นอกจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปทรงจาก Earbuds มาเป็น In-ear และเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Noise-cancellation และ Transparency เข้ามาแล้ว Apple ยังพัฒนาค่า Latency หรือค่าความดีเลย์ให้น้อยลงอีกด้วย

Stephen Coyle บล็อกเกอร์ที่เป็นทั้งนักดนตรีและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ได้ทดสอบค่า Latency ผ่านเสียงคีย์บอร์ดของ iOS ซึ่งเป็นปัญหาที่คนมักจะพบความดีเลย์ของเสียงมากที่สุดและเกมชื่อ Tapt ซึ่งเขาพัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่ง Coyle ระบุว่าสองอย่างนี้เป้นตัวชี้วัดที่ดี โดยเฉพาะเกมที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัดค่า Latency โดยเฉพาะ

นอกจาก AirPods Pro แล้ว Coyle ยังทดสอบหูฟังรุ่นอื่น ๆ ได้แก่ AirPods รุ่นแรก และ AirPods รุ่นที่สอง (มี Wireless Charge), Beats Studio 3 และ Sony WH-CH700N ได้ผลตามภาพด้านล่างนี้

จากผลทดสอบพบว่า AirPods Pro มีค่าความดีเลย์ที่น้อยที่สุด อยู่ที่ 144 ms ในขณะที่ AirPods รุ่นแรก, AirPods 2, Beats Studio 3 และ Sony WH-CH700N มีค่าความดีเลย์อยู่ที่ 274, 178, 250 และประมาณ 240 ตามลำดับ

นอกจากเรื่องเสียงและระบบการใช้งานต่าง ๆ แล้ว Apple ยังพัฒนาค่าความหน่วงให้น้อยลงกว่าเดิมอีกค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว โดย Coyle ระบุว่า AirPods Pro คือหูฟังที่ใกล้เคียงกับคำว่า Seamless มากที่สุดแล้ว

อ้างอิง 9to5Mac

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส