เป็นข่าวเศร้าสำหรับชาวร็อกเมื่อ “เทย์เลอร์ ฮอว์กินส์ (Taylor Hawkins)” มือกลองของวง “Foo Fighters” ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันในวัย 50 ปี ขณะที่วงกำลังเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตในเมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย โดยล่าสุดยังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของการเสียชีวิต

ฮอว์กินส์ เกิดที่เมืองฟอร์ตเวิร์ท รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีความสนใจในดนตรีตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนก็ทำวงเล่นกับเพื่อน ๆ จากนั้นก็เติบโตมาเป็นมือกลองอาชีพและได้แจ้งเกิดในฐานะมือกลองทัวร์ของ อลานิส มอริสเซตต์ (Alanis Morissette) ก่อนจะเป็นที่รู้จักในฐานะมือกลองของวง ‘Foo Fighters’ มาตั้งแต่ปี 1997 และร่วมบันทึกเสียงกับวงมาตั้งแต่อัลบั้ม ‘There Is Nothing Left to Lose’ (1999) มาจนถึงอัลบั้มล่าสุด ‘Medicine at Midnight’ (2021) นอกจากตีกลองแล้วฮอว์กินส์ยังร่วมเขียนเพลงให้กับ Foo Fighters ในหลายอัลบั้มอีกด้วย

Taylor Hawkins

การที่ใครจะมาเป็นมือกลองวง Foo Fighters นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอย่างที่รู้กันว่า ‘เดฟ โกรล’ (Dave Grohl) ฟรอนท์แมนของวงนั้น เคยเป็นอดีตมือกลองวงอัลเทอร์เนทีฟระดับตำนานอย่าง Nirvana มาก่อน การคัดเลือกมือกลองในวงที่นำโดยมือกลองระดับเทพแบบนี้ย่อมมีความโหดหินอย่างแน่นอน การที่มือกลองหน้าใหม่ที่ไม่เคยบันทึกเสียงในสตูดิโอมาก่อนอย่างฮอว์กินส์ได้เข้ามาเป็นสมาชิกวง Foo Fighters นั้นแสดงว่าโกรลต้องเห็นแววอะไรบางอย่างในมือกลองหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน

Taylor Hawkins กับ Dave Grohl นักร้องนำ / มือกีตาร์วง Foo Fighters

และด้วยลีลาการเล่นอันโดดเด่นและพลังอันหนักแน่นจากสำเนียงเสียงกลองของฮอว์กินส์ทำให้เขาเป็นหนึ่งในมือกลองขวัญใจของชาวร็อกทั่วโลก และได้รับคัดเลือกให้เป็น ‘มือกลองวงร็อกยอดเยี่ยม’ เมื่อปี 2005 จากนิตยสาร ‘Rhythm’ นิตยสารกลองชื่อดังของอังกฤษ

เพื่อเป็นการระลึกถึงมือกลองคนสำคัญของวงการร็อก ‘เทย์เลอร์ ฮอว์กินส์’ เราจะพาไปย้อนดูผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาผ่าน 5 บทเพลงที่ฮอว์กินส์ได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์เอาไว้อย่างยอดเยี่ยม

Aurora”

จากอัลบั้ม ‘There is Nothing Left To Lose’ (1999)

เริ่มต้นกันที่ “Aurora” บทเพลงฟังสบาย ๆ สไตล์เท่ ๆ ของ Foo Fighters ในปี 1999 ในเพลงนี้เราจะได้เห็นด้านที่นุ่มนวล อ่อนโยน แต่หนักแน่นจากฮอว์กินส์ที่ฟังแล้วรู้สึกมันส์ เท่ และชุ่มฉ่ำใจไปพร้อม ๆ กัน เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของฮอว์กินส์ด้วย เหตุผลนั้นก็เพราะเขาชอบเสียงร้องที่นุ่มนวลของเดฟ โกรห์ลในแบบนี้ แถมเพลงนี้ยังเป็นเพลงแรกในชีวิตของฮอว์กินส์ที่ได้อัดกลองให้กับ Foo Fighters ซึ่งในตอนนั้นเขาทั้งดีใจ ตื่นเต้น และทำอะไรไม่ถูกเพราะนี่เป็นการบันทึกเสียงกลองในสตูดิโอครั้งแรกในชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน

Low”

จากอัลบั้ม ‘One By One’ (2002)

ฟัง ๆ ดูแล้วบทเพลง “Low” นี่อาจเหมือนโชว์โซโลกระหน่ำกลองที่มีเสียงกีตาร์ดุดันพ่วงมาด้วย “Low” คือหนึ่งในบทเพลงที่โชว์ความดิบ ดุ เดือดที่สุดของฮอว์กินส์ ที่เหยียบย่ำกระหน่ำเท้าลงไปบนกลอง 2 กระเดื่องอย่างดุเดือด พร้อมฟาดฟันลงไปบนกลองอย่างหนักหน่วง ท่ามกลางเวลากว่า 4 นาทีครึ่งที่พร้อมจะปลุกชาวร็อกอย่างเราให้บ้าคลั่ง ! ที่มาของเพลงนี้เริ่มจากการเป็นเดโมบรรเลงที่ฮอว์กินส์ทำร่วมกันกับโกรห์ลที่โฮมสตูดิโอของพวกเขา จนในที่สุดมันก็กลายเป็นหนึ่งในเพลงยอดนิยมและดุเดือดที่สุดของวง Foo Fighters

Pretender”

จากอัลบั้ม Echoes, Silence, Patience & Grace (2007)

นี่คือหนึ่งในบทเพลงฮิตที่ทำให้ Foo Fighters พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของชาร์ตเพลง ในแง่ของลีลากลองของฮอว์กินส์ในเพลงนี้อาจไม่มีความซับซ้อนหวือหวา แต่ว่าแสดงให้เห็นถึงพลังอันโดดเด่นของฮอว์กินส์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมันยังเป็นหนึ่งในผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมและฝีมือการตีกลองที่ละเอียดอ่อนที่สุดของฮอว์กินส์ด้วยการวางจังหวะจะโคนได้กลมกล่อมและลงตัวกับท่วงทำนองในแต่ละช่วงของบทเพลงได้ดีมาก ๆ Foo Fighters ใช้เวลาซัดเพลงนี้ด้วยกันจนเสร็จภายในหนึ่งวัน โดยมีฮอว์กินส์เป็นแบ็กในการสร้างจังหวะและโกรห์ลทำการร่ายเนื้อเพลงที่สะท้อนสารทางการเมือง ผ่านท่วงทำนองอันเร้าใจที่พร้อมจะปลุกเราให้เข้าสู่อารมณ์อันดุเดือดของการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลง

Rope”

จากอัลบั้ม ‘Wasting Light’ (2011)

ซิงเกิลนำจากอัลบั้ม ‘Wasting Light’ ในปี 2011 เพลงนี้ฮอว์กินส์ได้โชว์ความเฉียบไว้หลายประการทั้งการต้องตีกลองล้อไปกับริฟฟ์กีตาร์แบบออฟบีตของโกรห์ล แถมยังต้องร้องประสานเสียงไปด้วย ฮอว์กินส์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าท่อนกลองของเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบทเพลงของวง Queens ในเพลง “Keep Yourself Alive” จากอัลบั้มบันทึกการแสดงสด ‘Live Killers’ ซึ่งฮอว์กินส์ได้นำมาใช้ในท่อนเบรกโชว์ลีลากลองสุดมันส์ในเพลงนี้นั่นเอง

Bridge Burning”

จากอัลบั้ม ‘Wasting Light’ (2011)

อาจกล่าวได้ว่า “Bridge Burning” เป็นหนึ่งในเพลงเปิดอัลบั้มที่น่าสนใจที่สุดของ Foo Fighters ขณะที่เสียงกีตาร์ค่อย ๆ สร้างความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ฮอว์กินส์ก็เข้ามาในจังหวะที่ใช่อย่างว่องไวและร้อยจังหวะอันเร้าใจด้วยเสียงกลอง ซึ่งใส่ลงไปในท่วงทำนองของเพลงได้อย่างถูกที่ถูกทาง ในบางช่วงเสียงรัวสแนร์นั้นช่างเร้าใจคล้ายกระสุนที่ยิงแม่นมาเข้าตรงเป้าพอดีและพาบรรยากาศบทเพลงไปในห้วงอารมณ์ของความเดือดถึงขีดสุด

“Bridge Burning” เป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตของ Foo Fighters ซึ่งมีความเป็นเพลงร็อกที่สมบูรณ์เพลงหนึ่ง แถมยังเป็นเพลงที่เหมาะกับการเล่นสด ๆ ในคอนเสิร์ตของวง ซึ่งฮอว์กินส์เคยบอกไว้ว่าโชว์ของ Foo Fighters นั้นเหมือนการชกบนสังเวียนเป็นเวลา 3 ชั่วโมง การที่ต้องเล่นคอนเสิร์ตเกือบทุกคืนก็เลยเหมือนกับการต้องขึ้นสังเวียนทุกคืน

ในยูทูบมีคลิปเบื้องหลังการคิดไลน์กลองเพลง “Bridge Burning” ด้วย ดูแล้วรู้เลยว่าฮอว์กินส์กับโกรลนั้นเข้าขากันแค่ไหน เป็นภาพความทรงจำที่ดีของเพื่อนสนิทและคู่คิดทางดนตรีคู่นี้.

Source

faroutmagazine

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส