Tesla ได้ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐอเมริกา (FCC) เพื่อขออนุญาตทำการตลาดในการใช้เซนเซอร์ตรวจจับปฏิกิริยาจากการเคลื่อนไหวในระยะสั้นมาจำแนกผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถ ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงสำหรับเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในรถโดยไม่ตั้งใจจนอาจหมดสติหรือเกิดอันตรายถึงชีวิตจากความร้อนที่สูงมากเกินไป

อุปกรณ์เซนเซอร์ที่ใช้มีย่านความถี่ 57-71 GHz จะถูกติดตั้งอยู่ภายในห้องผู้โดยสารและทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร (mmWave) ซึ่งไม่ต้องขอรับอนุญาตสามารถใช้งานได้เลย แต่ Tesla ต้องการใช้งานในระดับกำลังสูงกว่าที่กฎระเบียบกำหนดไว้ ดังนั้นจึงต้องขออนุญาตต่อ FCC ก่อน

Tesla นำเสนอด้วยเหตุผลว่าจากข้อมูลของสำนักงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) ได้ระบุว่าในปี 2018 และ 2019 มีเด็กมากกว่า 50 คนเสียชีวิตจากการเป็นลมจากความร้อนที่สูงมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้ในรถเพราะลืมนั่นเอง

เทคโนโลยีเรดาร์ mmWave นั้นสามารถตรวจจับเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในรถ ซึ่งมีข้อได้เปรียบบางอย่างที่เหนือกว่าระบบเซนเซอร์อื่น ๆ ซึ่ง mmWave ดีกว่าระบบการตรวจจับด้วยกล้องคือสามารถเห็นทะลุผ่านผ้าห่มที่ห่อตัวเด็กเอาไว้ได้ และยังดีกว่าระบบเซนเซอร์ตรวจจับในเบาะที่นั่งของผู้โดยสารตามน้ำหนักเพราะสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเด็กกับวัตถุที่วางทิ้งไว้บนที่นั่งได้ จึงช่วยป้องกันการเตือนที่ผิดพลาด และที่ 2 ระบบดังกล่าวไม่มี คือ mmWave ยังสามารถตรวจจับรูปแบบการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย

เรดาร์ mmWave ยังมีประโยชน์ในด้านความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น การปรับใช้ถุงลมนิรภัยขั้นสูงเมื่อเกิดอุบัติเหตุให้เหมาะกับขนาดของร่างกายสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่, แจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อตรวจพบผู้โดยสารตัวเป็น ๆ ไม่ใช่สิ่งของ, ระงับการใช้ถุงลมนิรภัยสำหรับสิ่งของซึ่งไม่ใช่ผู้โดยสาร และปรับปรุงระบบป้องกันการโจรกรรมได้ดีขึ้นโดยการตรวจจับหน้าต่างที่ถูกทุบแตกหรือการบุกรุกเข้ามาในรถ

ขณะนี้ FCC กำลังเปิดขอความคิดเห็นจากสาธารารณะเกี่ยวกับคำขอของ Tesla ไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน ซึ่งถ้าผ่านการอนุมัติเราก็จะได้ใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยในรถยนต์เพิ่มมากขึ้น

ที่มา : engadget และ ecfsapi.fcc.go

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส