ปัจจุบันเทคโนโลยีมาไกลจนพ่อแม่ของผู้เขียนยังต้องบอกว่า “โลกมันไปไวนะ” ไม่ว่าจะโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวที่สามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ใช้เป็นกล้องได้ ใช้เป็นเครื่องคิดเลข ส่งอีเมล คุยงาน สารพัดอย่าง จนตอนนี้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นมีคนไทยทายถูกอย่างกับย้อนเวลาอย่างนั้นเลยครับ!

ย้อนกลับไปสมัยยังหนุ่ม ๆ สาว ๆ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2546 (2003) หรือประมาณ 16 ปีที่แล้ว (ตั้งแต่ยังไม่มี iPhone เลยด้วยซ้ำ) มีผู้ใช้งานพันทิปชื่อว่า “บรึ๋ยศักดิ์ ” ได้ตั้งกระทู้ถามชาวพันทิปในหัวข้อว่า

ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ เพื่อน ๆ คิดว่าใน 10 ปีข้างหน้านี่ trend ของคอมจะเป็นยังไงครับ

pantip

ตัวอย่างคอมเมนท์ที่ทายถูกทั้งหมด!

pantip

พูดถึงไมค์ที่หน้าจอนั้น จะว่าก็คล้าย ๆ กับพวกผู้ช่วยอัจฉริยะ (Assistant ต่าง ๆ) อย่างเช่น Siri หรือ Google Assistant ที่เพียงเราพูดไปมันก็พิมพ์ออกมาเป็นตัวอักษรได้เลย หรือแม้แต่ใช้ผู้ช่วยเหล่านี้เพื่อทำภารกิจบางอย่าง เช่น โทรหาแม่ หรือใช้หาห้างสรรพสินค้าที่ใกล้บ้านที่สุดได้อีกด้วย เรื่องคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ตอนนี้เราแทบไม่เห็นคอมพิวเตอร์ที่มีสายไฟพันไปมายุ่งเหยิงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ความเห็นของคุณ YaiJomZon เรื่องการใช้ลายนิ้วมือแทนรหัส อันนี้ก็มาแล้วเช่นกัน สำหรับบนโน้ตบุ๊กเริ่มต้นใช้งานครั้งแรกสมัยตั้งแต่ ThinkPad ยังเป็นของ IBM รุ่น ThinkPad T42 เปิดตัวในปี 2004 ส่วนสมาร์ตโฟนเริ่มโดย Motorla Atrix เปิดตัวเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา (นานแล้ว) แต่ยังเป็นแบบ Optical sensor ส่วน Capacitive sensor นั้นถูกใช้งานครั้งแรกใน iPhone 5s ครับ หลังจากนั้นก็เริ่มพัฒนาเซนเซอร์เข้ามาอยู่ในหน้าจอเหมือนที่เราเห็นกันทุกวันนี้

Motorola atrix

Motorla Atrix

ระบบใช้เสียงสั่งงานนั้นก็คล้าย ๆ กับที่กล่าวไว้ข้างต้นอย่าง Siri หรือ Google Assistant ที่เริ่มถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในสินค้ากลุ่ม IoT, Smart Home ก็มาพร้อมกับระบบเสียงสั่งงานมากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญ คำว่า “ถูกอย่างกะวุ้น” นั้น ถ้าเทียบเทคโนโลยีสมัยนั้นกับสมัยนี้ ก็ถือว่าถูกลงนะ อย่างพ่อผู้เขียนเอง ตอนนี้ใช้ iPhone ก็เล่าความหลังให้ฟังว่า เมื่อเทียบกับมือถือสมัยก่อนเครื่องละ 2-3 หมื่นสมัยนั้น ก็ถือว่าไม่แพงมากเลยในสมัยนี้

การเชื่อมต่อไร้สายมากขึ้น! อันนี้ก็จริง ตัวอย่างการตัดหูฟัง 3.5 มม ออก เปลี่ยนมาเน้นหูฟัง Bluetooth แทน (ฮา) ปัจจุบันสมาร์ตโฟน โน้ตบุ๊ก ถอด HDMI ใช้การส่งสัญญาณไปยังจอปลายทางแทน แม้แต่รถยนต์ก็เริ่มมีการพัฒนาให้สามารถใช้งานแบบไร้สายมากยิ่งขึ้น เช่นการสั่งงานระยะไกลหรือไม่ต้องมีคนขับ (ถึงแม้ว่ารถจะยังไม่ถูกนำมาใช้งานจริงอย่างแพร่หลายก็ตาม) ส่วน Portable Harddisk นั้นก็มีขนาดเล็กลงเท่าแผ่น Minidisc ตามที่คุณ RobertSpeharsJarni เช่นกัน (และเล็กไปกว่านั้นแล้ว)

minidisc ของ Sony

minidisc ของ Sony

และในส่วนของอินเทอร์เน็ตนั้นก็ถูกพัฒนามาให้การรับส่งข้อมูลนั้นเร็วมากเช่นเดียวกัน สามารถดู Live จากอีกซีกโลกได้อย่างไม่มีสะดุด รวมถึงการโอนถ่ายข้อมูลก็ทำได้เร็วมาก ๆ จนแทบไม่ต้องรอนานเลยครับ (ถ้าเน็ตเร็ว)

สุดท้ายคือคอมเมนต์ของคุณ iii ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือเรื่องหน้าจอแสดงผลที่แว่นตาเหมือนกับ Scouter หรือเครื่องวัดพลังของเบจิต้า ถึงแม้จะยังไม่มีผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมที่ทำออกมาใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีที่ใกล้เคียงสุดอย่าง Google Glass ซึ่งปัจจุบันถูกใช้ในกลุ่มองค์กรเท่านั้น ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าแต่ละบริษัทคงกำลังพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะให้สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันหรือชีวิตจริงอยู่อย่างแน่นอนครับ

จากที่กล่าวมานั้นก็แม่นแทบจะ 100% เลยทีเดียว จนแอบคิดไม่ได้ว่าผู้ใช้งานพันทิปเหล่านี้ย้อนเวลามาจากอนาคตกันหรือไม่นะ? แล้วแฟน ๆ แบไต๋คิดว่าหลังจากนี้ในอนาคตอีกสิบปีเราจะได้เห็นอะไรกันบ้าง มาทายกันครับ!

อ้างอิง Pantip

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส