GET SMART (2008)
มาต่อกันที่หนังตลกที่มีเนื้อหาคล้ายกันกับ Spy นั่นคือการที่บทนำเป็นตัวละครสายลับที่ไม่น่าจะเป็นสายลับมากที่สุด (ความฮาจึงเริ่มต้นขึ้นจากตรงนั้นแหละ) เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของ Maxwell Smart มีภารกิจต้องสกัดกั้นแผนการณ์ครองโลกล่าสุดขององค์กรอาชญากรรมที่รู้จักกันในชื่อ KAOS หลังสำนักงานใหญ่ของสายลับสหรัฐฯ ถูกโจมตีและเหล่าสายลับตกอยู่ในอันตราย หัวหน้าหน่วยไม่มีทางเลือกจึงต้องเลื่อนตำแหน่งให้กับนักวิเคราะห์ผู้กระตือรือล้น อย่าง Smart ซึ่งฝันมาตลอดถึงการทำงานภาคสนามร่วมสายลับ 23 ผู้บึกบึน แต่เขากลับต้องมาประกบกับสายลับ 99 ผู้น่ารักแต่สายโหดแทน เพราะเธอและเขาเป็นไม่กี่คนที่ยังไม่ถูกเปิดเผยเอกลักษณ์


ดัดแปลงจากซีรีส์สายลับสุดฮิตจากปี 1965 ที่เคยเข้ามาฉายทางโทรทัศน์ในประเทศไทยกับชื่อเรื่องว่า “ยอดนักสืบเฉลยศักดิ์” ผู้มีดีกรีเป็นถึงสายลับมือพระกาฬกับความฮาที่เปรียบดังต้นฉบับมุขเด็ดที่ยังมีให้เห็นถึงทุกวันนี้ ในฉบับนั้น เนื้อเรื่องหลักก็คือการเผชิญหน้ากันระหว่าง Maxwell กับเหล่าตัวโกงที่ถูกส่งมาจาก Kaos ความยาวตอนละประมาณ 25 นาทีแต่ก็ประสบความสำเร็จ มีออกมาทั้งหมด 5 Season รวม 138 ตอน ส่วนฉบับนี้ก็เป็นการรวมดาวนักแสดง เริ่มจาก Steve Carell ที่ดังมาจากหนังตลกเรื่องก่อนหน้าอย่าง Evan Almighty (2007) Anne Hatthaway ที่โด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จาก The Devil Wears Prada (2006) แถมยังมี Dwayne Johnson ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นตัวละครประกอบตัวที่ 3 ของเรื่องอยู่เลย สมทบด้วยนักแสดงรุ่นเก๋า Alan Arkin และ Terence Stamp มาสมทบด้วย หนังฮิตในช่วงเวลานั้นแต่ก็ฮิตแล้วฮิตเลยไม่ได้มีแผนจะมีภาคต่อ
- นักแสดง: Steve Carell, Anne Hathaway, Dwayne Johnson, Alan Arkin, Terence Stamp
- ผู้กำกับ: Peter Segal (The Longest Yard, Anger Management, 50 First Dates)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 80 / 230 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMBD Rating: 6.5/10


JOHNNY ENGLISH (2003) & JOHNNY ENGLISH REBORN (2011)
ถ้าหนังสายลับอังกฤษมี James Bond ในฝั่งสายลับฉบับบู๊ ในฝั่งสายลับฉบับฮาก็ต้องมี Johnny English หรือชื่อไทยว่า “พยัคฆ์ร้ายศูนย์ศูนย์ก๊าก” ที่ได้ Rowan Atkinson เจ้าของบท Mr. Bean ในหนังและซีรีส์ซึ่งกลายเป็นบทบาทฮิตติดตัวของเขาไปแล้ว หนังมีทั้งหมดออกมา 3 ภาคทุก ๆ เกือบ 10 ปี ภาคแรกปี 2003 ภาค 2 ชื่อภาค Johnny English Reborn ปี 2011 และภาคล่าสุด Johnny English Strikes Again ปี 2018 ซึ่งแฟน ๆ หนังแนวนี้ก็โปรดอย่าถามเอาเหตุผลหรือความสมจริงใด ๆ เพราะหนังจะแฟนตาซีหลุดโลกของสายลับไปหลายขุม แต่ให้ดูเอาความบันเทิงด้วยการเอา Mr. Bean มาสวมบทสายลับนั่นเอง


Johnny English สายลับหมายเลขหนึ่งของหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ (ในโลกที่ไม่มี James Bond) ความจริงแล้ว Englisgh เป็นคนทำเอกสารของหน่วย MI7 ต่อมาสายลับรหัส 001 เกิดตาย (โดยบังเอิญเพราะ English นั่นแหละ) ที่งานศพสายลับทุกคนมารวมตัวกัน คนร้ายลอบวางระเบิดที่งานทำให้สาบลับของ MI7 ตายเกลี้ยง English ที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย เจ้านายจึงมอบหมายให้เขารับงานต่อจาก 001 เมื่อมีคนจะขโมยเครื่องราชาภิเษกที่จะจัดแสดงโดย Pascal Sauvage เชื้อพระวงศ์ชาวฝรั่งเศสแถมยังเป็นเจ้าของคุกหลายแห่ง English ไปที่งานเจอกับเจ้าหน้าที่ Lorna Campbell จากฝรั่งเศสที่แฝงตัวมาสืบเรื่อง Pascal ต่อมาเครื่องราชาภิเษกเกิดหายไป และ Pascal ก็ดูจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปครั้งนี้ ทำให้ English และ Campbell ต้องร่วมมือกันเปิดโปงและกู้สมบัติของชาติไว้ให้ได้


ส่วนภาค 2 เรื่องเริ่มต้นเมื่อ 5 ปีก่อน English เกิดไปทำภารกิจพลาดที่โมซัมบิคทำให้ประธานาธิบดีของประเทศนั้นถูกลอบสังหาร หลังจากถูกปลด English หลบฝึกวิชาที่ทิเบต ต่อมาทางหน่วย MI7 ก็มีภารกิจใหม่ให้ เจ้านายคนใหม่ แนะนำให้ English รู้จักกับ Kate Sumner นักวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์คนสวย (Rosamund Pike ซึ่งเคยแสดงเป็นสาว Bond ในตอน Die Another Day (2002)) การกลับมาในภารกิจนี้ทำให้ English เริ่มปะติดปะต่อได้ว่า แท้จริงแล้วการลอบสังหารประธานาธิบดีโมซัมบิคนั้น เขาถูกจัดฉากและการตายนั้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของเขา เขาจึงต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาพร้อมกับยับยั้งเหตุร้ายจากแผนการสมคบคิดครั้งสำคัญ
- นักแสดง: Rowan Atkinson, John Malkovich, Natalie Imbruglia, Ben Miller, Greg Wise, Gillian Anderson, Rosamund Pike, Dominic West, Daniel Kaluuya
- ผู้กำกับ: Peter Howitt (Laws of Attraction) / Oliver Parker (An Ideal Husband)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: ภาค 1 – 40 / 160 ล้านเหรียญฯ / ภาค 2 – 45 / 160 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMBD Rating: ภาค 1 – 6.2/10 / ภาค 2 – 6.3 /10




THE NAKED GUN 1 (1988) & 2 (1991)
แต่ก่อนที่โลกจะรู้จักสายลับสุดฮาอย่าง Johnny English และอีกมากมายที่เป็นหนังสายลับที่ไม่เน้นความสมจริงเอาเสียเลย ยุค 80s ต่อ 90s ก็ยังมีหนังสายลับอย่าง The Naked Gun ที่นำแสดงโดย Leslie Nielsen ผู้ล่วงลับ ซึ่งก็มีหนังแฟรนไชส์นักสืบชุดนี้กับหนังอย่าง Airplane! (1980) ที่เป็นผลงานของผู้กำกับเจ้าเดียวกันคือ David Zucker (เป็นเจ้าของผลงานอย่าง Scary Movie ภาค 3-4 (2003-2006) ด้วย) โดย Nielson รับบทเป็นสายลับตำรวจจอมเบ๊อะสุดซุ่มซ่าม Frank Drebin
ในภาค 1 The Naked Gun: From the Files of Police Squad! (1988) เขาได้รับหน้าที่สำคัญในการหยุดยั้งแผนการลอบปลงพระชนม์พระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งอังกฤษ เป็นหนังที่ต่อยอดมาจากซีรีส์ตลก Police Squad! ปี 1982 ส่วนภาค 2 The Naked Gun 2½: The Smell of Fear (1991) Drebin ไปเป็นแขกของประธานาธิบดี George Bush ณ ทำเนียบขาวที่สหรัฐฯ เขาไปรับรางวัลกำจัดพ่อค้ายาได้ครบ 1,000 ราย และได้ไปเจอกับ Dr. Meinheimer ผู้ผลักดันนโยบายพลังงานทางเลือก แต่ฝั่ง Quentin Hapsburg วายร้ายของอุตสาหกรรมสร้างมลภาวะก็พากันกลัวทางเลือกของประธานาธิบดี Bush เลยจัดการลักพาตัว Dr. Meinheimer และเอาตัวปลอมมาสวมรอยแทน Drebin จึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ Dr. Meinheimer จาก Hapsburg ที่ดันมาหมายปองเมียของ Drebin อีกด้วย หนังมีทั้งหมด 3 ภาค โดยภาคสุดท้ายชื่อ Naked Gun 33 1/3: The Final Insult (1994) (ไม่มีบน Netflix ตอนนี้)




- นักแสดง: Leslie Nielsen, Priscilla Presley, O.J. Simpson, Ricardo Montalban, George Kennedy, Richard Griffiths
- ผู้กำกับ: David Zucker (Airplane!, Top Secret!, Scary Move 3&4)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: ภาค 1 – 12 / 78 ล้านเหรียญฯ / ภาค 2 – 23 / 86 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMBD Rating: ภาค 1 – 7/6/10 / ภาค 2 – 6.9/10




พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส