ในปี 2000 Linkin Park ได้ทำลายสถิติด้วยอัลบั้มชุดแรก ‘Hybrid Theory’ ที่มียอดขายในระดับแพลตตินัมนับเป็นการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และนั่นทำให้อัลบั้มชุดที่ 2 ของพวกเขาอาจกลายเป็น ‘อาถรรพ์หมายเลข 2’ ที่ศิลปินหลายคนหวาดกลัวก็เป็นได้ แต่แล้วเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2003 พวกเขาก็ได้เปลี่ยนจากอาถรรพ์ให้กลายเป็นความสำเร็จอีกครั้งกับอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ที่มีชื่อว่า ‘Meteora’

ก่อนหน้าที่จะปล่อย ‘Meteora’ ออกมา Linkin Park ได้ทำอัลบั้มรีมิกซ์ ‘Reanimation’ ซึ่งทำให้พวกเขาได้ทดลองและเรียนรู้ที่จะพัฒนาสไตล์ดนตรีของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แบรด เดลสัน (Brad Delson) มือกีต้าร์ของวงบอกกับ MTV ในเวลานั้นว่า “เราได้เห็นรูปแบบการเขียนเพลงที่แตกต่างกันมากมายซึ่งเราไม่เคยได้สำรวจมาก่อน ผมคิดว่ามันช่วยพัฒนากระบวนการเขียนเพลงของเราได้ดีจริงๆ”

เขากล่าวเสริมว่า “เราได้เรียนรู้ความหมายของแรงกดดันจริง ๆ แต่มันไม่ใช่แรงกดดันจากคนภายนอกมันเป็นแรงกดดันทางศิลปะจากตัวเราเอง คุณไม่สามารถควบคุมความสำเร็จเชิงพาณิชย์จากงานเพลงของคุณได้ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องลงทุนลงแรงไปกับเรื่องพวกนั้น แต่คุณภาพของงานเพลงของคุณขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมดและคุณจะโทษคนอื่นไม่ได้ถ้าคุณเขียนเพลงเส็งเคร็งออกมา ก่อนที่เราจะทำ Meteora ผมได้กลับไปฟัง Hybrid Theory และ Reanimation อีกครั้งและผมก็ชอบมันมาก ผมภูมิใจกับเพลงพวกนี้มาก ผมจำไม่ได้ว่าเราทำมันได้อย่างไรและผมก็ไม่รู้ว่าเราจะทำมันอีกครั้งได้อย่างไร ตอนนั้นเราก็แบบมึนกันไปเลยแต่มันก็เป็นโชคดีของเราที่เราสามารถลงทุนลงแรงอย่างเต็มที่ในกระบวนการนี้เป็นเวลา 18 เดือนและนั่นช่วยให้เราได้สร้างงานเพลงที่ยอดเยี่ยมมาก”

ความกังวลจากความสำเร็จที่ค้ำคออยู่ของ Hybrid Theory ได้มลายสิ้นไปเมื่อเพลง “Somewhere I Belong” พุ่งสูงขึ้นในชาร์ตในเดือนมีนาคมปี 2003 การผสมผสานกีตาร์อันหนักแน่นของเดลสัน, การสแครชของ โจ ฮาห์น (Joe Hahn), การแรปของไมค์ ชิโนดะ (Mike Shinoda) และ การผสมผสานระหว่างเสียงร้องที่ไพเราะและทรงพลังของเชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington) แทร็กนี้ติดหูของผู้ฟังในทันทีและกลายเป็นแทร็กแรกในห้าแทร็กจากอัลบั้ม Meteora ที่ติดอันดับชาร์ต และกลายเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดที่สร้างแรงกระเพื่อมตามคลื่นวิทยุอัลเทอร์เนทีฟร็อก นอกจากนี้ยังทำให้โจได้รับหน้าที่อีกบทบาทกับการเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอส่วนใหญ่ในอัลบั้ม

เนื้อเพลงในอัลบั้มนี้ชิโนดะและเบนนิงตันเขียนร่วมกันซึ่งมักทำหลังจากที่ทำดนตรีเสร็จแล้วและได้รับความเห็นชอบร่วมกันในวง สำหรับเพลง“ Somewhere I Belong” ชิโนดะได้เล่าให้กับทาง Spin ฟังว่า “เราลองเขียนท่อนฮุคดูทั้งหมด 40 แบบ มันช่างทรมานเหลือเกิน แค่จะคิดว่าเขียนมา 10 แบบก็แทบจะนึกไม่ออกแล้ว ตอนที่เราเขียน 10 แบบแรกเสร็จเราก็คิดในใจว่าเออเสร็จแล้วว่ะ และผู้คนก็จะเข้ามาฟังและพูดว่า “ใช่มันเจ๋งมากเลยพวก” แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณต้องการคือ “นั่นมันสุดติ่งที่สุดเท่าที่ตรูเคยฟังมาเล่ยว่ะพวก!” ตอนนั้นในหัวของเราก็แค่คิดว่า “ให้ตายเถอะเราต้องเขียนต่อไปว่ะ” “

จากความสำเร็จของ “Somewhere I Belong” ก็มาต่อด้วย “Faint” แทร็กที่จดจำได้ทันทีด้วยซาวด์อินโทรเสียงสตริงเท่ ๆ ที่เรียบเรียงโดยชิโนดะและเดวิด แคมป์เบลล์ (David Campbell) ผู้ช่วยเรียบเรียงเสียงสตริง ก่อนที่จากนั้นสมาชิกคนอื่น ๆ จะเข้ามาระเบิดความมันส์แบบเต็มพิกัด ทั้งงานกีต้าร์และเบสที่เร้าใจจากเดลสัน และเดฟ “ฟีนิกซ์” ฟาร์เรลล์ (Dave “Phoenix” Farrell) และกลองอันหนักแน่นจากรอบ บัวร์ดอน (Rob Bourdon) และมันก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตของหน้าปัดวิทยุ

เพลงนี้ยังเป็นอีกบทเพลงหนึ่งที่บันทึกเสียงคำรามอันน่าประทับใจของเบนนิงตันเอาไว้ ครั้งหนึ่งเบนนิงตันเคยบอกกับทาง Artist Direct ว่า “เรารู้ว่าเราต้องการอะไรและเราก็รู้วิธีการไปให้ถึงสิ่งนั้น อย่างไรก็ตามเราก็แค่ทำตามนั้นเราไม่ได้สนใจว่าจะมีใครอื่นกำลังทำอยู่รึเปล่า เราไม่สนใจด้วยว่าโดยรวมแล้วเพลงทั้งหมดจะเข้ากันได้ดีรึเปล่า มันเหมือนกับว่า “ริฟฟ์นี้มันโคตรป่วยเลยว่ะ!” จากนั้นเราก็แค่กรีดร้องลงไป และเพลงถัดไปก็อาจเป็นเพลงบัลลาดจังหวะกลาง ๆ และคุณก็แค่ร้องไปในแบบที่มันเข้ากันกับเพลงนั้น เรากำลังทำการทดสอบเหมือนกับเราเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเราอยู่ในห้องทดลองและบังเอิญเจอบางสิ่งที่ทุกคนชอบและมันได้ผล ผมคิดว่า Meteora เป็นส่วนขยายของสิ่งนั้น”

เพลงฮิตเพลงที่ 3 จาก Meteora คือ “Numb” แทร็กนี้ใช้เวลาร่วม 12 สัปดาห์อยู่บนชาร์ต Modern Rock ระหว่างปลายปี 2003 ถึงต้นปี 2004 และต่อมาก็ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขา Best Rap / Sung Collaboration ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแมชอัปเพลง “Numb / Encore” กับ Jay-Z จากอัลบั้ม Collision Course มันเป็นเพลงที่มีความเป็นส่วนตัวอย่างลึกซึ้งซึ่งเชื่อมโยงกับหลาย ๆ คนได้ผนวกกับจังหวะอิเล็กทรอนิกส์ของโจฮานและเสียงร้องอันยาวนานของเบนนิงตันนั่นคือสิ่งที่ทำให้แทร็กนี้มีความโดดเด่น

ซิงเกิลหลักลำดับถัดไปจากอัลบั้มนี้ก็คือ “Breaking the Habit” ซึ่งเป็นเพลงที่นำเสนอวิดีโอสไตล์อะนิเมะที่สะดุดตาจากฮาห์นและ Studio Gonzo เพลงนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ทรงพลังที่สุดตลอดเส้นทางการทำเพลงของ Linkin Park “ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาผมอยากจะเขียนเพลงนี้” ชิโนดะบอกกับโรลลิงสโตนก่อนที่จะออกอัลบั้ม “มันเกี่ยวกับเพื่อนของผมบางคนที่มีเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา มันค่อนข้างมืดมนไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นควรจะได้ยินได้ฟังทางวิทยุ แต่มันสำคัญสำหรับเรา” สุดท้ายความฮิตของมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเพลงนี้เป็นสิ่งที่ผู้ฟังควรจะได้ยินได้ฟังอย่างยิ่ง

และสิ่งที่ทำให้ Meteora ประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือความสามารถของ Linkin Park ในการเชื่อมต่อกับแฟน ๆ ผ่านประสบการณ์ของพวกเขา เมื่อพูดถึงกระบวนการแต่งเพลงเบนนิงตันบอกกับ MTV ว่า “เราไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ เราพูดถึงอารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์นั้น ไมค์และผมเป็นคนสองคนที่แตกต่างกันดังนั้นเราจึงไม่สามารถร้องเพลงเกี่ยวกับเรื่องเดียวกันได้ แต่เราทั้งคู่รู้เรื่องความขุ่นมัว ความโกรธ ความเหงา ความรักและความสุขและเราสามารถเชื่อมโยงกับความรู้สึกเหล่านั้นได้ “

ในการเขียนเพลงแบบ Linkin Park มีเรื่องที่น่าสนใจคือจะมีการใช้คำสรรพนามน้อยมาก นอกเหนือจากคำว่า “ฉัน” และ “คุณ” ที่ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงใคร ในตอนเริ่มต้นเบนนิงตันและชิโนดะเขียนโดยพูดถึงประสบการณ์ของตนเองและความรู้สึกของตนเอง แต่เมื่อกระบวนการดำเนินไปพวกเขาก็กำจัดสิ่งที่เฉพาะเจาะจงหรือสิ่งที่คนฟังจะไม่สามารถเชื่อมโยงได้ออกไปและค้นหาอารมณ์ที่เป็นสากลที่ทุก ๆ คนสามารถเชื่อมโยงกับมันได้

“มีสิ่งแปลก ๆ มากมายที่เกิดขึ้นในวัฒนธรรมของเรา” เบนนิงตันกล่าวกับ Spin “เด็กผู้หญิงจำนวนมากถูกล่วงละเมิดทางเพศเมื่อยังเด็กซึ่งมันกลายเป็นโรคระบาดในประเทศนี้ไปแล้ว และมีเด็กจำนวนมากที่เติบโตมาโดยไม่มีพ่อ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงยากที่จะพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ในบทเพลงและพูดแค่ว่า ‘นี่มันเป็นเรื่องของ…’ เพราะมีหลายสิ่งที่แตกต่างกันที่สามารถกระตุ้นอารมณ์เดียวกันได้ เช่น การถูกไล่ออกจากโรงเรียน พ่อแม่หย่าร้างกัน หรือสูญเสียแฟน สิ่งเหล่านั้นสามารถกระตุ้นความโกรธ ความหดหู่ ความก้าวร้าว ความสงสัยในตัวเอง เมื่อตอนที่ผมเขียนเพลงผมคิดถึงตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพราะนี่เป็นประสบการณ์เดียวที่ผมต้องวาดมันขึ้นมา และถึงผมจะไม่เห็นภาพสะท้อนของตัวเองในทุกใบหน้าของผู้ฟัง แต่ผมก็รู้ว่าเพลงของผมมีความใช่สำหรับพวกเขาและนั่นคือเหตุผลที่แฟน ๆ เชื่อมโยงกับเพลงของผมได้”

อีกหนึ่งซิงเกิลฮิตก็คือ “Lying From You” ที่โดดเด่นด้วยไลน์คีย์บอร์ดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเล่นวิโอลาและเสียงแซมเปิลของรถที่กำลังไฟลุกไหม้ เพลงนี้ให้สิ่งที่แตกต่างออกไปสำหรับหูของเราอย่างแน่นอน ชิโนดะเปิดเผยว่าเพลงนี้เกี่ยวกับการผลักใครบางคนออกไปโดยการโกหกเพื่อทำให้พวกเขาโกรธมากจนพวกเขาไม่อยากอยู่ใกล้คุณอีกต่อไป

นอกจากนี้ Meteora ยังสร้างความสนใจให้กับแฟน ๆ ได้อีกด้วยบทเพลงอย่าง “From the Inside” ที่มีเสียงกรีดร้องอันหน่วงหนักของเบนนิงตัน และเพลง “Session” ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงที่ทำให้วงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขาการแสดงดนตรีร็อกบรรเลงยอดเยี่ยมในปี 2004

“เราต้องการกลุ่มเพลงที่เข้ากันได้ดีเพราะเราต้องการสร้างอัลบั้มที่คุณสามารถใส่ลงในเครื่องเล่นซีดีของคุณและฟังตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีจุดที่คุณแอบแว่บไปฝันกลางวันได้” บัวร์ดอนกล่าวกับ MTV ในช่วงเวลาของการเปิดตัวอัลบั้ม

ชื่ออัลบั้ม Meteora นั้นมีที่มาจากชื่อของแนวหินในภาคกลางของกรีซซึ่งเป็นที่ตั้งของอารามที่ใหญ่ที่สุดและเต็มไปด้วยอารามจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของอารามอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากภูเขาอาโธส อัลบั้มนี้ใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการบันทึกเสียง โปรดิวซ์โดยดอน กิลมอร์ (Don Gilmore) ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ครั้งทำ Hybrid Theory อัลบั้มชุดนี้เป็นอัลบั้มแรกของ Linkin Park ที่มี เดฟ “ฟีนิกซ์” ฟาร์เรลล์ เป็นมือเบสหลังจากที่เขากลับมาร่วมงานกับวงในปี 2000 หลังจากออกทัวร์กับวงอื่น ๆ ชั่วคราว

Meteora ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกถึงแม้ว่านักวิจารณ์จะตั้งข้อสังเกตว่าสไตล์ดนตรีของอัลบั้มนี้มีความคล้ายคลึงกับ Hybrid Theory แต่ความฮิตของมันก็ได้ทำให้รู้ว่าแฟน ๆ ยังคงต้องการอะไรแบบนี้อยู่  Meteora เปิดตัวที่อันดับ 1 ในชาร์ต Billboard 200 โดยขายได้มากกว่า 810,000 ชุดในสัปดาห์แรก และ ขายได้ประมาณ 16 ล้านชุดทั่วโลกทำให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในศตวรรษที่ 21 ได้รับการรับรอง 7x Platinum โดย Recording Industry Association of America (RIAA) ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 36 ใน Billboard Top 200 Albums of the 2000s

ในที่สุดภารกิจของ Linkin Park ก็ได้สำเร็จลุล่วงและ Meteora ได้กลายเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 21 และยังคงอยู่ในหัวใจของแฟน ๆ ตราบจนถึงทุกวันนี้

Source

Loudwire

Spin

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส