาข้อสรุปไม่ได้จึงส่งนักข่าวหนุ่มคนหนึ่งออกสืบเรื่องราวเพื่อหาคำตอบที่แท้จริงของ Rosebud
Citizen Kane (1941)

(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังที่ติดอันดับหนังที่ดีที่สุดในโลกของการจัดอันดับหลาย ๆ เจ้า การดำเนินเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้คือการที่นักข่าวหนุ่มไปเยี่ยมเยียนผู้คนต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของ Kane ในหลายช่วงวัย นักข่าว (และผู้ชม) ก็ต่างค่อย ๆ รู้ความเป็นมาของชีวิต Kane ตามลำดับเวลาตั้งแต่เด็ก จุดหักมุมที่ถูกกล่าวขานอยู่ในฉากสุดท้ายของหนัง เมื่อคนกลุ่มหนึ่งกำลังโยนสิ่งสะสมที่ไร้ค่าของ Kane เข้าไปในเตาเผา ในมือของคนงานคนหนึ่ง เป็นเลื่อนหิมะเก่า ๆ บนเลื่อนหิมะนั้นมีตัวอักษรเขียนว่า Rosebud แล้วเขาก็โยนเลื่อนเข้าเตาเผาไป

กลายเป็นว่า Rosebud ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ ชื่อคนที่เขาโหยหาก่อนตาย แต่เป็นของแสนธรรมดาที่เป็นตัวแทนในวัยเด็กของ Kane ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่จะซื้อสิ่งของทุกอย่างในโลก แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ และเขาเองก็ไม่ได้ต้องการความรักจากผู้หญิงคนใดด้วย แต่สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตเขาคือวัยเด็ก และความรักจากพ่อแม่ Kane อาจคิดว่า ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนรวย และใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในบ้านนอกเหมือนที่ควรจะเป็น สุดท้ายในชีวิตเขาอาจมีความสุขกว่าการได้เป็นคนที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกาก็ได้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส