ในเฟสที่ 4 ของมาร์เวลนี่ เราเริ่มเห็นแล้วว่าเนื้อหาเริ่มเดินไปในทิศทางเกี่ยวกับ ‘พหุจักรวาล’ หรือ Multiverse เป็นการเปิดโอกาสให้มาร์เวลได้สร้างเซอร์ไพรส์ผู้ชมด้วยการดึงตัวละครและนักแสดงดั้งเดิมจากหนังมาร์เวลยุคแรก ๆ หรือจากซีรีส์ให้กลับมาปรากฏตัวบนจอได้อีกครั้ง หลังจากลองชิมลางไปใน Spider-Man : No Way Home ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด และตอกย้ำความสำเร็จกับไอเดียนี้อีกครั้งใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่กำลังทำเงินถล่มทลายทั่วโลกในขณะนี้

ทอม ครูซ เป็น Iron Man ผลงาน FanArt

ใครที่ได้ชม Doctor Strange in the Multiverse of Madness ก็จะเห็นแล้วว่า หนังมีการปรากฏตัวของ Professor X จากแฟรนไชส์ X-Men และ Black Bolt จากซีรีส์ Inhumans และ จอห์น คราซิสกี้ มาเป็น รีด ริชาร์ด ซึ่งก็เป็นการตอบรับไอเดียแนะนำจากเหล่าผู้ชม ซึ่งแค่นี้ก็เซอร์ไพรส์ผู้ชมพอควรแล้ว แต่รู้ไหมครับว่า เดิมทีนั้น ไมเคิล วัลดรอน (Michael Waldron) ผู้เขียนบทเคยมีไอเดียหลุดโลกกว่านี้ไปอีก ด้วยการเชิญ ทอม ครูซ (Tom Cruise) ซูเปอร์สตาร์วัย 59 ปี มาในบทรับเชิญเป็น Iron Man อีกเวอร์ชันหนึ่งที่มาจากต่างจักรวาล

ไมเคิล วัลดรอน (Michael Waldron)

ไมเคิล วัลดรอน เปิดเผยถึงไอเดียนี้ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone ว่า

“ใช่ครับ มันเป็นเรื่องที่คิดกันขึ้นมาเฉย ๆ ผมหมายถึงว่าเราไม่เคยได้ถ่ายทำหนังที่มี ทอม ครูซ แต่ตัวผมน่ะชอบ ทอม ครูซ นะ แล้วผมก็เอาไอเดียนี้ไปคุยกับ เควิน ไฟกี ตอนนั้นผมก็เสนอไปแบบว่า ‘เราสามารถเอา ทอม ครูซ มาเล่นเป็น Iron Man ได้ไหมน่ะ?’ เพราะผมจำได้ว่าเคยอ่านข่าวนี้ในเว็บไซต์ Ain’t It Cool News นานมาแล้วล่ะ ว่า ทอม ครูซ เกือบได้เป็น Iron Man”

“ถึงแม้ว่ามันเป็นไอเดียแฟน ๆ คุยกันทางออนไลน์ แต่ผมว่ามันก็เจ๋งดีนะ”

ถึงแม้ว่าวัลดรอนจะให้ความสนใจกับไอเดียนี้ แต่ในใจเขาก็รู้ดีว่า ทอม ครูซ นั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมถึง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดึง ทอม ครูซ ซึ่งกำลังคิวแน่นอยู่กับหนัง Mission: Impossible ให้มาร่วมงานด้วย
“ผมไม่คิดเลยว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ กับการหาคิวว่างของเขา”

ทอม ครูซ เป็น Iron Man ภาพจาก FanArt

ต้องย้อนความเล็กน้อยว่าข่าวที่ว่า ทอม ครูซ เกือบได้เป็น Iron Man นั้นไม่ใช่ข่าวลือแต่อย่างใด เพราะครูซเคยเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตัวเองตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ IGN เมื่อปี 2005 ว่าเขาเคยได้รับการทาบทามให้รับเป็น Iron Man มาแล้ว
“พอมีบทนี้ติดต่อเข้ามามันก็ทำให้ผมคิดหนัก เพราะเมื่อผมลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว ผมต้องทำให้มันถูกต้องที่สุด ถ้าผมตอบตกลงแล้ว ผมต้องมั่นใจว่ามันออกมาเยี่ยมยอดเท่านั้น แล้วพองานนี้เริ่มเตรียมการ ผมก็เริ่มรู้สึกแล้วว่ามันเริ่มไม่เวิร์กแล้ว ผมต้องการที่จะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถตัดสินใจสั่งการได้ แต่มันไม่ได้ไปในทิศทางนั้น”

และนั่นคือเหตุผลที่เราไม่ได้เป็น ทอม ครูซ เป็น โทนี่ สตาร์ก สวมชุดเกราะ เพราะอย่างที่เราทราบดีว่าครูซเป็นซูเปอร์สตาร์คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะอยู่ในโปรเจกต์ใด เขาจะมีบทบาทสั่งการมากกว่าผู้กำกับเสียด้วยซ้ำ และเมื่อ The Mummy (2017) ออกมาเจ๊งเละเทะ ทุกคนจึงล้วนชี้นิ้วมาที่ครูซ ว่าทั้งหมดเป็นเพราะความเจ้ากี้เจ้าการของเขานั่นเอง

ที่มา