ดูเหมือนว่านักแสดงมากฝีมืออย่าง Joaquin Phoenix ที่กลายเป็นนักแสดงออสการ์จากการรับบทตัวละครในคอมิกดีซีอย่าง “โจ๊กเกอร์” (และเป็นผู้ประท้วงต่อต้านอุตสาหกรรมการผลิตอาหารด้วย) จะเป็นที่ต้องการตัวในหมู่ผู้กำกับฮอลลีวูดหลายต่อหลายคนตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นบท “แบตแมน” คู่ปรับตลอดกาลของโจ๊กเกอร์ด้วย ตามที่ผู้กำกับมากฝีมืออีกคนของวงการอย่าง Darren Aronofsky ที่เคยมีผลงานสุดแหวกแนวอย่าง Black Swan (2010) และ Mother! (2017)

Darren Aronofsky กำกับ Black Swan (2010)

Darren Aronofsky กำกับ Black Swan (2010)

Aronofsky อยากได้ Phoenix มารับบทเป็นอัศวินรัตติกาลในฉบับของเขาที่เคยมีการพูดคุยกับค่าย Warner Brothers แต่น่าเสียดายที่ทิศทางในการสร้างระหว่างค่ายหนังกับผู้กำกับเกิดไม่ลงรอยกันขึ้นมาเสียก่อน ผู้กำกับได้เปิดเผยล่าสุดระหว่างสัมภาษณ์กับนิตยสาร Empire ว่า เขาอยากได้ Phoenix มารับบทเป็น “บรู๊ซ เวย์น” ในหนัง Batman: Year One โดยมีการดึงนักเขียนคอมิกในตำนานอย่าง Frank Miller (ผู้กำกับ Sin City (2005)) ซึ่งเป็นผู้เขียนคอมิก Batman: Year One มาเขียนบทร่างแรกด้วย และเขาตั้งใจว่าให้เป็นหนังเรต R สุดดิบเถื่อนตามสไตล์ แต่ก่อนที่จะได้เริ่มงานอย่างจริงจัง Warner Brothers กลับตัดสินใจยกเลิกโครงการไปในปี 2002 เพราะไม่อยากได้ Phoenix มารับบทนี้ และหันไปเริ่มสร้างแบตแมนกับผู้กำกับ Christopher Nolan ที่ได้ Christian Bale มารับบทนำ

“…พวกเขาอยากได้ Freddie Prinze Jr. (I Know What You Did Last Summer, Scooby-Doo) มาเล่นเป็นแบตแมนในตอนนั้น แต่ผมกลับอยากได้ Joaquin Phoenix ผมจำได้เลยว่าตอนนั้นผมกำลังคิดว่า เราคงไม่ได้มองหนังแบตแมนของเราในทิศทางเดียวกันแล้วล่ะ เพราะบทแบตแมนที่ผมเขียนแตกต่างจากที่พวกเขาคิดจะสร้างแน่ ๆ และตอนที่ผมได้ยินว่าพวกเขาจะสร้างหนัง Joker แบบที่เห็นกัน นั่นมันคือหนังแบบที่ผมเสนอไปเลยนิ…”

Freddie Prinze Jr. ใน Scooby-Doo 2: Monsters Unleashed (2004)

Freddie Prinze Jr. ใน Scooby-Doo 2: Monsters Unleashed (2004)

Joaquin Phoenix ใน Sign (2002) ซึ่งเป็นปีที่ Aronofsky เริ่มงานสร้างหนัง Batman

Joaquin Phoenix ใน Sign (2002) ซึ่งเป็นปีที่ Aronofsky เริ่มงานสร้างหนัง Batman

Aronofsky บอกว่าหนังแบตแมนของเขาจะมีแนวคิดความเป็นหนังอาชญากรรมยุค 70s แบบเดียวกับ Death Wish (1974), The French Connection (1971) และ Taxi Driver (1976) ซึ่งพอมาฟังตอนนี้ก็ชวนให้นึกถึงหนัง Joker (2019) ที่ Phoenix เพิ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามไป แต่อย่างว่าหากลองมองย้อนไปในยุคปี 2000 ต้น ๆ หนังแนวนี้ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าสมัยนี้ เพราะฮีโรในยุคนั้นยังคงเน้นความแฟนตาซีมากกว่าดรามาที่ดูจริงจัง (หลัง The Dark Knight (2008) ถึงจะเปลี่ยนโทนหนังฮีโรกันไปหมด) Aronofsky นั้นขึ้นชื่อเรื่องความไม่ประนีประนอม ยอมหักไม่ยอมงอในการสร้างหนังอยู่แล้ว เพราะเขาก็เคยเดินออกจากโพรเจกต์ The Wolverine ของค่าย Fox มาแล้วเช่นกัน

อ้างอิง

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส