กลับมาอยู่ในความสนใจของคอหนังและคอซีรีส์ได้ทุกครั้งที่เปิดตัวซีซันใหม่ สำหรับ Original ซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลของ Netflix อย่าง The Crown ที่ดังเปรี้ยงมาตั้งแต่ Netflix เพิ่งเริ่มตั้งไข่เมื่อปี 2016 มาถึงตอนนี้ก็เข้าซีซันที่ 4 เข้าไปแล้ว (จากทั้งหมด 6 ซีซันที่การประกาศสร้าง) และในซีซันนี้ก็เริ่มมีตัวละครจากราชวงศ์อังกฤษที่คนยุคปัจจุบันพอจะคุ้นชื่ออย่างเจ้าหญิง Diana รวมถึงจากฝั่งการเมืองอย่างนายกรัฐมนตรีหญิง Margaret Thatcher ปรากฏตัวเพิ่มดีกรีความเข้มข้นให้ได้ติดตามกันแล้ว (อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF)
ในโอกาสนี้ What the Fact จึงขอรวบรวม 10 หนังราชวงศ์อังกฤษสุดปัง ที่ใครที่ชมชอบ The Crown น่าจะต้องเก็บมาดูให้ครบ เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นเหตุการณ์เดียวกันหรือร่วมยุคกับ The Crown ที่ยอดเยี่ยมระดับมีรางวัลออสการ์การันตี ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและในสาขานักแสดง หรือถ้าเป็นหนังพีเรียดก็จะมีความวิจิตรอลังการของเสื้อผ้าหน้าผม และฉากย้อนอดีตที่น่าหาชมสักครั้ง
ELIZABETH (1998) & ELIZABETH: GOLDEN AGE (2007)
เจ้าหญิง Elizabeth เจ้าหญิงนอกสมรส พระราชธิดาของพระเจ้า Henry ที่ 8 แห่งอังกฤษ กับ Anne Boelyn พระมเหสีผู้ซึ่งไม่ได้การยอมรับให้อยู่ราชสมบัติ จนกระทั่งสมเด็จพระราชินีนาถ Mary ที่ 1 หรือ “Mary ผู้กระหายเลือด” (Bloody Mary) พี่สาวต่างมารดาได้สวรรคตลง พระนางจึงได้ขึ้นครองราชย์ ท่ามกลางความขัดแย้งต่าง ๆ มากมายทั้งด้านการเมืองและศาสนา บรรดาอำมาตย์ ขุนนางต่างแตกแยกกันเป็นฝักฝ่าย โดยเฉพาะ Duke of Norfolk (Christopher Eccleston) ที่แสดงการต่อต้านพระนางอย่างชัดเจนที่สุด แต่เธอก็ยังได้ Sir William Cecil (Richard Attenborough) คอยให้การสนับสนุน




เมื่อพระนางขึ้นครองราชย์ราชทูตจากนานาประเทศต่างเดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรี ด้วยหวังว่าพระนางจะอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์ของตน แต่พระนางมีชายคนรักอยู่แล้วคือ Robert Dudley หรือ Earl of Leicester (Joseph Fiennes) แต่ด้วยหน้าที่และบรรดาศักดิ์ พระนางจึงไม่อาจจะรักกับเขาได้อย่างเปิดเผย ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีการวางลอบปลงพระชนม์ด้วยวิธีการวางยา และเหล่าผู้ที่ภักดีต้องบุกจับเหล่าคนที่คิดร้ายสังหารทิ้ง เหตุการณ์ต่าง ๆ ผลักดันเจ้าหญิง Elizabeth เจ้าหญิงผู้ไร้เดียงสาต้องเข้มแข็งขึ้นมาในฐานะพระราชินีแห่งอังกฤษ และเลือกจะไม่รับรักจากชายคนไหนอีกเลย จนทำให้พระองค์ไม่ได้อภิเษกสมรสตลอดทั้งพระชนชีพ จนได้ฉายาว่า “ราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์” (The Virgin Queen)
เรื่องราวภาค 2 เริ่มต้นในปี 1585 หลังการปกครองอังกฤษมายาวนานเกือบ 30 ปีสมเด็จพระราชินีนาถ Elizabeth ที่ 1 ต้องเผชิญหน้ากับประเทศสเปน ภายใต้การนำของพระเจ้า Philip (Jordi Molla) กษัตริย์ผู้มีศักดิ์เป็นพี่เขย ผู้ซึ่งเคร่งครัดในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เขาต้องการจะกำจัดนางทิ้ง เนื่องจากทรงเห็นว่าพระนางนั้นนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ที่เปรียบเสมือนพวกนอกรีตในสายตาศาสนจักร จึงได้ส่งสายลับหลายคนเข้าสู่อังกฤษเพื่อหาทางที่จะกำจัดพระราชินี


ขณะเดียวกันราชทูตจากหลายประเทศก็ยังพยายามเสนอตัวเจ้านายของตนเพื่อเป็นคู่อภิเษกกับพระนาง แต่พระนางไม่ปักพระทัยกับชายใด ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พระนางได้พบกับ Walter Raleigh (Clive Owen) นักเดินเรือผู้แสวงหาโลกใหม่ เขาทำให้พระนางทึ่งและสนพระทัย แต่ Raleigh เพียงชื่นชมพระนางในฐานะราชินีเท่านั้น เท่านั้นยังไม่พอเขายังแอบไปมีสัมพันธ์กับ Bess Throckmorton (Abbie Cornish) นางกำนัลคนสนิทของพระราชินี


ในขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชินีนาถ Mary ที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ (Samantha Morton) พระขนิษฐาต่างพระมารดาซึ่งมีสิทธิ์ในการที่จะครองบัลลังก์อังกฤษเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเธอถูกควบคุมตัวให้อยู่แต่ในปราสาทและได้ดำเนินแผนลับร่วมกับพระเจ้า Philip แต่เมื่อการลอบสังหารพระนางล้มเหลว ผู้กระทำการถูกจับกุมตัวได้และซัดทอดมาถึงพระนาง Mary เธอจึงถูกตัดสิทธิลงโทษด้วยการประหารชีวิต ส่วนพระเจ้า Philip ก็เร่งส่งกองทัพเรืออาร์มาดาอันเกรียงไกรเข้ารบกับอังกฤษ พระนางจึงตัดสินพระทัยทำศึกครั้งนี้ที่เดิมพันด้วยพระชนม์ชีพและบ้านเมือง โดยมี Sir Francis Walsingham (Geoffrey Rush) ขุนนางผู้ภักดีคอยเคียงข้าง
- นักแสดง: Cate Blanchett, Geoffrey Rush, Richard Attenborough, Daniel Craig, Vincent Cassel, Joseph Fiennes, Clive Owen, Eddie Redmayne, Abbie Cornish, Rhys Ifans, Samantha Morton
- ผู้กำกับ: Shekhar Kapur (กำกับทั้งสองภาค) (The Four Feathers, New York, I Love You, Bandit Queen)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก:
- ภาคแรก 30/82 ล้านเหรียญฯ
- ภาค 2 55 / 75 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating:
- ภาคแรก 82% / 7.4/10
- ภาค 2 34% / 6.8/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ภาคแรก
- ชนะ 1 สาขารางวัล (แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 6 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Cate Blanchett), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
- ภาค 2
- ชนะ 1 สาขารางวัล (ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 1 สาขารางวัล (นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Cate Blanchett))
- ภาคแรก
THE FAVOURITE (2018)
เศษเสี้ยวประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งของอังกฤษอย่างยุคของพระราชินี Anne ในช่วงปี 1704 มาเสริมเติมแต่ง เรื่องราวความสนิทสนมระหว่างพระองค์กับ Sarah Churchill ดัชเชสแห่งมาร์ลบะระ (ต้นตระกูลของ Winston Churchill นายกรัฐมนตรีอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) ผู้ใช้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเจ้าครองนครมาเป็นเครื่องมือในการคุมการเมืองระบบรัฐสภาเพื่อส่งเสริมสามีของตน ในขณะที่พระนางเจ้า Anne เองก็ไม่ต่างจากชนชั้นสูงผู้เปลี่ยวเหงา เติบโตในรั้วในวังอย่างผิดรูปจนตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่น แต่ความไร้เดียงสาเอาแต่ใจของพระองค์เองก็บันดาลอำนาจส่งเสริมหรือทำลายผู้ใดก็ได้อย่างไม่อาจคาดเดา


หนังได้นำเรื่องราวนี้มาขยายกลายเป็นเหมือนละครริษยาชิงชังอย่างละครไทย โดยใส่ตัวละครอย่าง Abigail มาเป็นตัวขยี้ที่ฉุดรั้งความสัมพันธ์ระหว่างพระราชินีกับ Sarah ให้ดิ่งลงเหว โดยเธอก็พยายามเหยียบย่ำข้ามหัวผู้พี่อย่าง Sarah ขึ้นเป็นคนพิเศษข้างกายพระราชินีแทน ด้วยมารยาหญิงร้อยแปดเล่มเกวียนชนิดเต็มพิกัด (อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF)
เหตุการณ์ตามหน้าประวัติศาสตร์จริง ๆ นั้น พระราชินี Anne ปกครองอังกฤษช่วงปี 1702-1714 ซึ่งในปี ในปี 1702 นั้นเอง ราชอาณาจักรสกอตแลนด์และราชอาณาจักรอังกฤษได้รวมกันเป็นอาณาจักรเดียว ตามพระราชบัญญัติสหภาพ ปี 1707 เรียกชื่อใหม่ว่า “ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่” โดยมีพระราชินีนาถ Anne เป็นกษัตริย์ผู้ปกครองพระองค์แรก ในขณะเดียวกันก็ทรงเป็นพระราชินีนาถของราชอาณาจักรไอร์แลนด์ด้วย ทรงครองราชย์ได้ 12 ปี ก่อนที่จะสวรรคตเมื่อ 1 สิงหาคม 1714 ที่พระราชวังเค็นซิงตันในกรุงลอนดอน สิริรวมพระชนมายุได้ 49 พรรษาเท่านั้น




ช่วงชีวิตของพระองค์ต้องเผชิญสถานการณ์วิกฤติหลายครั้ง ทั้งเรื่องส่วนพระองค์ ปัญหาการสืบราชบัลลังก์ (ทรงพระครรภ์อย่างน้อย 18 ครั้งแต่ทรงตก (แท้ง) ถึง 13 ครั้ง และในบรรดาพระโอรสธิดา 5 พระองค์ที่รอดชีวิตมาได้นั้น มีแค่ 4 พระองค์อยู่ได้เพียงอายุไม่เกิน 2 ขวบก็สิ้นพระชนม์ พระโอรสองค์เดียวที่มีอายุยืนที่สุดก็คือ เจ้าชาย William ที่สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 11 พรรษา ในหนังนั้นพระราชินี Anne ได้ตั้งชื่อกระต่ายแต่ละตัวไว้ตามชื่อของพระโอรสและพระธิดาที่เสียชีวิต) และปัญหาการแบ่งแยกทางศาสนาภายในราชอาณาจักร เมื่อเสด็จสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาท กษัตริย์พระองค์ต่อไปจึงเป็นพระเจ้า George ที่ 1 จากราชวงศ์ Hanover และสิ้นสุดราชวงศ์ Stuart ที่พระราชินี Anne นี้เอง
- นักแสดง: Olivia Colman, Emma Stone, Rachel Weisz, Nicholas Hoult, Joe Alwyn
- ผู้กำกับ: Yorgos Lanthimos (The Lobster, The Killing of a Sacred Deer, Dogtooth)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 15 / 95 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 93% / 7.5/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 1 สาขารางวัล (นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Olivia Colman))
- เข้าชิง 9 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Rachel Weisz และ Emma Stone), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม)
VICTORIA & ABDUL (2017)
หากจุดเริ่มต้นของชีวิตพระราชินีนาถ Victoria จะมีหนังเรื่อง The Young Victoria (2009) (ซึ่งจะได้กล่าวถึงในหน้าถัดไป) เป็นช่วงเริ่มต้นแล้ว ใน Victoria & Abdul (2017) ก็เป็นบทสรุปในช่วงบั้นปลายของพระชนม์ชีพและการครองราชย์อันยาวนานของพระองค์ที่ปิดท้ายลงได้อย่างบริบูรณ์ โดยได้สุดยอดนักแสดง Judi Dench ผู้ที่เคยรับบทเป็นพระราชินีอังกฤษมากที่สุด เธอเคยรับบทเป็นพระราชินี Victoria มาแล้วใน Mrs. Brown (1997) และก็เคยเป็นพระราชินี Elizabeth ที่ 1 ใน Shakespeare in Love (1998) ซึ่งทำให้เธอได้รางวัลสมทบหญิงบนเวทีออสการ์ จากการปรากฎตัวในเรื่องเพียง 8 นาที!


หนังเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นปี 1887 เมื่อประเทศอินเดียที่เป็นอาณานิคมของประเทศพระอาทิตย์ไม่ตกดินอย่างอังกฤษ ได้ส่ง Abdul Karim (Ali Fazal) นายทะเบียนเรือนจำไปถวายเหรียญโมเฮอร์ เครื่องบรรณาการจากอินเดียในงานเลี้ยงฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถ Victoria ในวัยชรา ด้วยความอ่อนน้อมของ Abdul Karim และ ไมตรีจิตของพระนาง Victoria ทำให้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของหญิงชรากับชายหนุ่มที่ต่างชั้นวรรณะกับราวกับราชสีห์กับหนู ก็ได้กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ท่ามกลางเสียงคัดค้านทั่วราชสำนัก จนพระราชินี Victoria ต้องเลือกระหว่างความสุขจากมิตรภาพที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าไม่ใช่ฉันชู้สาวอย่างที่ผู้อื่นกล่าวหาแต่ก็ทำให้เธอชุ่มชื่นหัวใจกับมิตรภาพครั้งนี้ กับหน้าที่และเกียรติยศแห่งราชสำนักอังกฤษที่เธอต้องรักษาเอาไว้ (อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF)


หนังดัดแปลงจากงานเขียนของ Shrabani Basu นักข่าวที่มีโอกาสได้ไปเยือนออสบอร์นเฮาส์ บ้านพักฤดูร้อนของพระนาง Victoria บนเกาะไวท์ (Isle of Wight) จนพบเบาะแสที่สามารถสืบสาวราวเรื่อง กลั่นออกมาเป็นหนังสือ “Victoria & Abdul: The True Story of the Queen’s Closest Confidant” ที่เปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างทั้งคู่ที่ไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ ในปี 2010 นี่เอง หนังนำเสนอวาระสุดท้ายของพระราชินีนาถ Victoria กษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในเวลานั้น ปกครองประชาชนอังกฤษและประเทศภายใต้อาณานิคมกว่า 3,000 ล้านคน ผ่านเรื่องราวที่ถูกเก็บเป็นความลับ เพราะราชวงศ์อังกฤษไม่ต้องการแพร่งพราย โดยเฉพาะพระราชโอรสที่คิดว่าแม่เสียสติ
- นักแสดง: Judi Dench, Michael Gambon, Ali Fazal, Olivia Williams, Eddie Izzard
- ผู้กำกับ: Stephen Frears (The Queen, Philomena, Florence Foster Jenkins, Dangerous Liaisons)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 21 / 66 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 65% / 6.8/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 2 สาขารางวัล (แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม)