อยากได้รถยนต์อเนกประสงหากต้องเลือกรถยนต์อเนกประสงค์หรือ SUV สักคัน เราพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง? แบไต๋ชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในตัวเลือกของ SUV กับ Mitsubishi Outlander PHEV รถยนต์สายกลาง สามารถชาร์จไฟและเติมน้ำมันได้ เครื่องใหญ่ กำลังเยอะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ออปชั่นคุ้มค่า ทำไมถึงน่าสนใจและอยู่ในชอยส์

ตัวเลือกรถยนต์อเนกประสงค์ในปัจจุบันค่อนข้างมีเยอะ ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นรถสันดาปที่ใช้น้ำมันอยู่ แต่ด้วยราคาน้ำมันช่วงนี้ ทำให้ผู้ใช้มองหารถยนต์ที่ประหยัดกว่า อย่างรถไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด

หนึ่งในตัวเลือกทางสายกลาง ในฐานะ PHEV อย่าง Mitsubishi Outlander PHEV ที่ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13.8 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และเครื่องยนต์เบนซิน MIVEC แบบ DOHC 2.4 ลิตร เครื่องใหญ่จุใจ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ตลอดเวลา วิ่งด้วยระบบไฟฟ้าสูงสุด 55 กิโลเมตร ตัวรถอาศัยเครื่องยนต์ที่มี Generator มาช่วยปั่นไฟและระบบ Regenerative Braking สร้างกระแสไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ รวมถึงเสริมในจังหวะเร่งแซง ซึ่งมิตซูบิชิเป็นเจ้าเดียวที่ทำระบบพลังงานไฟฟ้าแบบนี้ 

ทำให้เวลาพูดถึงความประหยัดน้ำมันรถ PHEV จึงได้เปรียบ เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ SUV ทั่วไปมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 10 – 13 กิโลเมตร/ลิตร  ในขณะที่ Mitsubishi Outlander PHEV มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน อยู่ที่ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร  เนื่องจากใช้การขับขี่ผสมผสานทั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ จึงถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่าและประหยัดน้ำมันรุ่นหนึ่งเลยครับ

เทคโนโลยีขับเคลื่อนก็เป็นเรื่องชี้วัดได้ หลายคนที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์   น่าจะต้องการรถขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทุกสภาพพื้นถนน ซึ่งหลายๆ รุ่นมีให้เลือกทั้งแบบขับ 2 และขับ 4 

แต่ข้อดีของ Mitsubishi Outlander PHEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อน  S-AWC 4 ล้อตลอดเวลา ทั้งสองรุ่น ที่มีต้นแบบมาจากรุ่น Lancer Evolution กระจายแรงบิดไปสู่ทั้ง 4 ล้อผสานกับการเบรก ช่วยให้การเข้าโค้งนุ่มนวลและมั่นใจ ไร้อาการโยนในจังหวะเข้าโค้งอย่างที่รถ SUV มักจะเป็น

เสริมด้วยโหมดการขับขี่ที่ใส่มาให้ ไม่ว่าจะเป็น โหมด Lock สำหรับการใช้ 4WD ลุยดินลุยทรายเต็มที่ หรือโหมด Snow สำหรับพื้นถนนเปียกลื่น และ Normal Mode ที่ทำงานควบคุมแรงบิดของแต่ละล้ออัตโนมัติ ไปจนถึงโหมด Sport ที่เร่งลดความเร็วได้ทันใจ ขับสนุกยิ่งขึ้น ถือได้ว่าเป็นรถใหญ่ที่ช่วงล่างเอาอยู่จริงๆ

ปัจจัยที่ทำให้รถยนต์อเนกประสงค์แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป คือหน้าที่ในการบรรทุกสัมภาระ ตอบโจทย์การเดินทางระยะไกล ฉะนั้นรถยนต์ที่บรรทุกสัมภาระปริมาณมากและหลากหลายกว่าย่อมมีข้อได้เปรียบ   

รถยนต์อเนกประสงค์ทั่วไปมีทั้งแบบ 2 ที่นั่งและ 3 ที่นั่ง ซึ่งสามารถพับเบาะลงเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระได้ รถยนต์หลาย ๆ คันในเซกเมนต์เดียวกัน มีขนาดพื้นที่สัมภาระรวมประมาณ 1,000 – 1,800 ลิตร ทั้งนี้ Mitsubishi Outlander PHEV สามารถพับเบาะโดยสารแถวหลังแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้ายกว่า 1,600 ลิตร พิเศษกับรุ่น GT-Premium ที่ประตูท้ายรถเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า กดได้จากรีโมต สะดวกในการขนสัมภาระขึ้นลงจากรถยิ่งขึ้น

แต่ออปชั่นเสริมที่ใส่มาให้ Mitsubishi Outlander PHEV น่าสนให้ขึ้นไปอีก คือปลั๊กไฟ AC 1,500W ทั้ง 2 จุด บริเวณหลังคอนโซลกลางและห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งให้พลังไฟมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถเซกเมนต์เดียวกัน นำไปใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ต่างจากปลั๊กไฟบ้าน (อย่าลืมกดปุ่ม Power On ก่อนใช้งานด้วย) เสมือนรถเป็นแบตเตอรี่พกพาขนาดใหญ่ ที่สอดรับกับแนวคิดเรื่อง Dendo Drive House ที่ตัวรถส่งพลังงานไฟฟ้าคืนกลับสู่บ้าน เชื่อมบ้าน คน รถเข้าไว้ด้วยกัน

พื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นอีกพื้นที่ที่คนใช้รถให้ความสำคัญ เนื่องจากรถ SUV มักจะเจอปัญหาพื้นที่ภายในห้องโดยสารคับแคบ นั่งระยะไกลไม่ค่อยสบาย อย่างไรก็ตาม Mitsubishi Outlander PHEV ให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสีเงินตัดกับสีดำให้ความรู้สึกหรูหรา มาพร้อมเบาะไฟฟ้าคู่หน้า โอบรับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตกแต่งด้วยลาย Diamond Quilting ให้อารมณ์พรีเมียมยิ่งขึ้น

คอนโซลกลางมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และปุ่มฟังก์ชันต่างๆ จัดวางไว้ตรงกลาง ง่ายต่อการควบคุม ด้านหลังมี Legroom และ Headroom เหลือ มาพร้อมแอร์และปลั๊กไฟ AC 1,500w สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะที่นั่งยกที่วางแขนลงได้ สามารถวางแก้วน้ำ 2 ใบ นั่งสบายสมกับชื่อรถยนต์ของผู้บริหารจริง ๆ

ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ เป็นเรื่องออปชั่นที่ค่ายรถแต่ละคันยัดมาให้ แต่บางครั้งผู้ขับขี่ก็ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเทคโนโลยีทันสมัยจะเกิดประโยชน์จริง หากได้ใช้และใช้เป็น Mitsubishi Outlander PHEV แสดงให้เห็นถึงความง่ายตั้งแต่โหมดการขับขี่ มี 3 โหมด ทั้ง EV Mode โหมดไฟฟ้าเพียวๆ วิ่งได้สูงสุด 55 กิโลเมตร โหมดที่ใช้เครื่องยนต์มาช่วยขับเคลื่อนและปั่นไฟคือ Serie Hybrid mode และ Parallel Hybrid mode ซึ่งทั้งสามโหมดจะปรับเปลี่ยนอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ 

หรือจะเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัย Mitsubishi Outlander PHEV ก็จัดมาให้แบบรอบคัน ตั้งแต่ระบบช่วยตัดกำลังชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด ระบบแจ้งเตือนด้านหลังเวลาถอดจากช่องจอด ระบบช่วยเตือนด้านหน้าและชะลอความเร็ว ป้องกันการชนเมื่อขับขี่มาด้วยความเร็ว ไปจนถึงระบบเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ครอบคลุมด้วยกล้องมองรอบคัน สะดวกทุกการถอยจอด

ความพิเศษของรถรุ่นนี้เป็นรถที่ให้คุณออกแบบการใช้พลังงานไฟฟ้าในตัวรถด้วยตัวเอง โดยการใช้เครื่องยนต์ที่มี Generator มาช่วยปั่นไฟในระหว่างขับไป ด้วยการกดปุ่ม CHARGE และปุ่ม SAVE เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ได้ไว้ใช้ต่อไปในวันข้างหน้า เหมาะสำหรับวันที่ไม่ได้เข้าสถานีชาร์จหรือลืมชาร์จมาจากบ้าน รถยนต์ก็ยังช่วยคุณชาร์จระหว่างขับขี่ได้อีกด้วย

รถคันนี้ต้องลอง ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV ด้วยตัวเองสักครั้ง แล้วจะพบประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มนวลสมกับช่วงล่างระดับตำนาน รวมถึงวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดการพลังงานไฟฟ้า ที่ออกแบบมาเพื่ออนาคตจริง ๆ ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV ด้วยตนเอง คลิก https://bit.ly/3yo5n3J 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส