ระหว่างติดตามข่าวของโครงการ Libra (รวมไปถึง Sub Project อย่างโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล Calibra) ว่าจะได้ไปต่อ หรือต้องหยุดพักโครงการ หลังสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เสนอให้ Facebook หยุดพัฒนา และเลื่อนการเปิดตัวโครงการ Libra ออกไป จนกว่าหน่วยงานกำกับดูแล จะตรวจสอบและพิจารณาผลกระทบของโครงการให้ครบถ้วนรอบด้านก็มีข่าวหลุดออกมาตามสื่อและชุมชนคริปโตฯ ต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้ให้บริการ Crypto Wallet หรือกระเป๋าเก็บเงินสกุลดิจิทัลรายหนึ่งที่มีผู้ใช้งานราว 3.4 ล้านคน จาก 100 ประเทศทั่วโลกที่ถูกกล่าวหาว่าทีมงานผู้ก่อตั้งพยายามหลบหนีพร้อมสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน ที่นำมาฝากหรือนำเงินมาลงทุน โดยพบความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ผู้ฝากเงินคริปโตฯ ในกระเป๋าของ PlusToken ไม่สามารถเบิกถอนโอนเงินของตัวเองออกมาได้ รวมถึงราคาของเหรียญ PlusToken ในแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนก็หยุดนิ่งอยู่ที่ $139.237 โดยไม่มีการขยับของราคาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 29 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่ปกติ สำหรับราคาเหรียญที่ควรมีการปรับขึ้นลงของราคาตามความต้องการของตลาด เมื่อข่าวหลุดออกไปจึงสร้างความแตกตื่นในหมู่ผู้ใช้งานทั่วโลก

คาดการณ์ว่ามูลค่าเงินสกุลคริปโตฯ ที่ถูกฝากอยู่ในระบบกระเป๋าเก็บเงินของบริษัทนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านเหรียญ! (9 หมื่นล้านบาท) เฉพาะการตรวจสอบที่อยู่กระเป๋าปลายทาง ETH จาก Wallet Address ของ PlusToken เพียงสกุลเดียว ก็พบว่ามี ETH ค้างอยู่ในนั้นมากถึง 789,511.45 Ether (ราว 7 พันล้านบาท) ยังไม่รวมเงินสกุลอื่นอีก 8 สกุล อย่าง Bitcoin, EOS, Litecoin, Ripple ฯลฯ ที่มีผู้ฝากไว้ในระบบของผู้ให้บริการ ซึ่งรวมแล้วอาจมีมูลค่าสูงตามที่สื่อได้รายงานไป

หากไม่สามารถติดตามหรือนำเงินจำนวนนี้กลับมาคืนได้ ความเสียหายครั้งนี้จะถูกนับเป็นอีกหนึ่งความเสียหายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในวงการ Crypto ซึ่งอาจส่งผลด้านลบอีกครั้งต่อภาพลักษณ์ของวงการเงินดิจิทัลที่กำลังอยู่ในกระแสความสนใจของผู้คนจำนวนมาก

ท่ามกลางข่าวการจับกุมกลุ่มผู้บริหารที่พยายามหลบหนี การเข้าใช้งานเว็บและแอพต่าง ๆ ไม่ได้เหมือนปกติ รวมถึงข่าวอื่น ๆ อีกหลายข่าว ซึ่งสร้างความสับสน ตื่นตระหนกและเดือดดาล ให้กับผู้ฝากเหรียญ หรือลงทุนกับ PlusToken ที่ต้องการคำตอบ หรือคำชี้แจงจากทางทีมงานที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ก็มีความคิดเห็นออกมาจากทางฝั่งทีมงานหรือผู้สนับสนุน PlusToken บ้างเล็กน้อย เช่น

“สาเหตุที่ไม่สามารถเบิกถอนได้ เพราะพวกเราถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ จึงจำเป็นต้องปิดระบบชำระเงิน รวมถึงระบบการจ่ายดอกเบี้ย/เงินปันผลชั่วคราว เพื่ออัพเกรดระบบป้องกัน โดยทุกอย่างจะค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติ และดีขึ้น หลังวันที่ 5 กรกฏาคม”

ในขณะที่อีกความเห็นหนึ่งของผู้ให้การสนับสนุน PlusToken ซึ่งให้ข้อมูลที่ต่างออกไปว่า

“การที่บริษัทปิดไม่ให้ทำธุรกรรมใด ๆ อาจเพราะกำลังเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อมูล กับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดระดมทุนแบบสาธารณะ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2019 ดังนั้นขออย่าตื่นตกใจกับข่าวลือ และรอฟังข่าวที่เป็นทางการจากทางบริษัทเท่านั้น”

คำกล่าวอ้างลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง กับหลายโครงการที่ผ่านมา คงต้องติดตามดูกันว่าสุดท้ายแล้ว PlusToken จะเคลียร์ตัวเอง กู้สถานการณ์จากข่าวเสียหาย แก้ข้อกล่าวหามากมายที่เกิดขึ้นได้ดีแค่ไหน? หรือจะลงเอยเหมือนเหรียญ SCAM แชร์ลูกโซ่หลายโครงการที่ปิดตัวหนีไปก่อนหน้านี้

ที่มาภาพ: CoinInsider.pl

หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำ ส่งเสริม สร้างภาพลบให้กับวงการคริปโตฯ หรือ สร้างความตื่นกลัวในหมู่ผู้สนใจที่กำลังหาข้อมูลเรื่องเงินดิจิทัล เพียงต้องการนำเสนอข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อเตือนผู้อ่านให้ระมัดระวังการลงทุนที่น่าสงสัย หรือการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากไว้กับผู้ให้บริการใดๆ โดยขาดความเข้าใจ และเพิ่มการตรวจสอบรัดกุมให้มากกว่าเดิม

อ้างอิง Chainnews

อ้างอิง finance.sina

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส