กลายเป็นข่าวร้อนแรงในวงการ Maker หรือผู้สร้างสิ่งประดิษฐ์บ้านเรา เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจะมีผลให้ต่อไปเมื่อประกาศกระทรวงนี้ถูกประกาศใช้ 3D Printer ที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องได้รับการขึ้นทะเบียนก่อนจึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้

กระทรวงพาณิชย์ให้เหตุผลถึงการออกร่างประกาศในครั้งนี้โดยมองว่าเครื่องพิมพ์ 3 มิติ สามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ วิศวกรรมหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ก็จริง แต่ในทางลบก็สามารถใช้ 3D Printer สร้างวัตถุผิดกฏหมายและวัตถุอันตรายอย่างอาวุธปืนได้เช่นกัน จึงต้องมีการออกระเบียบเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน

เมื่อนึกถึงเครื่องพิมพ์ 3 มิติ หลายคนก็นึกถึงเครื่องที่สามารถทำของเล่นหรือโมเดลต่างๆ ออกมาจากเครื่องได้ แต่ความจริงที่หลายคนยังไม่รู้คือเครื่องพิมพ์ 3 มิตินี้กำลังจะกลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญ เป็นความรู้ที่จำเป็นสำหรับภาคการผลิตยุคใหม่ที่แข่งขันกันลดต้นทุนเพื่อที่จะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เพราะ 3D Printer คือเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้าง

  • สร้างเครื่องมือเฉพาะสำหรับช่วยในการผลิต จากแต่เดิมที่ต้องลงทุนสูงมากกับเครื่องมือเฉพาะทาง แต่ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติจะช่วยสร้างเครื่องมือที่ถูกลง และใช้ได้ทันเวลา เช่นการเอาไปสร้างแม่พิมพ์ หรือสร้างเครื่องมือยึดจับต่างๆ
  • สร้างชิ้นส่วนสำหรับใช้งานจริง ผลิตภัณฑ์บางตัวเราไม่ได้ผลิตจำนวนมากๆ (เช่นการผลิตเครื่องบิน) การผลิตแบบเดิมที่ต้องผลิตชิ้นส่วนออกมาทีละเยอะๆ จึงจะคุ้มทุนจึงไม่เหมาะแล้ว
  • สร้างจินตนาการ อันนี้เอาในเชิงจริงจังก่อน เช่นในทางการแพทย์ เราสามารถใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติสร้างแบบจำลองอวัยวะเพื่อให้แพทย์สามารถสื่อสารภาพความคิดของตัวเองให้คนไข้และทีมงานเข้าใจก่อนการผ่าตัดได้ หรือในเชิงสำหรับครอบครัว เราก็สามารถใช้ 3D Printer เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จากจินตนาการของเด็กๆ ได้ หรือใช้ในเชิงของนักประดิษฐ์ที่พิมพ์ชิ้นส่วนต่างๆ จาก 3D Printer เพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ตัวเองออกแบบขึ้นมาเอง

เมื่อเครื่องมือที่สามารถส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในแกนของการผลิตยุคใหม่ จะถูกจำกัดให้เข้าถึงยากขึ้น ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายมากที่ของชิ้นหนึ่งที่มีข้อดีมากมาย แต่กำลังจะถูกข้อเสียไม่กี่จุดควบคุมด้วยความกลัว ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าทักษะด้านการใช้งานเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่จะสร้างยากขึ้นหลังจากนี้ เพราะตัวเครื่องพิมพ์ถูกควบคุม จะคุ้มกับสิ่งที่เสียไปเพราะความกังวลเรื่องความปลอดภัยนี้หรือไม่

เราก็หวังว่ารัฐบาลจะใช้ความกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างรอบคอบ และมีช่องทางที่เปิดกว้างสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาและมีข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการใช้งานสำหรับบุคคลทั่วไป เพราะเราไม่อยากเห็นเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนโลกตัวนี้ ถูกจำกัดให้ห่างจากคนไทยไป

ที่มา: มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559